บทที่ 21 คนที่เสียเปรียบนั้นคือข้า

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“เจ้าคนชั่ว เจ้ามันเป็นหญิงหน้าไม่อาย……”

เสียงตะคอกดังจนนกสะดุ้งบินหนี เรือนพักร้อนชิวเฟิงอันใหญ่โตดังก้องกังวานไปด้วยเสียงของเย่จิ่งหาน

กู้ชูหน่วนเกาหูแกรกๆ รีบลุกขึ้นอยากจะหนีออกไป แต่กลับถูกเย่จิ่งหานกอดขาสองข้างเอาไว้เสียก่อน

“คิดจะหนีงั้นรึ ไม่มีทางเสียหรอก”

กู้ชูหน่วนสะบัดหลายครั้งก็สะบัดมือเขาออกไปไม่ได้ นางอดไม่ได้พูดด้วยสีหน้าร่ำไห้ว่า “สหาย ถ้าไม่ใช่เจ้าตั้งค่ายกลซ่อนค่ายกล ข้าก็คงไม่ตกหลุมพรางนี้หรอก และไม่มีทางกระโจนใส่เจ้า แถมยังจับตัวเจ้าอีก ข้าขอโทษได้ไหมล่ะ?”

“เจ้ายังจะพูดอีก”

“ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ถ้าเจ้าคิดว่าเสียเปรียบ เจ้าก็กระโจนใส่ข้ากลับ และจับข้ากลับสิ”

“……”

ฟึ่บๆ……

อุณหภูมิด้านล่างเหวลดลงทันที กู้ชูหน่วนหนาวเหน็บจนตัวสั่นเทา และมองดูท่าทางโมโหที่พร้อมจะเขมือบคนทั้งคน นางก็รู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย

คนที่ปรากฏในเขตต้องห้ามอย่างเรือนพักร้อนชิวเฟิง ทั้งโดนยาพิษและสองขาพิการ……หรือว่า……เขาจะเป็นท่านอ๋องหานเทพสงคราม

หัวใจของกู้ชูหน่วนเย็นยะเยือกไปหมด

ดูท่าแล้ว นางคงจะเจอของจริงแล้วสินะ

“คือว่า……ตอนนี้เป็นช่วงสำคัญของเจ้าในการควบคุมพิษในร่างกาย อย่าโกรธเด็ดขาดนะ ไม่งั้นจะทำให้เลือดย้อนได้ อันตรายถึงชีวิตเลยนะ”

เย่จิ่งหานมองค้อนนาง

กู้ชูหน่วนหัวเราะแหะๆแล้วพูดว่า “ข้าไม่วิ่งก็ได้ งั้นเจ้าปล่อยมือเจ้าออกไปก่อนได้ไหม เจ้าดูสิขาของข้าถูกเจ้ารัดจนแดงไปหมดแล้ว”

เย่จิ่งหานยังคงมองค้อนนาง

ถ้าสายตาฆ่าคนได้ เขาคงฆ่านางไปหลายพันรอบแล้วล่ะ

“นี่ ถ้าเจ้ายังไม่ปล่อยมือ อย่าว่าข้าแต๊ะอั๋งเจ้าอีกนะ”

ว่าแล้ว กู้ชูหน่วนก็กวาดตามองเขา

วิธีนี้ได้ผล เย่จิ่งหานปล่อยมือออก แล้วใช้สองมือปิดร่างกายตัวเองไว้

ที่นี่คือป่าดอกไม้หมื่นพันธ์ หุบเหวอันกว้างใหญ่นี้เต็มไปด้วยดอกไม้ถอนพิษนานาพันธ์ ทุกเดือนในวันที่สิบห้า เขาจะถอดเสื้อผ้าทั้งหมด และใช้ดอกไม้พวกนี้รักษาพิษในร่างกาย

ทุกเดือนของวันนี้ก็จะเป็นวันที่เขาอ่อนแอมากที่สุด เพราะวันนี้ พลังภายในทั้งหมดของเขาจะละลายหายไป

ตอนนี้ นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด ส่วนเขากลับต้องเปลือยเปล่า ดูยังไงเย่จิ่งหานก็รู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบมาก

“นี่ เจ้าอย่าเอาแต่มองค้อนข้าสิ เจ้ามองจนข้าใจสั่นแล้วนะ”

“ที่จริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกเราสองคนก่อนหน้านี้ ข้าเป็นผู้หญิง คนที่เสียเปรียบน่าจะเป็นข้านะ”

ฟึ่บ……

อุณหภูมิลดลงไปอีก ทั้งที่เป็นช่วงฤดูร้อนในเดือนสาม กู้ชูหน่วนกลับรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในฤดูหนาวเดือนสิบสองเลย

นางหดคอลง กะพริบตาอย่างน่าสงสาร เงียบสักพักก็โพล่งออกไปว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าให้เจ้าเอาคืนก็ได้ พวกเราจะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”

เย่จิ่งหานเส้นเลือดปูดขึ้นมา ความโกรธสะสมอยู่ในร่างกาย ไฟแค้นที่พยายามข่มเอาไว้ก็แรงขึ้นจนแผดเผาไปทั้งร่างกาย

นางยังเป็นผู้หญิงอยู่งั้นเหรอ? กล้าพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไง? นางไม่รู้สึกอายบ้างเลยหรือไงกัน?

กู้ชูหน่วนกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ผู้ชายคนนี้ ทำไมถึงดูโหดเหี้ยมเช่นนี้นะ?

เขาคงไม่ได้โกรธอีกแล้วนะ?

“ชดเชยให้เจ้า เจ้าก็ไม่เอา ให้เจ้าเอาคืนเจ้าก็ไม่ยอมอีก งั้นเจ้าอยากได้อะไรล่ะ?”

“ข้าต้องการชีวิตเจ้า”

สร้างมลทินให้เขาหลายครั้งหลายหน ไม่ฆ่านาง คงยากที่จะขจัดความเกลียดชังในใจเขาไปได้

กู้ชูหน่วนเบะปาก “ตอนนี้เจ้าโดนพิษไปทั้งตัว คนที่ขยับไม่ได้น่ะคือตัวเจ้า ไม่ใช่ข้าสักหน่อย ถ้าข้าอยากทำอะไรเจ้าอีก ในที่ลึกลับไร้ผู้คนเยี่ยงนี้ คงไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้หรอกนะ”

“เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกว่าข้าจะอะไรเจ้า เพราะยังไงทักษะของเจ้าก็ต้องปรับปรุงอีกมาก”

นางพูดได้อย่างมีเหตุผล แต่กลับทำให้เย่จิ่งหานหัวร้อนมากขึ้น จนทะลักออกมาเป็นเลือด และสลบเหมือดลงไป

เออ……

สลบแล้วเหรอ?

งั้นนางก็หนีได้แล้วสิ

กู้ชูหน่วนอยากจะหนี แต่เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างกับเทพบุตรต้องซีดขาว และมองดูดอกไม้แสนสวยบนพื้นที่ถูกอาบด้วยเลือดของเขา นางก็หยุดชะงัก ขยับยังไงก็ขยับไม่ได้

เลือดไหลย้อนกลับ พิษเข้าหัวใจ ถ้าไม่ช่วย เขาต้องตายเป็นแน่

“ไม่รู้ชาติก่อนไปทำอะไรไว้ ชาตินี้ต้องมาเจอเจ้า ช่างเถอะ เห็นแก่ที่แต๊ะอั๋งเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าสักครั้งแล้วกัน”

ว่าแล้ว กู้ชูหน่วนก็นั่งลง วัดชีพจรของเขา แค่แตกชีพจรครู่เดียว สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที

โดนพิษสองชนิดงั้นเหรอ พิษสองชนิดนี้เป็นพิษที่รุนแรงและร้ายกาจที่สุดในโลกนี้

มีพิษเย็น พิษนี้น่าจะมาจากท้องแม่โดยกำเนิด ดังนั้นหลังจากที่เขาเกิดมา ทุกวันที่สิบห้าของทุกเดือนเขาจะต้องทนเจ็บปวดกว่าคนอื่นๆเป็นเท่าตัว

ถ้าพิษเย็นกำเริบขึ้นมา อวัยวะทั่วร่างกาย รวมไปถึงเลือดจะกลายเป็นน้ำแข็งทั้งหมด ทำให้หนาวเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ตายไม่ได้

อีกชนิดคือพิษใบเลือดดำ สามารถฆ่าคนให้ตายได้ ตอนที่กำเริบจะปวดร้าวไปทั่วร่างกายจนถึงกระดูก ร่างกายเหมือนถูกมดเป็นหมื่นตัวกัดแซะ จนทั้งตัวแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เขาอยากใช้พิษเย็นและดอกไม้พวกนี้ระงับพิษใบเลือดดำในตัว เพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้

แต่พิษสองชนิดนี้ตีกัน ความเจ็บปวดที่เขาต้องทนแบกรับ เป็นหนึ่งในยาพิษอย่างน้อยสิบเท่าขึ้นไป

ไม่ว่าจะเป็นพิษเย็น หรือพิษใบเลือดดำ ขั้นตอนในการทำต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีขึ้นไป และยังต้องใช้ยาพิษห้าร้อยชนิดกว่าจะทำได้

ตกลงเขาไปมีเรื่องกับใครกัน ถึงทำให้ศัตรูคิดการใหญ่วางยาพิษนี้กับเขา?

ยังมีขาที่พิการทั้งสองข้างของเขาอีกด้วย กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ถอนหายใจ

ยาพิษไม่สามารถขจัดออกจากร่างกายได้ จึงขจัดไปที่สองขาของเขา มองดูขาตัวเองพิการต่อหน้าต่อตา คงรู้สึกไม่ดีมากแน่ๆ

กู้ชูหน่วนหยิบเข็มเงินออกมา แล้วเจาะไปที่จุดกลางหัว จุดฝ่าเท้าและที่อื่นๆของเขาด้วยท่าทีที่คุ้นเคย พยายามช่วยเขาขจัดความเจ็บปวดและพิษออกไปให้ได้มากที่สุด

ถ้าเป็นเมื่อก่อน นางแค่คิดว่าเขาเป็นแค่คนที่ผ่านเข้ามาที่ไม่สำคัญอะไร

งั้นตอนนี้ นางคงปวดใจจริงๆ

นางเป็นหมอและรู้ดีว่าหลายปีมานี้เย่จิ่งหานต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน ถ้าเป็นคนทั่วไป เกรงว่าวันเดียวก็คงทนไม่ไหว

อาการป่วยของเขาหนักมาก ในตอนที่พระอาทิตย์ยามเช้าขึ้น กู้ชูหน่วนถึงดึงเข็มเงินของตัวเองออกมา ถอดเสื้อตัวเองคลุมไปที่ตัวของเขา

“เพื่อรักษาชีวิตของเจ้าไว้ ทำข้าเหนื่อยแทบแย่ ถ้าเจ้าตื่นขึ้นมา อย่าหาเรื่องข้าอีกนะ”

กู้ชูหน่วนบิดขี้เกียจ ออกตามหาดอกเยียนหลัวในป่าดอกไม้หมื่นพันธ์ที่ตัวเองต้องการ แล้วหันหน้ากลับไปมองเย่จิ่งหานที่กำลังนอนอยู่ พริบตาเดียวก็หายไปทันที โดยความเร็วนั้นเหมือนกับเสือดาวไม่มีผิด

มุมหนึ่งของราชวิทยาลัย

ชิวเอ๋อร์ร้อนรนจนกระโดดไปมา และชะโงกหัวมองออกไปไม่หยุด สักพักใหญ่ ในที่สุดนางก็เห็นคุณหนูใส่ชุดชาวนามา เดินโซเซพร้อมกับหาวด้วย

ชิวเอ๋อร์ดีใจจนรีบวิ่งออกไป “คุณหนูเจ้าคะ ท่านไปไหนมาทั้งคืนเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงแทบแย่เลย”

“เป็นห่วงทำไมกัน ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

“เซี่ยหยู่ตายแล้ว อนุภรรยาห้าฟ้องนายท่านอย่างเอาเป็นเอาตาย นายท่านโมโหมาก ข้าว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่ เลยมารายงานคุณหนูก่อน ไม่คิดว่าคุณหนูจะไม่กลับมาทั้งคืน ข้าจึงต้องมาคอยอยู่ที่หน้าราชวิทยาลัย”

“ข้าคิดว่าเรื่องอะไรเสียอีก บ่าวไพร่นั่นจะตายก็ตายไปสิ”

กู้ชูหน่วนยิ้มหน้าบาน นางหยิกแก้มเนียนขาว และพูดให้กำลังใจว่า “ดีมาก เก่งขึ้นเยอะเลยนะ รู้ว่าเกิดขึ้นก็วิ่งมารายงานเลย”

ชิวเอ๋อร์ร้อนรนแทบใจจะขาด แต่คุณหนูกลับทำท่าทีไม่สนใจอะไรเลย นางจึงกระทืบเท้าแล้วพูดว่า “คุณหนู นายท่านกับอนุภรรยาห้าต้องไม่ปล่อยคุณหนูไปแน่ ต่อไปพวกเราจะทำยังไงกันดี? คงจะหลบอยู่แต่ในราชวิทยาลัยก็ไม่ได้”