บทที่ 14.1 ศาสตรามณียุทธ์ครบชุด (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

เฟิงหยูยืนขึ้นและพูด “ข้าคาดว่าภรรยาตัวน้อยของเจ้าอาจจะทดลองหลอมรวมไม่สำเร็จในเวลาอันสั้นเช่นนี้แน่ ดังนั้นพวกเราลองไปหาตาแก่ฮูเหยียนกันก่อนเถอะ ไปดูว่าอนาคตของเจ้าจะเป็นอย่างไรต่อไป”

พวกเขาสองคนออกจากห้องว่างๆ นั้นและมุ่งหน้ากลับไปยังห้องที่ทั้งคู่จากมาก่อนหน้านี้ โจวเหว่ยชิงเดินตามหลังเฟิงหยู ในใจของเขากำลังกรุ่นคิดบางอย่าง เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยเกี่ยวกับเสือดำมีปีกที่ปรากฏในจิตใต้สำนึกของตนมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงกลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์และยังประสบความสำเร็จในการฝึกฝนวิชาเทพอมตะ แม้กระทั่งในการหลอมรวมเข้ากับศาสตรามณียุทธ์ โจวเหว่ยชิงก็ยังทำสำเร็จได้อย่างง่ายดาย  นั่นต้องมีความเกี่ยวข้องกับไข่มุกสีดำที่เขากลืนเข้าไปก่อนหน้านี้แน่นอน

เมื่อกลับมาถึงห้องโถงหลักอีกครั้ง ทันทีที่เฟิงหยูเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นฮูเหยียนเอ้าป๋อกำลังเดินไปมาอยู่กลางห้องด้วยท่าทีเคร่งเครียด

“เอ๋? ทำไมพวกเจ้าสองคนถึงกลับมาเร็วขนาดนี้!?” ฮูเหยียนเอ้าป๋อมองโจวเหว่ยชิงที่เดินมากับเฟิงหยูอย่างสงสัย

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้างและพูด “เห…ก็ข้าทำธุระเสร็จแล้วนี่นา เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าข้าก็ต้องกลับมาสิ”

เฟิงหยูกล่าว “ตาแก่ฮูเหยียน ข้าคิดว่าเราได้พบกับผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริงเข้าให้แล้ว การหลอมรวมศาสตรามณียุทธ์ของเขาประสบความสำเร็จในครั้งแรกเท่านั้น! เจ้าเคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนไหมล่ะ? ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ข้าก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องพรรค์นี้มาก่อน!”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อมองโจวเหว่ยชิงด้วยความประหลาดใจ “น้องชาย เจ้าโชคดีเกินไปแล้ว เจ้าประสบความสำเร็จด้วยการหลอมรวมกับคัมภีร์ใบเดียวงั้นหรือ? แล้วใบที่เหลือล่ะอยู่ไหน?” เช่นเดียวกับนิสัยเจ้าเล่ห์ที่อยู่คู่กับโจวเหว่ยชิง นิสัยตระหนี่ถี่เหนียวก็ฝังรากลึกลงไปในกระดูกของฮูเหยียนเอ้าป๋อเช่นเดียวกัน

โจวเหว่ยชิงสวมหน้ากากเป็นผู้ชอบธรรมทันที จากนั้นก็กล่าวตอบ “ของขวัญที่ผู้อาวุโสฮูเหยียนมอบให้ ข้าจะส่งกลับคืนได้อย่างไร?”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อรู้สึกอับอายกับคำถามของเขาทันที ก่อนจะพูดกับตัวเองว่า “หรือนี่จะเป็นการลงโทษจากสวรรค์?”

เฟิงหยูเอ่ยอย่างมีความสุข “ฮ่าๆ ดูเหมือนว่าคนขี้เหนียวอย่างเจ้าก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับเขา! อย่าลังเลเลยน่า.. รีบตัดสินใจเร็วเข้า”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อถอนหายใจอย่างหนัก ทั้งสองมือลูบไปมาบนท้องกลมโตของตนเอง “เอาล่ะๆๆๆ พอแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยเขาพูดแล้ว เด็กน้อย แสดงมณีธาตุของเจ้าให้ข้าดูหน่อย ตราบใดที่ยืนยันได้ว่าเจ้ามีไพฑูรย์ตาแมวสีทองเหลือบเขียวบริสุทธิ์ที่แสดงถึงทักษะธาตุมิติของจ้าวมณีสวรรค์ ข้าก็จะยอมรับเจ้าในฐานะลูกศิษย์ ยิ่งไปกว่านั้น ในภายภาคหน้า ข้าจะยังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของศาสตรามณียุทธ์และทักษะกักเก็บธาตุมณีของเจ้าทั้งหมดด้วย ทีนี้เจ้าพอใจหรือไม่?”

โจวเหว่ยชิงส่ายหัวอย่างแรงทันทีราวกับกลองป๋องแป๋งกำลังส่ายสะบัดไปมา[1]

ฮูเหยียนเอ้าป๋อพูดด้วยความโกรธ “เจ้ายังต้องการอะไรอีก???”

โจวเหว่ยชิงพูดอย่างโศกเศร้า “ผู้อาวุโส ท่านอย่าได้โมโหไปเลย ท่านคิดหรือไม่ว่าสามีและภรรยาย่อมเปรียบเสมือนเป็นคนๆ เดียวกัน เพราะฉะนั้น ส่วนของภรรยาข้าล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังต้องทำสัญญาอีกข้อ นั่นก็คือท่านจะไม่จำกัดอิสระของข้า”

ผู้อาวุโสฮูเหยียนเริ่มหอบหายใจอย่างรวดเร็วอีกครั้งทันที “เจ้าเด็กเหลือขอตัวน้อย! นี่เจ้ากำลังฉวยโอกาสจากข้าหรือ!! ข้าไม่เคยพบไม่เคยเห็นลูกศิษย์เช่นเจ้ามาก่อน!!”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและหัวเราะ “ฮ่าๆ ข้าก็ไม่เคยพบไม่เคยเห็นคนขี้เหนียวเช่นท่านมาก่อนเช่นกัน! เพราะฉะนั้นเดี๋ยวก็ชินเอง!”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อหันไปหาเฟิงหยูด้วยสีหน้าแสดงความรวดร้าว แต่เฟิงหยูกลับเหลือบตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทางไร้เดียงสาว่าทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา

“เฟิงหยู ที่เจ้าปกป้องเขาก่อนหน้านี้ไม่เปล่าประโยชน์แน่ นับจากนี้ไปทักษะกักเก็บธาตุมณีของพวกเขา ข้าจะมอบให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนข้าจะจัดการกับศาสตรามณียุทธ์ทั้งหมดของพวกเขา ตกลงไหม?”

เฟิงหยูพยักหน้าแล้วพูดว่า “สำหรับมณี 6 ชิ้นแรกข้าจะรับผิดชอบเอง ทุกวันนี้ข้าไม่ได้ทำงานอะไรเลยด้วยซ้ำ การไปเที่ยวกับคนหนุ่มสาวนั้นย่อมดีกว่าอยู่กับเจ้ามากนัก”

ผู้อาวุโสฮูเหยียนส่งเสียงหึในลำคอก่อนจะพูด “เอาล่ะ ดีมาก เด็กน้อย ข้ายอมรับเงื่อนไขของเจ้าแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากว่าทักษะการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของเจ้าล้ำหน้าข้าไปแล้ว ผู้ใดจะสามารถจำกัดเสรีภาพของเจ้าได้กัน? เอาล่ะ รีบๆ แสดงมณีธาตุของเจ้าให้ข้าดูซิ”

โจวเหว่ยชิงกรอกตาไปมาขณะกล่าวตอบ “ก่อนอื่น ท่านต้องใช้มณีของท่านทำการสาบานว่าถ้ามณีธาตุของข้ามีทักษะธาตุมิติจริง ท่านจะยอมรับข้าเป็นศิษย์และยอมรับเงื่อนไขก่อนหน้านี้ทั้งหมด” ตอนที่เขาทำการสาบานในตอนนั้น เขาพยายามให้เล่ห์กลโดยใช้ชื่อปลอม ทว่าก็ยังสังเกตได้จากสีหน้าของซ่างกวนปิงเอ๋อร์ในเวลานั้นว่า สำหรับจ้าวมณีแล้ว คำสาบานกับมณีของพวกเขานั้นถือเป็นคำมั่นสัญญาที่จริงจังอย่างแท้จริง

ฮูเหยียนเอ้าป๋อแอบสบถด่า “ข้าไม่เคยพบคนเจ้าเล่ห์เช่นเจ้ามาก่อนเลยจริงๆ!” แม้ว่าจะตระหนี่ถี่เหนียวไปบ้าง แต่เมื่อตัดสินใจทำบางสิ่งแล้ว ชายชราก็ไม่ต้องการจะเสียเวลาอีกต่อไป ฮูเหยียนเอ้าป๋อยกมือซ้ายขึ้น มองเห็นเป็นชั้นแสงสีเงินสลัวปกคลุมร่างกายของเขาไว้ ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็มองเห็นไพฑูรย์ตาแมวสีเขียวจำนวน 7 ดวงโผล่ออกมาลอยวนอยู่รอบข้อมือของเขา

มณีธาตุมิติจำนวน 7 ดวง…นั่นคือจ้าวมณีธาตุระดับเทวะขั้นแรก! ชายแก่พุงพลุ้ยคนนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เขายังเป็นจ้าวมณีธาตุที่มีระดับพลังสูงมากอีกด้วย! เห็นอย่างนี้แล้วเราไม่สามารถจะตัดสินคนจากภายนอกได้จริงๆ!

สำหรับมณีธาตุมิติทั่วๆ ไปอย่างไพฑูรย์ตาแมวนั้นปกติแล้วจะมีสีเขียว แต่สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ เนื่องจากมันเป็นไพฑูรย์ตาแมวบริสุทธิ์ ดังนั้นสีของมณีจึงจะต้องเป็นสีทองเหลือบเขียวดั่งที่ฮูเหยียนเอ้าป๋อได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้

ไพฑูรย์ตาแมวสีเขียวทั้ง 7 ดวงนั้นเปล่งประกายวิบวับราวกับดวงตาทั้ง 7 กำลังกระพริบอยู่อย่างแปลกประหลาด จากนั้นฮูเหยียนเอ้าป๋อก็ทำการสาบานด้วยมณีทั้ง 7 ตามที่โจวเหว่ยชิงร้องขอ เมื่อเขาพูดจบ มณีทั้ง 7 นั้นก็เปล่งประกายขึ้นมาพร้อมกัน แสงสีเงินพุ่งขึ้นไปเหนือท้องฟ้าและตกลงมายังหน้าผากของฮูเหยียนเอ้าป๋อ จู่ๆ อักขระจางๆ ปรากฏขึ้นครู่หนึ่งบนหน้าผากของเขาก่อนจะค่อยๆ จางหายไป

ฮูเหยียนเอ้าป๋อทำพิธีสาบานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในใจของเขาพลันรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเล็กน้อย เขาส่งเสียงในลำคอและพูดอย่างหงุดหงิด “เจ้าเด็กเหลือขอ เท่านี้เจ้าพอใจหรือยัง? ตาเจ้าแล้ว เร็วๆ เข้า”

โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ…ผู้อาวุโสทั้งสอง ถึงเวลาที่จะได้พบกับเรื่องปาฏิหาริย์แล้ว ข้าหวังว่าพวกท่านจะไม่หัวใจวายตายไปก่อนเพราะเห็นถึงพลังมณีธาตุของข้า”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อพูดอย่างหงุดหงิด “เด็กน้อย เจ้าจะโอ้อวดเกินไปหรือไม่ ทำราวกับว่าข้าไม่เคยเห็นไพฑูรย์ตาแมวสีทองเหลือบเขียวมาก่อน…” ขณะที่เขากำลังพูดคำเหล่านั้น โจวเหว่ยชิงก็ดึงแขนเสื้อฝั่งซ้ายขึ้นมาแล้วปลดปล่อยมณีธาตุของเขาออกมาจากจุดตายไท่หยวน จากนั้นคำพูดที่เหลือของฮูเหยียนเอ้าป๋อก็ได้แต่ชะงักติดอยู่ในลำคอ

แต่เดิมเฟิงหยูกำลังทำสีหน้ารื่นรมย์อยู่ขณะมองเหตุการณ์ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าโจวเหว่ยชิงนั้นกำลังกลั่นแกล้งฮูเหยียนเอ้าป๋อ แต่ทว่าหลังจากที่เขาได้เห็นมณีธาตุของโจวเหว่ยชิงตรงหน้า ใบหน้าของเขาก็แข็งค้างขึ้นมาอย่างฉับพลัน

แน่นอนว่ามันคือมณีธาตุไพฑูรย์ตาแมว และมีเพียงดวงเดียวเสียด้วย แต่ทว่ามันกลับไม่ได้มีสีทองเหลือบเขียวอย่างที่เขาคาดคิด กลับกันมณีของเขานั้นมีสีแดงลึกล้ำราวกับทับทิมชั้นสูง

เฟิงหยูและฮูเหยียนเอ้าป๋อโลดแล่นอยู่ในโลกของจ้าวมณีมามากกว่า 60 ปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นไพฑูรย์ตาแมวที่แปลกประหลาดเช่นนี้

ภายในห้องนั้นตกอยู่ในความเงียบทันที มันเงียบกริบชนิดที่ว่าเข็มตกพื้นก็ยังได้ยินเสียง สายตาของเฟิงหยูและฮูเหยียนเอ้าป๋อราวกับถูกตรึงไว้ที่มณีธาตุรอบข้อมือซ้ายของโจวเหว่ยชิง

“สีแดง? เป็นไปได้ยังไงที่ไพฑูรย์ตาแมวจะมีสีแดง!?” ท้ายที่สุดฮูเหยียนเอ้าป๋อก็เปิดปากทำลายความเงียบ

โจวเหว่ยชิงหันไปรอบๆ ห้องก่อนจะดันประตูเปิดแล้วเดินออกไปข้างนอก “ท่านอาวุโสทั้งสอง โปรดมาที่นี่แล้วมองอีกครั้ง”

ฮูเหยียนเอ้าป๋อและเฟิงหยูตามเด็กหนุ่มออกไปอย่างรวดเร็ว แต่คราวนี้พวกเขาไม่เพียงแต่ตื่นตระหนกเท่านั้น แม้แต่ขากรรไกรของพวกเขาก็ยังอ้าค้าง มันยังคงเป็นไพฑูรย์ตาแมวเช่นเดิม แต่คราวนี้สีของมันเปลี่ยนไปเป็นสีเขียวเหลือบฟ้า หากแสงสีแดงนั้นดูสูงส่งแล้ว แสงสีเขียวเหลือบฟ้านี้ก็ดูลึกล้ำอย่างยิ่ง

โจวเหว่ยชิงพูดด้วยใบหน้าใสซื่อ “ข้าเตือนท่านเมื่อครู่แล้วใช่หรือไม่? นี่เป็นเวลาที่จะได้เห็นปาฏิหาริย์…”

………………………………………………….

[1]卜楞鼓 กลองป๋องแป๋ง เป็นของเล่นเด็ก ใช้เขย่าไปมาให้ลูกตุ้มแกว่งโดนหนังหน้ากลองแล้วจะเกิดเสียงดังขึ้น