ตอนที่ 58-1 องค์หญิงหลิงอวิ๋นแผลงฤทธิ์

ชายาเคียงหทัย

ตอนที่ตกน้ำไปนั้น เยี่ยหลียังอดนึกก่นด่าอยู่ในใจไม่ได้ ถึงแม้หลายปีมานี้นางจะพยายามฝึกฝนฝีมือและร่างกายของตนอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเปรียบกับชาติที่แล้วที่ต้องฝึกฝนท่ามกลางสายลมและสายฝน คลุกดินคลุกโคลนแล้ว ยังถือว่าห่างชั้นอยู่มาก อีกทั้งร่างกาย ณ ตอนนี้ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นที่รักใคร่ แต่ก็เป็นลูกคุณหนูที่มีชีวิตสุขสบายอย่างแท้จริง เมื่อตอนตกลงน้ำนางยังเป็นตะคริวขึ้นมาด้วยซ้ำ ยังดีที่เยี่ยหลีเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว จึงปรับร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ก่อนพุ่งตัวไปทางองค์หญิงหลิงอวิ๋น จับองค์หญิงหลิงอวิ๋นที่กำลังตะเกียกตะกาย แล้วดึงให้ลงไปก้นสระให้ลึกขึ้นได้

 

 

           แค่มองก็รู้แล้วว่าองค์หญิงหลิงอวิ๋นท่านนี้ว่ายน้ำไม่เป็น เยี่ยหลีอดยิ้มมุมปากไม่ได้ ดีจริง นี่นางควรจะต้องชื่นชมองค์หญิงท่านนี้ที่มีความกล้าในการเสียสละตนเองเพื่อความรักหรือไม่นะ ว่ายน้ำไม่เป็นแต่กล้ากระโดดลงน้ำ! เช่นนั้นก็เอาให้รู้สึกเสียหน่อยก็แล้วกันว่า การจมน้ำมันเป็นอย่างไร เชื่อว่าต่อไปนางคงเรียนรู้ที่จะประเมินศักยภาพตนเองก่อนคิดทำอะไรเป็นแน่

 

 

เดิมทีองค์หญิงหลิงอวิ๋นไม่ได้ตื่นตกใจสักเท่าไรนัก ด้วยนางรู้ว่าจะมีคนมาช่วยนางอย่างรวดเร็ว แต่นางกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังจมลึกลงไปเรื่อยๆ จึงยิ่งตกใจและดิ้นรนหนักขึ้นไปอีก เยี่ยหลีนึกส่งเสียงเหอะในใจ รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในน้ำนั้นคือตนกำลังจมน้ำแล้ว เยี่ยหลีรีบเคลื่อนตัวไปหลังองค์หญิงหลิงอวิ๋นอย่างรวดเร็ว แล้วทำให้หญิงสาวที่กำลังตื่นตระหนกหมดสติไป จากนั้นจึงลากนางว่ายไปอีกฝั่งหนึ่ง จนเมื่อคิดว่าใกล้ถึงขีดสุดขององค์หญิงหลิงอวิ๋นแล้ว จึงได้ผลักนางกลับไป

 

 

           เพียงชั่วแวบเดียว คนทั้งอุทยานก็มารวมตัวกันอยู่ริมทะเลสาบ องครักษ์จากแคว้นซีหลิงและองค์รักษ์ภายในอุทยานที่มาถึงก่อนรีบกระโดดลงน้ำลงไปช่วย

 

 

           “คนอยู่ไหน!” คนบนฝั่งร้องถามขึ้น ทุกคนต่างหันไปมองก็เห็นว่ามีผ้าทอสีสดลอยอยู่บนผิวน้ำ จากนั้นจึงเห็นพระชายาติ้งอ๋องลอยขึ้นมาอีกคน มือข้างหนึ่งยังลากเอาองค์หญิงหลิงอวิ๋นมาด้วย ในสายตาทุกคนต่างมองว่าพระชายาติ้งอ๋องได้ช่วยองค์หญิงหลิงอวิ๋นไว้ เยี่ยหลีทันได้เห็นว่าองค์รักษ์ที่ว่ายน้ำเข้ามาด้วยความรวดเร็วนั้นกำลังยิ้มน้อยๆ ให้องค์หญิงหลิงอวิ๋นที่กำลังสลบอยู่

 

 

“องค์หญิง ฟื้นสิ องค์หญิง…มีคนมาช่วยพวกเราแล้ว” เดิมทีที่เยี่ยหลีลงมือไปนั้นก็ไม่ได้รุนแรงอะไร เมื่อถูกลากขึ้นจากผิวน้ำ องค์หญิงหลิงอวิ๋นจึงลืมตาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว นางพบเยี่ยหลีกำลังส่งยิ้มเยาะน้อยๆ มาให้ตนอยู่ ด้วยความโกรธจึงไม่ได้สนใจว่าพวกนางจะอยู่กันที่ใด องค์หญิงหลิงอวิ๋นตะโกนเสียงแหลมขึ้น “เจ้าปล่อยข้านะ!” จากนั้นก็ออกแรงผลักตนเองออกมา

 

 

           “องค์หญิง ท่านอย่าขยับ ระวัง…”

 

 

           “เจ้าไม่ต้องมายุ่งกับข้า!” เมื่อเห็นว่าองครักษ์มาถึงตัวตนแล้ว องค์หญิงหลิงอวิ๋นยิ่งผลักเยี่ยหลีออกไปโดยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น

 

 

           ดีมาก…เยี่ยหลีปล่อยตัวตามแรงผลักขององค์หญิงหลิงอวิ๋นให้ตนจมลงน้ำไปอีกครั้งด้วยสีหน้าตื่นตกใจท่ามกลางสายตาของทุกคน

 

 

           เมื่อขึ้นฝั่งได้ก็มีนางกำนัลคลุมเสื้อผ้าที่แห้งและสะอาดให้องค์หญิงหลิงอวิ๋นโดยทันที ชิงอวี้และชิงหลวนถลึงตามององค์หญิงหลิงอวิ๋นด้วยความโกรธ “องค์หญิง พระชายาของพวกเรามีใจช่วยท่าน เหตุใดท่านจึงต้องผลักท่านลงไปด้วย!”

 

 

           องค์หญิงหลิงอวิ๋นเงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าของทุกคนที่มองมายังตนด้วยสายตากล่าวโทษ จึงได้ตะลึงไป นี่ไม่เหมือนกับแผนที่นางวางเอาไว้เลย! “ข้าไม่ได้ผลักนาง!”

 

 

ฮว่าเทียนเซียงยิ้มเยาะ “เป็นถึงองค์หญิงกล้าทำไม่กล้ารับ ต่อให้ท่านโกหกก็ช่วยแต่งเรื่องที่พอเชื่อได้หน่อยมิได้หรือ หรือว่าองค์หญิงคิดว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่ตาบอดกันไปหมดแล้ว”

 

 

องค์หญิงหลิงอวิ๋นโกรธจัด “นางผลักข้าลงไปหรอก ข้าจำเป็นต้องให้นางช่วย”

 

 

องค์หญิงเจาเหรินสีหน้าเคร่งขรึม “ความหมายขององค์หญิงคือพระชายาติ้งอ๋องเป็นคนผลักท่านลงน้ำ จากนั้นนางก็กระโดดตามลงไปช่วยท่านหรือ สุดท้ายท่านปลอดภัยดีแต่เป็นนางที่ตอนนี้ยังไม่ได้กลับขึ้นฝั่งอย่างนั้นหรือ องค์หญิงท่านต้องขอพรให้ชายาติ้งอ๋องไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นแล้ว เกรงว่าต่อให้ท่านเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นซีหลิง ต้าฉู่ของเราก็คงไม่อยู่เฉยเป็นแน่!”

 

 

           “พระชายา…หาพระชายาเจอแล้วเจ้าค่ะ…” ชิงอวี้ที่รออยู่บนฝั่งด้วยความร้อนใจตะโกนขึ้น ในทะเลสาบ ชิงซวงและชิงหลวนประคองเยี่ยหลีที่เห็นชัดว่าหมดสติไปแล้วขึ้นมาบนผิวน้ำ ริมฝั่งผู้คนต่างพากันช่วยลากเยี่ยหลีขึ้นมาพร้อมทั้งนำเสื้อผ้าสะอาดมาห่มคลุมให้นาง ชิงอวี้ยกมือของนางขึ้นมาจับชีพจร องค์หญิงเจาหยางมองเยี่ยหลีด้วยความร้อนใจ “เป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดหมอหลวงจึงยังไม่มีอีก”

 

 

ชิงอวี้เงยหน้าขึ้น “เป็นพระกรุณาที่องค์หญิงทรงเป็นห่วงเพคะ พระชายากินน้ำเข้าไปหลายอึกจึงได้สลบไป คงไม่มีอันตรายอะไรเพคะ เพียงแต่…ตอนนี้ต้องหาที่ให้พระชายาพักผ่อนก่อนเพคะ”

 

 

องค์หญิงเจาหยางหันมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้นทันทีว่า “ที่นี่ใกล้กับตำหนักเจาสยามากที่สุด พาชายาติ้งอ๋องไปที่นั่นเร็ว” ทุกคนต่างรุมล้อมเยี่ยหลีที่ยังไม่ได้สติ ก่อนมีคนพาตัวนางไปยังตำหนักเจาสยาโดยมีองค์หญิงเจาหยางนำทางไป องค์หญิงหลิงอวิ๋นที่ตกน้ำเช่นกันแต่ไม่เป็นอะไรจึงไม่มีใครสนใจไปโดยปริยาย เมื่อเห็นกลุ่มคนรีบพากันไปแล้ว สีหน้าองค์หญิงหลิงอวิ๋นจึงเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีด

 

 

           “องค์หญิง…” นางกำนัลจากแคว้นซีหลิงที่ติดตามนางมาเอ่ยเรียกขึ้นอย่างระมัดระวัง

 

 

           “ไสหัวไป!” องค์หญิงหลิงอวิ๋นพูดด้วยความโกรธ

 

 

           บรรยากาศในตำหนักเจาสยาเต็มไปด้วยความอึดอัด ภายในตำหนัก ม่อซิวเหยามองหญิงสาวที่ยังคงไม่ได้สติด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอยู่ข้างเตียง หมอหลวงเข้ามาจับชีพจรด้วยความระมัดระวัง มีองค์หญิงเจาหยางนั่งขมวดคิ้วอยู่อีกด้าน “ชายาติ้งอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

หมอหลวงหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนหันมองม่อซิวเหยา “เรียนท่านอ๋อง องค์หญิง พระชายาไม่ได้เป็นอันใดมาก เพียงแต่…คาดว่าน่าจะเป็นเพราะความตกใจพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะกลับไปสั่งยาสงบใจและยาขับความเย็นมาให้พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ในเมื่อไม่เป็นอะไร แล้วเหตุใดพระชายาจึงยังไม่ฟื้นอีกเล่า” องค์หญิงเอ่ยถาม

 

 

หมอหลวงตอบว่า “เรื่องนี้…พระชายาอย่างไรก็เป็นสตรี เกรงว่าช่วงที่ตกน้ำลงไปคงเกิดสำลักน้ำทำให้หายใจไม่สะดวก แต่ว่าเรื่องสำลักน้ำนั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร พักผ่อนอีกเล็กน้อยก็จะฟื้นขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

องค์หญิงเจาหยางนึกไปถึงตอนที่เยี่ยหลีพาร่างขององค์หญิงหลิงอวิ๋นขึ้นมาเหนือน้ำ แล้วอยู่ดีๆ ก็โดนองค์หญิงหลิงอวิ๋นผลักลงไปอีก สีหน้าจึงยิ่งขรึมลง แล้วพยักหน้า “เจ้าออกไปต้มยาเถิด”

 

 

           “กระหม่อมทูลลา”

 

 

           ภายในห้องเหลือเพียงองค์หญิงเจาหยางกับม่อซิวเหยา องค์หญิงเจาหยางลุกยืนขึ้น “ซิวเหยา เจ้าดูแลชายาให้ดีเถิด ส่วนองค์หญิงหลิงอวิ๋นนั่น ข้าจะช่วยถามหาความยุติธรรมให้เอง”

 

 

ม่อซิวเหยาพยักหน้าเรียบๆ “ลำบากท่านป้าแล้ว เพียงแต่เรื่องนี้ไว้รอให้อาหลีฟื้นขึ้นมาก่อนค่อยจัดการก็แล้วกัน”

 

 

องค์หญิงเจาหยางถอนใจพร้อมพยักหน้า “แล้วแต่เจ้าก็แล้วกัน เจ้าอยู่เป็นเพื่อนชายาของเจ้าเถิด ข้าออกไปก่อนละ”

 

 

เมื่อเห็นว่าองค์หญิงเจาหยางออกไปแล้ว ม่อซิวเหยาจึงได้เลื่อนเก้าอี้รถเข็นเข้าไปใกล้ๆ จ้องมองหญิงสาวที่ยังไม่ได้สติอยู่เป็นนาน ก่อนถามขึ้นเรื่อยๆ ว่า “อาหลี เจ้ากะจะนอนจนพ้นงานเลี้ยงคืนนี้ไปเลยหรือ”

 

 

แพขนตาของเยี่ยหลีขยับเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น “ท่านรู้ได้อย่างไร”

 

 

 ม่อซิวเหยาส่ายหน้า “ความรู้สึก แม้แต่หมอหลวงเจ้ายังหลอกได้ ข้าจะมองออกได้อย่างไร” เห็นสีหน้าของหมอหลวงที่ดูทั้งประหลาดใจและไม่เข้าใจ สุดท้ายจึงจำใจต้องบอกว่าเป็นเพราะความตกใจทำให้ยังไม่ได้สติ ดวงตาม่อซิวเหยาจึงมีแววขบขันขึ้น

 

 

           “อาหลี ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจ้าชอบช่วยคนให้พ้นภัยเช่นนี้” ม่อซิวเหยาเอ่ยเสียงเรียบขณะมองเยี่ยหลี

 

 

           เยี่ยหลีจึงได้แต่บอกว่า “ข้าก็ไม่มีทางเลือก หากไม่ช่วยนาง ครั้งนี้คงเปลี่ยนเป็นข้าที่เป็นคนผลักนางตกน้ำไปแล้ว”

 

 

           ม่อซิวเหยาตาเป็นประกาย “ด้านนอกเมื่อครู่ องค์หญิงหลิงอวิ๋นยืนยันว่าเจ้าเป็นคนผลักนางตกน้ำจริงๆ”

 

 

           “ด้านนอก…นางนี่ช่างดื้อแพ่งเสียจริง โดนไปขนาดนั้นแล้วยังมีแรงโวยวายอีกหรือ” เยี่ยหลีประหลาดใจ ตอนอยู่ในน้ำ นางแกล้งองค์หญิงหลิงอวิ๋นไปไม่น้อย ไม่คิดว่านางไม่แม้แต่จะพบหมอหลวง แต่กลับโวยวายต่อเช่นนี้อีก เมื่อคิดได้ว่าใครเป็นต้นเหตุทำให้ตนต้องมีภัยในครั้งนี้ ดวงตาคู่งามของเยี่ยหลีก็หรี่ลงทันที มองจ้องใบหน้างดงามที่โผล่พ้นออกมาจากหน้ากากครึ่งหนึ่ง “จะว่าไปท่านอ๋อง…เรื่องวันนี้ก็เพราะท่านเป็นต้นเหตุ ท่านมีอะไรจะพูดหรือไม่”

 

 

           ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วขึ้น มองเยี่ยหลีด้วยความสงสัย เยี่ยหลีส่งเสียงเหอะเบาๆ “องค์หญิงหลิงอวิ๋นหลงใหลท่านเหลือเกิน ทั้งยังประกาศกร้าวอีกด้วยว่า นางจะต้องเป็นชายาตำหนักติ้งอ๋องให้ได้”

 

 

           “องค์หญิงหลิงอวิ๋นแห่งแคว้นซีหลิงหรือ” ม่อซิวเหยาขมวดคิ้ว

 

 

เยี่ยหลีดุเขาด้วยสายตา “ท่านคงไม่ได้มีเรื่องที่ตกลงกันไว้เมื่อหลายปีก่อนเข้าจริงๆ ใช่หรือไม่” กล้าหลอกเด็กผู้หญิงอายุเพียงเจ็ดแปดขวบ คนเลวเช่นนี้…ต้องตีให้ตาย!

 

 

           ม่อซิวเหยาส่ายหน้า พูดกับเยี่ยหลีด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ายืนยันได้ว่า ข้ากับองค์หญิงหลิงอวิ๋นน่าจะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน”

 

 

           “หากไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน นางจะเอะอะโวยวายว่าจะแต่งงานกับท่านได้อย่างไร ถึงขั้นกระโดดลงทะเลสาบไปเองอีก หรือว่า…เพราะฐานะของตำหนักติ้งอ๋อง” เยี่ยหลีไม่เข้าใจ นางไม่เคยนึกสงสัยเลยว่าม่อซิวเหยาจะหลอกนางในเรื่องนี้ หรือว่าอันที่จริงม่อซิวเหยาจะรู้จักกับองค์หญิงหลิงอวิ๋น โอกาสเป็นไปได้นั้นน้อยมาก

 

 

“จะว่าไป…การแต่งงานเข้าตำหนักติ้งอ๋องดูจะไม่เอื้อประโยชน์ให้กับแคว้นซีหลิงสักเท่าไร หากแคว้นซีหลิงคิดอยากผูกสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน วิธีที่ดีที่สุดคือให้องค์หญิงหลิงอวิ๋นแต่งงานกับฝ่าบาท”

 

 

           ม่อซิวเหยาเหลือบมองนาง ดูตกใจเล็กน้อย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแคว้นซีหลิงต้องการผูกสัมพันธ์ทางการแต่งงาน”

 

 

           “ไม่เช่นนั้นจะพาองค์หญิงคนหนึ่งเดินทางมาด้วยเป็นพันๆ ลี้เพื่อสิ่งใดกัน แค่มาเยี่ยมหรือ”

 

 

           ม่อซิวเหยากล่าวว่า “แคว้นซีหลิงกับต้าฉู่ของพวกเราไม่ค่อยลงรอยกันมาโดยตลอด ถึงแม้หลายปีนี้จะค่อนข้างสงบสุขแต่ทุกคนต่างรู้ดีแก่ใจ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องกลับมาเปิดศึกกันอีก ตามปกติแล้ว แคว้นซีหลิงไม่มีทางให้องค์หญิงมาแต่งงานกับต้าฉู่แน่นอน”

 

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การแต่งงานก็เท่ากับเป็นตัวประกัน หากสองแคว้นเปิดศึกกันขึ้นมา ไม่ว่าเจ้าจะเป็นองค์หญิงหรือท่านหญิงก็จะเป็นเพียงของที่ต้องเสียสละผู้น่าสงสาร เยี่ยหลีขมวดคิ้ว จะว่าไปก็ใช่ ภายใต้สถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างรู้ดีแก่ใจ ฮ่องเต้ของแคว้นซีหลิงต่อให้มีลูกสาวมากจนไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหนก็ไม่จำเป็นต้องส่งมาไว้กับศัตรูของตนหรอก

 

 

           ม่อซิวเหยามองนางนั่งพิงหมอนขมวดคิ้วครุ่นคิดด้วยสายตาอบอุ่น “ไม่ต้องคิดมากไป เขาอยากสานสัมพันธ์จากการแต่งงานหรือไม่ รอให้ถึงงานเลี้ยงคืนนี้เดี๋ยวก็รู้เอง”