“เพราะงั้นผมเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นบททดสอบของบอสเผย เป็นหัวข้อที่กำหนดให้ทำให้ได้”

“บอสเผยเก่งเรื่องการเสี่ยงดวงที่ลงทุนต่ำแต่ได้ผลตอบแทนสูง”

“เกมโดดเดี่ยวเดียวดายกลางทะเลทรายกับเกมแม่ทัพผีเองก็เป็นแบบนั้น!”

“เพราะงั้นเราต้องสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุดเหมือนกัน!”

“ผมคิดเรื่องนี้ดูหลายๆ จุดแล้ว ตัวละคร ฉากหลัง กับคัตซีน…เราต้องประหยัดกับตรงนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่อย่างนั้นโหมดเนื้อเรื่องก็จะไร้ความหมาย เราต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดตรงจุดที่จำเป็นที่สุด!”

เปาซวี่มั่นใจอย่างนั้น

หวงซื่อปั๋วยังคงพยักหน้าเห็นด้วย

เปาซวี่พูดต่อ “จริงๆ ถ้าเราเลือกที่จะใช้ทรัพยากรให้ประหยัดที่สุดเท่าที่ทำได้ เราก็เหลือตัวเลือกให้ทำไม่กี่อย่าง”

“อย่างแรกคือเรื่องการออกแบบตัวละคร ตัวเกมใช้มุมมองบุคคลที่หนึ่ง ทำแบบนี้เราก็จะลดทอนเรื่องการสร้างโมเดลตัวละครไป สร้างให้เห็นแค่แขนกับขาก็พอ”

“แนวเกมใช้เป็นธีมซอมบี้ก็ได้ จะมีศัตรูสองแบบในเกม คือซอมบี้กับทหารรับจ้าง เราใช้เทมเพลตทั่วไปมาปรับเพิ่มได้จะได้มีศัตรูหลายรูปแบบ”

หวงซื่อปั๋วพยักหน้า “โอเค เข้าใจแล้วครับ เป็นความคิดที่ดีเลย แต่ผมว่าเนื้อเรื่องจะไม่ค่อยมีอะไรเลยนะถ้ามีแค่ซอมบี้กับทหารรับจ้าง เราต้องมีตัวละครเสริมด้วย”

“ผมคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว เราต้องการแค่ตัวเดียวพอ เอาเป็นเด็กผู้หญิง”

เปาซวี่มองกระดาษที่เหมือนยันต์ในมือ “เพื่อให้ประหยัดทรัพยากร ผมว่าจะสร้างให้เด็กผู้หญิงคนนี้พูดไม่ได้ เราจะได้ตัดเรื่องบทพูดกับค่าพากย์เสียงไป ทั้งเกมจะใช้แค่เสียงเอฟเฟกต์ต่อสู้ที่เห็นกันบ่อยๆ”

หวงซื่อปั๋วนิ่งไป “หืม ตัวละครเสริมตัวเดียวในเกมเป็นเด็กที่พูดไม่ได้เหรอครับ แล้วเราจะดำเนินเรื่องยังไงล่ะ”

ตามความเข้าใจของหวงซื่อปั๋ว บทพูดของตัวละครเสริมถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการเพิ่มความเข้มข้นให้เนื้อเรื่องและแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยของตัวละคร

ถ้ามีตัวละครเสริมแค่ตัวเดียวในเรื่องแล้วยังพูดไม่ได้ ทั้งเกมก็เงียบเป็นเป่าสากกันพอดี

เปาซวี่คิดถึงจุดนี้ “ใช่ครับ…เราไม่มีทางเลือก ถ้าปรับตามก็ต้องเป็นแบบนี้ ถ้าจะให้เด็กพูดได้ เราต้องหามืออาชีพมาพากย์เสียง ไม่ใช่แค่นั้นนะ เราต้องหาสำเนียงที่เหมาะกับภูมิหลังตัวละครด้วย ซึ่งก็ต้องวุ่นวายกันทีเดียว”

“อีกอย่างผมว่าเด็กพูดไม่ได้ก็ไม่กระทบเนื้อเรื่องเท่าไหร่ เราใช้จุดอื่นมาแทนก็ได้”

“อย่างเช่น ท่าทาง สีหน้า การเคลื่อนไหว”

“ถ้าเป็นตัวละครที่พูดไม่ได้ เด็กผู้หญิงนี่แหละที่เหมาะที่สุด”

“ที่ต้องมีเด็กคนนี้ในเกมมีอยู่สองเหตุผล”

“ข้อแรกคือเป็นตัวช่วยปรับอารมณ์ ทั้งเกมมีแค่ซอมบี้กับทหารรับจ้าง เด็กคนนี้จะเป็นเหมือนแสงไฟท่ามกลางความมืดสำหรับเหล่าเกมเมอร์ เด็กสาวจะมาเป็นตัวปรับสมดุลอารมณ์ในเกม จะได้ไม่มีแค่เสียงยิงปืนกันปังๆๆ อย่างเดียว”

“ข้อสองคือ เด็กจะเป็นตัวช่วยแก้ปัญหาในเกม เกมแสตนด์อโลนดังๆ ของต่างประเทศก็ใช้กลยุทธ์ที่คล้ายๆ กันคือให้ NPC ช่วยแก้ปัญหาในเกม เราอาจจะสร้างฉากให้ประตูหลักล็อกอยู่ ทางออกมีแค่ช่องระบายลมแคบๆ ด้านข้างเพื่อให้เด็กคนนี้มุดเข้าไปช่วยตัวเอกเปิดประตู”

“ถ้าทำแบบนี้ ไม่ว่าจะในแง่อารมณ์หรือการเล่นเกม เด็กคนนี้จะเป็นตัวละครที่สำคัญมากๆ สำหรับผู้เล่น”

หวงซื่อปั๋วพยักหน้า “โอเค ฟังดูดีเลยครับ! แต่ผมมีคำถามอีกข้อ แล้วเรื่องภูมิหลังของเนื้อเรื่องล่ะ เอาเป็นธีมวันโลกแตกเหรอครับ ธีมของโลกต้องเข้ากับซอมบี้ เด็กผู้หญิง แล้วก็ทหารรับจ้าง ต้องสมเหตุสมผล ไม่ดูดึงดังเกินไปด้วย”

เปาซวี่ขีดเส้นใต้อะไรสักอย่างบนกระดาษยันต์ “ทีนี้ก็มาถึงจุดที่สอง เรื่องฉากหลัง”

“สิ่งที่จำเป็นที่สุดคือฉากจะต้องสร้างง่าย สมมติว่าถ้าเราจะสร้างเนื้อเรื่องยาวสามชั่วโมง เกมสแตนด์อโลนของต่างประเทศส่วนใหญ่จะใส่ฉากหลังที่ต่างกันมาสักสี่แบบ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะทำให้ได้แบบนั้น”

“ผมคิดไว้ว่าเรื่องจะเกิดที่ฐานทัพใหญ่กลางทะเล ที่องค์กรชั่วร้ายใช้เป็นฐานทดสอบไวรัสเพื่อทดลองดัดแปลงให้ทหารรับจ้างกลายเป็นนักรบที่ไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย”

“ถ้าวางเนื้อเรื่องไว้แบบนี้ เป้าหมายของตัวเอกก็คือต่อสู้หาทางออกจากฐานตั้งแต่ชั้นล่างสุดไปจนถึงด้านบน ทีนี้ที่เราต้องสร้างก็แค่ฉากแนวฐานทัพลับ”

“เราปรับให้แต่ละชั้นแตกต่างกันได้หลายแบบ เช่น เปลี่ยนมอนสเตอร์ หรือปรับฉากหลังนิดๆ หน่อยๆ ขอแค่สไตล์ยังเป็นฐานทัพลับก็พอ แค่ปรับนิดหน่อย เราก็สร้างฉากหลายแบบได้ง่ายๆ”

“เช่น บางฉากอาจจะมีไวรัสแพร่ระบาด พื้นกับผนังผุกร่อน ไม่ก็เต็มไปด้วยคราบเลือดกับเศษเนื้อ เราอาจจะให้บางฉากยังดูปกติ แค่ข้าวของกระจัดกระจายก็พอ บางฉากอาจจะเสียหายหนักเพราะพวกทหารรับจ้างระเบิดทำลายศพ…”

“แค่ฉากหลังฉากเดียว เราก็สร้างฉากต่างๆ ได้เยอะแยะ แถมยังเหมาะจะเป็นฉากหลังของเกมด้วย”

หวงซื่อปั๋วลูบคาง “โอเค ดีเลยครับ! แต่ถ้าองค์กรชั่วร้ายตั้งอยู่กลางทะเลแล้วทำไมถึงมีเด็กที่นั่นได้”

“ง่ายมากครับ” เปาซวี่อธิบายต่อ “เด็กคนนี้มีภูมิต้านทานพิเศษเลยโดนองค์กรจับมาทดลอง และเพราะการทดลองเลยทำให้พูดไม่ได้”

“เยี่ยมเลยครับ!”

หวงซื่อปั๋วตาเป็นประกาย “อีกอย่างเราขยายเรื่องราวเพิ่มออกไปได้อีก ผมว่าเราเพิ่มให้เลือดของเด็กคนนี้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บตัวเอกได้ด้วยก็ดี อย่างเช่น ถ้าผู้เล่นโดนจับหรือโดนซอมบี้กัด เด็กจะใช้เข็มฉีดยาดูดเลือดตัวเองมาช่วยรักษาตัวเอก”

“ไอเดียดีเลยครับ!” เปาซวี่เองก็คิดว่าเป็นการแนะนำที่เข้าท่า

“ทำแบบนี้ เด็กคนนี้ก็จะยิ่งจำเป็นต่อผู้เล่น! ทุกครั้งที่เด็กดูดเลือดตัวเองออกมาก็จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นกับเด็กคนนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก แล้วยิ่งเด็กดูดเลือดตัวเองไปมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งอ่อนแอ เคลื่อนไหวช้าลง ถ้าไม่อยากให้เด็กทรมาน ผู้เล่นต้องพัฒนาฝีมือตัวเองให้จัดการศัตรูได้ดีขึ้น แบบนี้ก็จะช่วยให้ผู้เล่นอินกับเกมเรามากขึ้นด้วย!”

ทั้งสองวางเนื้อหาส่วนใหญ่ได้อย่างรวดเร็วหลังจากช่วยกันเสนอความคิดเห็น

ตัวเกมจะดำเนินเรื่องในฐานทัพลับกลางทะเล ตัวเอกเป็นทหารกองกำลังพิเศษจากฝั่งตะวันออกที่แฝงตัวเข้าไปสืบข้อมูล แต่ดันมีไวรัสระบาดตอนที่เขาไปถึงพอดี

เขาต้องต่อสู้ฝ่าไปชั้นบนสุดของฐานทัพเพื่อหลบหนีออกไป โดยใช้อาวุธที่ได้จากศัตรูจัดการกองทัพซอมบี้และทหารรับจ้าง

ระหว่างการหลบหนี ตัวเอกบังเอิญไปเจอเด็กหญิงผู้เป็นใบ้และเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาเขาเอาตัวรอดออกไปจากที่แห่งนี้ได้

เรื่องราวทั้งหมดมีตัวเอกและเด็กหญิงเป็นตัวดำเนินเรื่อง

ถึงจะไม่ใช่เรื่องราวที่สลับซับซ้อนอะไร แต่ก็ถือว่าเป็นเนื้อหาที่ไม่ธรรมดาเลย!

แม้เด็กหญิงจะเป็นแค่ตัวละครเสริม ขอแค่สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถัน ตัวละครนี้ก็จะสร้างความประทับใจให้ชาวเกมเมอร์ได้ดีกว่าใส่ตัวละครเสริมที่ไม่จำเป็นเข้ามาหลายๆ ตัว!

หวงซื่อปั๋วพิมพ์สรุปลงคอมพิวเตอร์อย่างขยันขันแข็ง

พออ่านไฟล์งานดู เขาก็ตะลึงไป

ช่างเป็นแผนงานที่สมบูรณ์แบบจริงๆ!

นี่เป็นผลงานจากการวางคอนเซ็ปต์เพียงไม่กี่ชั่วโมงของเปาซวี่จริงๆ หรือ

นอกจากจะแก้ปัญหาเรื่องทรัพยากรในเกมที่มีจำกัดแล้ว เนื้อเรื่องยังสมเหตุสมผล ได้สัดส่วน และซาบซึ้งกินใจ!

หวงซื่อปั๋วยกนิ้วให้เปาซวี่ “พี่เปาโคตรเทพ!”

เปาซวี่ส่ายหน้า “ไม่เลยครับ ผมแค่จัดการตามโจทย์ที่บอสเผยให้มา บอสต้องคิดเรื่องนี้ได้ตั้งแต่ต้นเลยลองทดสอบพวกเราดูว่าจะเข้าใจความคิดของบอสรึเปล่า”

………………