เวลากลางคืนคือสวรรค์สำหรับนักฆ่า กลางคืนเป็นเครื่องปกป้องที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา แคลร์หรี่ตามองควันสีดำในเวลากลางคืนนั้น 

 

 

แคลร์หยิบนกหุ่นเวทย์ออกมาแล้วปล่อยไปมันในอากาศให้นกหุ่นเวทย์ไปหาคลิฟ ส่วนนางเองก็เปิดหน้าต่างและไล่ตามควันดำไปในความมืดยามค่ำคืน 

 

 

ความสงสัยเกิดขึ้นในใจของวัลโด แม้ว่าความดำมืดนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่มากพอที่จะกระจายลมหายใจแห่งความตายไปทั่วเมืองได้ เพราะมันไม่แข็งแกร่งเพียงพอ! 

 

 

ที่นี่มีผู้ใช้ความตายมากกว่าหนึ่งคนหรือ?! 

 

 

วัลโดขมวดคิ้ว ลางไม่ดีเกิดขึ้นในใจของเขา 

 

 

แคลร์เดินไปในความมืดอย่างคล่องแคล่วและไล่ตามควันดำไปยังประตูเมือง ควันสีดำลอยลงไปที่ฐานกำแพงเมืองและเข้าไปในบ่อน้ำที่มุมกำแพงนั้น แคลร์กลั้นหายใจเดินตามอย่างเงียบๆ นี่คือบ่อน้ำแห้งที่มีบันไดไม้อยู่ที่ปากบ่อ แคลร์หยุดและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เดี๋ยวนกหุ่นเวทย์คงจะมาถึงที่นี่พร้อมกับอาจารย์ หลังจากคิดอยู่สักพักหนึ่ง แคลร์ก็ตัดสินใจค่อยๆ ปีนลงไปในบ่อน้ำแห้งนั้น 

 

 

“เฮ้ แคลร์ เดี๋ยวก่อน รอลงไปข้างล่างพร้อมกันตอนอาจารย์ของเจ้ามาถึงเถอะ ข้ารู้สึกว่ามันมีลมอะไรบางอย่างในนั้น” วัลโดตัวสั่นเล็กน้อย 

 

 

“ไม่ใช่เจ้ารู้สึกหรอก มันมีลมจริงๆ!” แคลร์ขมวดคิ้วมองลงไปที่บ่อน้ำที่แห้งนั้น ลมเย็นพัดโชยมาจากด้านล่าง ทางนี้จะพาไปสู่ที่ไหนกัน? 

 

 

แคลร์ค่อยๆ ลงไปจนถึงด้านล่างของบ่อน้ำ 

 

 

ควันดำหายไปแล้ว 

 

 

ผนังด้านล่างของบ่อน้ำยังคงสภาพเดิม 

 

 

แล้วควันดำหายไปไหน? 

 

 

แคลร์มองไปรอบๆ นางหลับตาและค่อยๆ วางมือลงบนผนังของบ่อน้ำ วัลโดรู้สึกแปลกใจที่แคลร์ทำเช่นนี้ 

 

 

เมื่อแคลร์ลืมตาขึ้นอีกครั้ง อุโมงค์ลึกก็ปรากฎอยู่ข้างหน้านาง 

 

 

“มันเป็นภาพลวงตาหรือ? ” วัลโดพูดด้วยความประหลาดใจ กำแพงของบ่อน้ำที่มองแล้วช่างดูธรรมดา คิดไม่ถึงว่าเลยมันจะเป็นภาพลวงตาให้เห็นเป็นกำแพงว่างเปล่า แต่ความจริงแล้วมีทางลับอยู่ด้านหลัง 

 

 

แคลร์ไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินไปตามอุโมงค์นั้น ไป๋ตี้เกาะผมของแคลร์แล้วจ้องไปด้านหน้า 

 

 

ยิ่งเดินไปไกลเท่าไหร่ ลมเย็นก็ยิ่งแรงมากขึ้นเท่านั้น 

 

 

“สถานการณ์ข้างหน้าเป็นอย่างไรบ้าง? ” แคลร์ถามวัลโด 

 

 

“ลมหายใจแห่งความมืดอยู่ข้างหน้า มันเบาลงกว่าตอนแรกเยอะ คิดว่าคงจะอยู่ห่างออกไปสักหน่อย” วัลโดตอบแคลร์ 

 

 

เมื่อแคลร์ออกจากอุโมงค์นางถึงกับผงะ ตอนนี้นางอยู่นอกเมืองแล้ว! ที่นี่เป็นป่าเล็กๆ นอกเมือง 

 

 

“เจดีย์กระดูก!” วัลโดกระซิบ เสียงของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เจดีย์กระดูกเป็นสิ่งก่อสร้างชั่วร้ายมากและถูกสร้างขึ้นด้วยกระดูกทั้งหมด ความแค้นและกลิ่นอายของศพมีประโยชน์ต่อการฝึกฝนของผู้ใช้ความตายเป็นอย่างมาก 

 

 

แคลร์เงยหน้าขึ้นมองยอดแหลมสีขาวจางๆ ในป่า เจดีย์ความสูงประมาณห้าหรือหกเมตรสร้างด้วยกระดูกสีขาวทั้งหมด 

 

 

“สิ่งนั้นทำมาจากกระดูกทั้งหมด แปลกมาก ทำไมเราไม่เห็นตอนที่เข้าไปในเมืองล่ะ? ถึงแม้ว่าเราจะไม่เจอเจดีย์ แต่นักเวทย์ในเมืองก็น่าจะสามารถเห็นสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นขนาดนี้ได้นี่นา” วัลโดงง 

 

 

“เพราะมันเคลื่อนที่ได้! ” แคลร์พูดอย่างเย็นชา 

 

 

“อะไรนะ?!” เสียงของวัลโดเต็มไปด้วยความกลัวและประหลาดใจ มีผู้เคลื่อนย้ายเจดีย์กระดูก แถมยังเป็นผู้ใช้ความตายและนักเวทย์มนตร์ดำด้วย ผู้ที่ทำแบบนี้ได้มีเพียงคนเดียวเท่านั้น! สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวไร้ซึ่งความมนุษย์! 

 

 

“แคลร์ เจ้าแน่ใจหรือว่าเจดีย์กระดูกเคลื่อนที่ได้?! ” เสียงของวัลโดสั่น 

 

 

“อืม ข้าเพิ่งเห็นเจดีย์กระดูกขยับนิดหน่อย นี่เป็นสาเหตุที่ไม่มีใครพบเจดีย์กระดูกนี่เลย” แคลร์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น 

 

 

“แคลร์ รีบไปเถอะ พวกเรารีบกลับไปกันเร็ว! เร็วเข้าแคลร์! ” เสียงของวัลโดเต็มไปด้วยความร้อนใจและความกลัว 

 

 

แคลร์รู้สึกว่าวัลโดผิดปกติมาก นางจึงไม่ได้พูดอะไรพร้อมกับหยิบเสื้อคลุมล่องหนที่คลิฟให้มาสวมปกปิดร่างกายของนาง และเตรียมจะล่าถอยออกไป 

 

 

“นั่นคือเจดีย์กระดูกของจอมเวทย์มนตร์ดำชั้นยอดที่ชื่อแบนิม! มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีเจดีย์กระดูกเคลื่อนที่ได้ ไม่แปลกใจเลย! ไม่แปลกใจที่ทุกคนในเมืองจะติดเชื้อลมหายใจแห่งความตายได้! ” เสียงของวัลโดสั่น จอมเวทย์มนตร์ดำชั้นยอด! เป็นอันดับสองรองจากจอมเวทย์ชั้นเซียน หากจอมเวทย์แห่งความมืดเผชิญหน้ากับนักเวทย์เวทธรรมดา นักเวทย์ต้องแพ้อย่างแน่นอน เนื่องจากแบนิมผู้นี้โหดร้ายมาก เวทมนตร์ที่เขาใช้ยิ่งน่ากลัวและเลวร้ายยิ่งกว่า เวทมนตร์แห่งความตายของเขาสามารถสูบกลืนคนธรรมดาและเปลี่ยนเป็นกองกระดูกได้ทันทีเลย 

 

 

แคลร์ตกใจมาก แบนิม นางเคยได้ยินเรื่องนี้ เขาอยู่อันดับที่สองในรายชื่อจับตายที่สภาเวทมนตร์กำลังตามไล่ล่า เขาสามารถหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง และโจมตีคนของสภาเวทมนตร์อย่างรุนแรงเสมอ เขาอันตรายและโหดร้ายมาก ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมาปรากฏตัวที่นี่ 

 

 

“โอ้ ตรงนี้มีกระต่ายน้อยน่ารัก” ในขณะที่แคลร์กำลังจะถอยออกไปอย่างเงียบๆ เสียงที่เยือกเย็นดูหยอกล้อก็ดังมาจากสภาพแวดล้อมที่ว่างเปล่า เสียงนั้นดังอยู่ในหูของแคลร์ 

 

 

นี่นางเจอกับสิ่งที่มองไม่เห็นงั้นหรือ? แคลร์ตกใจ คู่ต่อสู้มีพละกำลังขนาดไหนกันนะ?! 

 

 

แคลร์สัมผัสถึงการเคลื่อนไหวของอากาศโดยรอบอย่างระมัดระวัง 

 

 

“เจ้าทำบ้าอะไร เจ้าถูกคนตามมายังไม่รู้อีก! ” น้ำเสียงเย็นชามีความโหดร้ายอยู่ในนั้น 

 

 

“อาจารย์ ข้าขอโทษ ข้าไม่ทันได้สนใจ” เสียงนั้นดังมาจากเจดีย์กระดูกที่อยู่ห่างออกไป ควันสีดำลอยผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นควันสีดำกลายเป็นชายหนุ่มผอมแห้ง ดวงตาของชายคนนั้นมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า ผิวหนังที่คอก็เ**่ยวย่นยุบลง ปากของเขาซีดเซียว 

 

 

“ลำบากจริงๆ แค่คนจากวิหารแห่งแสงมายังไม่เท่าไหร่ นี่เจ้ายังถูกคนตามมาอีก รีบกำจัดนางเร็วเข้า เราจะได้เปลี่ยนสถานที่กัน” น้ำเสียงเย็นเยียบเร่งเร้า 

 

 

“ครับ อาจารย์ แต่…” ชายร่างผอมน่ากลัวมองไปที่พื้นดินด้วยท่าทางลำบากใจเล็กน้อย ระดับพลังของเขาไม่สามารถมองเห็นแคลร์ที่ล่องหนอยู่ได้ 

 

 

“เสียเปล่าจริงๆ เจ้าไม่ดีขึ้นเลยสักนิด” เสียงเย็นเยียบดังขึ้น ในช่วงเวลาถัดมาลมหายใจที่อึดอัดก็ห่อหุ้มแคลร์เอาไว้ ทันใดนั้นแคลร์รู้สึกได้ว่าคอของนางถูกบีบ นางหายใจไม่ออก และร่างกายก็หนักอึ้งจนขยับไม่ได้ 

 

 

“แคลร์ ฮือ แคลร์ ทนไว้ก่อนนะ อาจารย์ของเจ้ากำลังใกล้จะมาถึงแล้ว” เสียงที่ตกใจและกังวลของวัลโดดังขึ้นในหัวของแคลร์พร้อมกับร้องไห้ 

 

 

แคลร์ไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ออกมาได้ คอของนางถูกบีบรัดจนแน่ร สุดท้ายร่างของแคลร์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าผู้ใช้ความตายหนุ่มช้าๆ 

 

 

“จัดการกับนางเร็วๆ เข้าแล้วรีบออกเดินทาง” เสียงที่เยือกเย็นจากระยะไกลดังขึ้นและเจดีย์กระดูกสีขาวก็เริ่มเคลื่อนตัวช้าๆ 

 

 

“ครับ อาจารย์ ข้าจะตามไป” ผู้ใช้ความตายหนุ่มตอบแล้วหันไปมองแคลร์ที่อยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเขากระตุก เขาส่งเสียงหัวเราะที่น่ากลัวออกมา หันไปมองแคลร์และเดินมาข้างหน้าแคลร์ช้าๆ เขาก้มตัวเล็กน้อยเพื่อมองหน้าแคลร์ 

 

 

“หน้าตาดีจริงๆ ผิวก็ดูเนียนนุ่มมาก ข้าจะลอกมันออกมาทำหมอน ข้าจะได้นอนกอดบนเตียงทุกคืน ข้าก็จะตัดผมสีทองของเจ้าเอาทำแปรงให้ข้า…” ผู้ใช้ความตายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ 

 

 

แคลร์มองชายที่ดูผิดปกติตรงหน้าอย่างเย็นชา นางพยายามดิ้นให้หลุดจากผู้ใช้ความตายอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ว่าแคลร์จะพยายามแค่ไหน ก็ไม่มีวี่แววว่านางจะหลุดออกจากการควบคุมได้เลย 

 

 

“แคลร์ ฮือ ข้าจะทำยังไงดี ทำไมตาแก่คลิฟยังไม่มาอีกล่ะ?” วัลโดยังคงร้องโหยหวน 

 

 

แคลร์ไม่สามารถส่งเสียงหรือขยับตัวได้ 

 

 

ผู้ใช้ความตายหนุ่มยิ้มแปลกๆ เขาค่อยๆ ยื่นมือที่เปื้อนเลือดไปที่หน้าของแคลร์ 

 

 

เวลานี้ ดวงจันทร์ค่อยๆ เคลื่อนออกจากก้อนเมฆ เผยให้เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขา 

 

 

แคลร์มองผู้ใช้ความตายหนุ่มตรงหน้าแล้วถึงกับตกตะลึง 

 

 

มือของผู้ใช้ความตายหยุดอยู่กลางอากาศห่างจากใบหน้าของแคลร์สองเซนติเมตร เขามีใบหน้าแปลกประหลาดและพร้อมกับรอยยิ้มที่น่ากลัว แต่มือของเขาก็หยุดอยู่แค่ตรงนั้น 

 

 

จู่ๆ เลือดก็พุ่งออกมาจากคอของผู้ใช้ความตาย แล้วสาดกระจายไปในอากาศ 

 

 

ผู้ใช้ความตายยังคงอยู่ในท่าทางเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ มือของเขายื่นไปข้างหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่น่าขยะแขยงบนใบหน้า แต่ร่างของเขาค่อยๆ ล้มลงช้าๆ 

 

 

ภายใต้แสงจันทร์เผยให้เห็นชายหนุ่มรูปงามผมสีแดงเพลิงกำลังยิ้มอย่างร้ายกาจให้กับแคลร์ 

 

 

เฟิงอี้เซวียน? 

 

 

เขาโผล่มาที่นี่ได้อย่างไร? 

 

 

ผมสีแดงเพลิงของเฟิงอี้เซวียนนั้นแพรวพราวเป็นพิเศษใต้แสงจันทร์ เช่นเดียวกับรอยยิ้มร้ายกาจบนริมฝีปากของเขา 

 

 

“ห้ะ! พระเจ้า! เจ้าเด็กนิสัยเสียคนนี้จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้หรือไม่? เขาจะมาแก้แค้นหรือ? เขาจะไม่ยอมให้เจ้าตายด้วยน้ำมือของผู้อื่นหรือไง? เจ้าเด็กนี่มีจิตใจที่ผิดเพี้ยนตั้งแต่อายุยังน้อย จบแล้ว สิ้นหวังแล้ว! ข้าจบสิ้นแล้วจริงๆ วันนี้” วัลโดเริ่มส่งเสียงเศร้า เขาสติแตกราวกับจะแหลกสลายไปเลย คลื่นลูกแรกยังไม่ทันจบ คลื่นอีกลูกหนึ่งก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว 

 

 

แคลร์มองเฟิงอี้เซวียนเงียบๆ จู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวและช่วยนางไว้ แต่นางไม่ได้ตื่นตระหนก เพราะไม่มีกลิ่นอายสังหารในสายตาของเฟิงอี้เซวียน 

 

 

แคลร์ถอนหายใจ การลอบสังหารของเฟิงอี้เซวียนนั้นดีมาก เขาปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ โดยไม่คาดคิดและจัดการผู้ใช้ความตายได้ ในขณะที่นางพยายามที่จะหลุดจากการควบคุมโดยไม่ได้สนใจกับการเคลื่อนไหวรอบๆ มากนัก ดังนั้นนางจึงไม่เห็นการมาถึงของเฟิงอี้เซวียนเลย 

 

 

วัลโดรู้สึกว่าแคลร์ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาก็ยิ่งกังวลมากขึ้น “ข้าจะบอกให้เจ้าฟังนะแคลร์ ตอนนี้เจ้าเสียใจไหม ตอนนั้นเจ้าไม่ควรไปเหยียบหลังเขา มันจบแล้ว ตอนนี้เขาตัดสินใจจะไล่ล่าไปจนกว่าเจ้าจะตาย กรรมตามมาแล้ว” วัลโดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด 

 

 

……………………………………………………………………………..