‘ชาวเน็ตลือสนั่น ไห่รุ่ยกำลังกดขี่ซ่งซินเพื่อที่จะรักษาสถานะของถังหนิงเอาไว้!’

 

 

‘ซ่งซินจอมอัจฉริยะ ศิลปินผู้เก่งรอบด้านที่แม้แต่ถังหนิงยังหวาดกลัว’

 

 

‘ทำไมถังหนิงถึงกลัวซ่งซิน แผนภูมิการวิเคราะห์จะอธิบายทุกอย่าง’

 

 

 

 

เหล่านี้คือพาดหัวข่าวบันเทิงล่าสุดที่เปรียบเทียบถังหนิงกับซ่งซินว่าอยู่ระดับเดียวกัน จุดเริ่มต้นของซ่งซินนั้นอยู่สูงเกินไปมาโดยตลอดและถังหนิงก็ถูกนำไปเทียบกับเธออยู่บ่อยๆ ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนกับว่าไม่มีใครในปักกิ่งที่สามารถแข่งขันกับเธอได้และมีเพียงถังหนิงเท่านั้นที่ขวางทางเธออยู่

 

 

 

 

วันนี้เป็นวันที่ฮั่วจิงจิงได้ออกจากโรงพยาบาล ในฐานะเพื่อนทีดี ถังหนิงไปรับเธอจากโรงพยาบาลด้วยตัวเองแม้ว่าเธอจะกำลังตั้งท้องอยู่

 

 

เมื่อไรก็ตามที่ฮั่วจิงจิงรู้สึกเบื่อ เธอจะอ่านข่าวบันเทิง ข่าวลือที่กำลังแพร่ไปในขณะนี้สามารถทำให้หญิงสาวโกรธได้เพียงแค่เธอชายตามองเท่านั้น

 

 

“ท่านประธานโม่จะปล่อยให้ซ่งซินทำแบบนี้เหรอ”

 

 

“กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ” ถังหนิงตอบอย่างสงบ “เราไม่ต้องการให้สื่อเกาะติดเธอและเปิดเผยแผลเป็นเก่าของเธอ”

 

 

“เธอจะปล่อยให้ยัยเด็กหน้าใหม่จอมโอหังนั่นเหยียบย่ำเธออย่างนั้นเหรอ”

 

 

“ตอนนี้เขามีชื่อเสียงที่สุดในปักกิ่งนะ” ถังหนิงหัวเราะขณะพูดความเป็นจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ “อีกอย่าง ฉันกำลังตั้งท้องอยู่นะ ฉันจำเป็นต้องไปทะเลาะกับเขาเหรอ”

 

 

“เธอควรจะสั่งสอนบทเรียนมัน…”

 

 

ฮั่วจิงจิงไม่ได้สนใจตัวเอง เธอเพียงแต่ไม่อยากเห็นถังหนิงถูกรังแกและเหยียบย่ำโดยเด็กหน้าใหม่อย่างซ่งซิน หล่อนมีสิทธิ์อะไรมาทำอย่างนั้นกัน

 

 

“กลับบ้านไปพักผ่อนดีกว่าไหม” ถังหนิงส่งสัญญาณบอกให้ฟังอวี้พาฮั่วจิงจิงกลับบ้าน นอกจากจะหยุดการพูดจาเรื่อยเปื่อยของฮั่วจิงจิงแล้ว ถังหนิงเองก็รู้สึกแย่ที่ได้เห็นสภาพขาของเธอ

 

 

ความแค้นที่หญิงสาวมีนั้นฝังลึกอยู่ในใจ เธอจะไม่มีวันลืมมันเลย

 

 

ขณะเดียวกัน เหล่าคนนอกก็เพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้น การถกเถียงและเสียงอื้ออึง ทว่าเหล่าคนที่อยู่ภายในวงการบันเทิงนั้นรู้ดีว่าซ่งซินกำลังเสแสร้งอยู่ หากเธอถูกกดขี่จริงๆ เธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้ถังหนิงสร้างกระแสและส่งเสริมตัวเอง

 

 

และหากซ่งซินฉลาดมากพอ เธอจะรู้ว่าต้องยั้งมือตอนไหนเพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าสาธารณชนรู้สึกไม่พอใจ ไม่อย่างนั้นแล้ว สังคมจะอยากสอนเธอว่าควรประพฤติตัวอย่างไร

 

 

แต่แน่นอนว่าในเมื่อตอนนี้ซ่งซินได้ทำตัวโอหังมาเป็นเวลานานแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับเธอ

 

 

 

 

อันที่จริง คนกลุ่มแรกที่ตอบโต้คือแฟนคลับของถังหนิง เมื่อได้เผชิญกับความก้าวร้าวของซ่งซิน พวกเขาก็จะไม่ปล่อยให้เธอทำอะไรตามใจชอบ [ตลอดสองปีที่ผ่านมานี้ พวกลูกหมาลูกแมวที่ฟันแท้เพิ่งจะขึ้นพยายามมาท้าทายถังหนิงของเรา ไม่มีใครสอนพวกเขาเรื่องความอ่อนน้อมเหรอ ดูหนิงของเราสิ…เธอเคยเหยียบย่ำรุ่นพี่ของเธอไหม]

 

 

[อันที่จริงฉันติดตามเหตุการณ์มานานแล้วนะ ฉันรู้สึกว่าซ่งซินมีความหมกมุ่นกับถังหนิงของเราแค่ฝ่ายเดียว พวกเขาทั้งคู่อยู่ในสายงานที่แตกต่างกัน แต่พวกเขากลับถูกนำมาเปรียบเทียบกันเสมอ เห็นได้ชัดเลยล่ะว่าใครกันแน่ที่พยายามเกาะดูดความนิยมของอีกคน]

 

 

[ถังหนิงก็แค่กำลังจดจ่อกับการตั้งครรภ์ของเธอ ผู้สังเกตการณ์ไม่จำเป็นต้องใส่ใจข่าวลือก็ได้นี่]

 

 

[ฉันคิดว่าหนิงของเราควรออกมาแสดงความคิดเห็นสักหน่อย ถึงซ่งซินจะไม่ใช่สำคัญที่ไหน แต่แฟนๆ ก็ไม่ชอบเห็นเธอถูกเกาะแกะหรอกนะ ทำให้นังชั่วนั่นเห็นสิว่าความนิยมที่แท้จริงคืออะไร]

 

 

จริงๆ แล้วถังหนิงอยู่ในกลุ่มแช็ตนั้นและกำลังอ่านบทสนทนาเหล่านี้อยู่ด้วย หลังจากเห็นข้อเสนอแนะสุดท้าย หญิงสาวก็ตอบด้วยบัญชีส่วนตัวของเธอว่า [ได้เลย!]

 

 

ทีแรกเหล่าแฟนคลับไม่ได้สังเกตเห็นข้อความนั้น แต่เมื่อตระหนักได้ในที่สุด พวกเขาก็กรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น!

 

 

[นี่ฉันเพิ่งเห็นอะไรเนี่ย]

 

 

[นี่ฉันกำลังเห็นภาพหลอนหรือเปล่า]

 

 

[นั่นมันถังหนิง! ถังหนิงพูดว่า ‘ได้เลย’ ด้วยล่ะ!]

 

 

ถังหนิงไม่ได้ดูปฏิกิริยาของเหล่าแฟนคลับต่อและโทรหาฟังอวี้แทน “เร็วๆ นี้มีอีเวนต์อะไรที่ซ่งซินต้องไปไหม”

 

 

“คุณวางแผนจะโจมตีกลับเหรอครับ” ฟังอวี้เอ่ยถาม

 

 

“ฉันเกรงว่าถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง จิงจิงอาจจะควบคุมตัวเองไม่ให้โจมตีกลับแทนฉันไม่ได้น่ะสิ นายอยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเหรอ” ถังหนิงใช้ฮั่วจิงจิงเป็นข้ออ้าง แน่นอนว่ามันไม่ใช่ข้ออ้างเสียทีเดียว มีความเป็นไปได้มากเลยที่ฮั่วจิงจิงจะพูดบางอย่างกับสื่อมวลชน

 

 

“เร็วๆ นี้เธอมีอีเวนต์ต้องไปเยอะเลยล่ะครับ รวมถึงงานดนตรีเพื่อการกุศลด้วย”

 

 

“เข้าใจล่ะ” ถังหนิงตอบอย่างเรียบง่ายโดยที่ไม่อธิบายว่าเธอจะโจมตีกลับอย่างไรและต้องการความช่วยเหลือใดหรือไม่ จากนั้นหญิงสาวก็มองไปยังโม่ถิงที่สวมชุดนอนซาตินสีดำอยู่แล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน “สามีคะ…”

 

 

“ถ้ามีอะไรที่คุณต้องการ บอกผมมาได้เลยครับ คุณไม่จำเป็นต้องถาม” โม่ถิงเดินมาที่เตียง ยกผ้าห่มขึ้นแล้วสวมกอดถังหนิง

 

 

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรหรอกค่ะ ฉันก็แค่อยากไปปรากฏตัวต่อหน้าสื่อสักหน่อย” ถังหนิงไม่เปลี่ยนน้ำเสียงที่อ่อนหวานของเธอพลางซุกตัวลึกเข้าไปในอ้อมแขนโม่ถิงยิ่งกว่าเดิม “ฉันสัญญาว่าลูกจะไม่ได้รับบาดเจ็บค่ะ”

 

 

โม่ถิงเอื้อมมือออกมาจับคางของหญิงสาวไว้และบังคับให้เธอมองเข้าไปในดวงตาของเขา “คุณต้องรู้เอาไว้นะครับว่าผมจะไม่มีวันละเลยเรื่องความปลอดภัยของคุณ แต่ผมก็ไม่อยากห้ามไม่ให้คุณทำสิ่งที่อยากทำ เพราะงั้น

 

 

“ไปทำสิ่งที่คุณวางแผนเอาไว้เถอะครับ แต่ถ้ามีข้อกังวลด้านความปลอดภัยขึ้นมาละก็ ผมจะไม่ยกเว้นอะไรให้ทั้งนั้น คุณต้องให้ผมปกป้องคุณนะครับ”

 

 

“เข้มงวดอย่างนั้นเลยเหรอคะ” ถังหนิงพึมพำ

 

 

“คุณคิดว่าไงล่ะครับ” โม่ถิงถามกลับด้วยความจริงจัง

 

 

“งั้นถ้าฉันทำแบบนี้ล่ะ” ถังหนิงประกบจูบริมฝีปากของโม่ถิง

 

 

“ต่อรองไม่ได้ทั้งนั้น!” โม่ถิงไม่ขยับเขยื้อน

 

 

“งั้น…” ถังหนิงฉีกชุดคลุมของโม่ถิงให้เปิดออกแล้วงับลงบนแผ่นอกของเขา “…ถ้าแบบนี้ล่ะ”

 

 

เมื่อคิดถึงความร้ายกาจของถังหนิง โม่ถิงก็พลันยิ้มและเผยสีหน้าที่ชั่วร้ายออกมาเล็กน้อย “ถึงคุณจะขืนใจผม…ผมก็ไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจนั้นหรอก”

 

 

“ใครอยากจะขืนใจคุณเหรอคะ” ถังหนิงโน้มตัวลงไปซบอกโม่ถืง เท่านี้เธอก็รู้สึกขอบคุณสำหรับความเข้าใจของโม่ถิงแล้ว

 

 

“งั้น…คุณต้องการเหรอ”

 

 

ถังหนิงสังเกตเห็นความปรารถนาอันลุกโชนภายในดวงตาของโม่ถิงและกัดริมฝีปากของเธอพลางพยักหน้า “ต้องการสิคะ”

 

 

 

 

อันที่จริง การจะพลิกสถานการณ์และทำให้ซ่งซินต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแทนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ยากเลย แต่ว่าถังหนิงไม่ได้แจ้งใครล่วงหน้าเพราะการตบหน้าของเธอมักจะมาโดยไม่มีการเตือนเสมอ

 

 

งานดนตรีเพื่อการกุศล…

 

 

ตอนนี้ทุกอีเวนต์นั้นสำคัญสำหรับซ่งซิน ความขยันและความจริงจังของเธอสร้างโอกาสมากมายให้เธออย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ยังสามารถสู้อยู่ภายใต้การกดขี่ของไห่รุ่ยได้นั้นถือเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเธอมีความมุ่งมั่นแน่วแน่

 

 

คืนนั้น ซ่งซินได้รับเชิญให้ไปเป็นนักแสดงรับเชิญ นี่คือการแสดงครั้งแรกของเธอนับตั้งแต่เป็นนักแต่งเพลงมา ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวอีพีใหม่ของเธอ

 

 

แต่เธอคงไม่เคยคิดเลยว่าในค่ำคืนที่เธอควรจะได้เจิดจรัสนั้น ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผน

 

 

ไม่นานนัก ค่ำคืนก็ย่างกรายเข้ามา…

 

 

เพื่อที่จะทิ้งความประทับใจอันยั่งยืนไว้ที่งานการกุศลนั้น ซ่งซินจึงเลือกสวมชุดเดรสสีดำประดับเพชรที่มีชายผ้ายาว…

 

 

“คืนนี้จะเป็นไปตามที่วางแผนไว้ ฉันจะเอาใจช่วยนะ ซ่งซิน!” ต้วนจิ่งหงพูดให้กำลังใจอยู่ข้างๆ เธอ