“คุณพระ เสียงเมื่อครู่เป็นของเจ้าหรือ”

อันหลินมองดอกไม้ที่ถูกเขาทับจนสภาพน่าสังเวชอย่างยิ่ง พูดอย่างตกใจเจือความสงสัย

เซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลานก็ขยับเข้ามาเพ่งมองดอกไม้ดอกนั้นอย่างฉงนใจ

“ฮือ…ก็ข้าน่ะสิ ข้าไปทำให้ใครไม่พอใจหรือ ถึงต้องมาเจอกับหายนะแบบนี้…”

เสียงหวานของดอกไม้ดอกนี้ดังขึ้นอีกครั้ง มันกำลังโอดครวญ

อันหลินยิ่งมองก็ยิ่งแปลกใจ ย่อตัวนั่งลงแล้วจิ้มดอกไม้ดอกนั้น “น่าแปลก หลังสถาปนาห้ามเป็นภูตไม่ใช่หรือ”

“โอ๊ย! เจ็บจังเลย! ไยเจ้าถึงได้โหดเหี้ยมปานนี้ ข้ารู้สึกเหมือนตัวเองจะตายแล้ว แต่เจ้ากลับทรมานข้าเช่นนี้!” ดอกไม้สีแดงตะโกนคร่ำครวญเสียงดัง เมื่อถูกอันหลินจิ้มหยดน้ำ

คราวนี้เซวียนหยวนเฉิงพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สหายอันหลิน นี่เป็นภูตพฤกษาที่ใกล้จะบรรลุเป็นมารแล้ว แต่เมื่อถูกเจ้าทับแบบนั้นจนคอของมันหัก เกรงว่ารอเมื่อเลือดไหลหมดแล้ว คงจะตายเพราะแห้งเหี่ยว!”

“หา ทำอย่างไรดี” อันหลินได้ฟังก็ทำหน้ารู้สึกผิด

ภูตพฤกษาต้นนี้พูดภาษามนุษย์ได้ คิดว่าคงเป็นเพราะได้สติปัญญาจากพลังธรรมชาติ

ชั่วชีวิตของภูตพฤกษาบำเพ็ญเพียรไม่ง่าย กลับถูกเขาทับตาย บอกตามตรงเขาก็รู้สึกผิดมากเหมือนกัน

เมื่อดอกไม้ต้นนั้นได้ยินคำพูดของเซวียนหยวนเฉิง รู้ว่าตัวเองเหลือเวลาไม่นานแล้ว ก็สั่นระริก ร้องไห้จนแทบจะสลบ

“อืม…พอมีวิธีอยู่เหมือนกัน” เซวียนหยวนเฉิงพึมพำ

“วิธีอะไร รีบบอกเร็วเข้า!” ตอนนี้ภูตพฤกษารู้สึกอ่อนระโหยโรยแรง อาจจะใกล้จะตายแล้วจริงๆ ก็ได้ บัดนี้พูดอย่างร้อนรนยิ่งนัก

“ก้านของภูตพฤกษาหัก พลังชีวิตกำลังหลั่งไหลไม่หยุด หากว่าสามารถสร้างพันธะสัญญาทาสกับนักพรตคนหนึ่ง ให้เจ้านายมอบพลังแก่ภูตพฤกษาผ่านพลังแห่งพันธะสัญญา ก็จะแก้ไขวิกฤตสูญเสียพลังชีวิตได้ คงไว้จนกระทั่งจุดกำเนิดพลังปราณของภูตพฤกษาก่อตัว ก็จะกำจัดวิกฤตได้อย่างสิ้นเชิง!” เซวียนหยวนเฉิงพูดอย่างจริงจัง เรื่องเกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ภูตพฤกษาลังเลที่ไหนกัน โพล่งขึ้นมาทันทีว่า “ข้ายอม ข้ายอม!”

พูดจบ มันก็จ้องสามคนที่รายล้อมด้วยท่าทางน่าสงสาร

มันรู้ว่าสามคนนี้เป็นนักพรต ขอเพียงมีหนึ่งคนยอมทำพันธะสัญญากับมัน ก็จะรักษาชีวิตของมันได้!

“เพราะสายเลือดของข้าเป็นเหตุ ไม่สามารถสร้างพันธะสัญญาตามใจชอบได้” สวีเสี่ยวหลานพูดขึ้นมาก่อน

“วิชาที่ข้าบำเพ็ญค่อนข้างพิเศษ ไม่สามารถสร้างพันธะสัญญาตามอำเภอได้เช่นกัน” เซวียนหยวนเฉิงก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ด้วยเหตุนี้ สองคนกับหนึ่งมาร ก็เบนสายตามาที่อันหลินอย่างพร้อมเพรียง

อันหลิน “…”

ในเมื่อเขาเป็นสาเหตุหลักที่ทับภูตพฤกษาตาย สมควรต้องรับผิดชอบ

แต่ว่า เขาก็ไม่ใช่คนทั่วไป จำต้องทำความเข้าใจเรื่องราวก่อน

“อืม…จะว่าไป เจ้าเหาะได้ไหม” อันหลินพูดพลางจ้องภูตพฤกษา

อันที่จริงเขาอยากเลี้ยงสัตว์ภูตที่สง่าผ่าเผยอย่างต้าไป๋สักตัวเช่นกัน กับภูตพฤกษาเขาไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก

ภูตพฤกษารู้ว่าความหวังสุดท้ายในการมีชีวิตอยู่ ขึ้นอยู่กับอันหลินทั้งหมด คำถามที่มันได้ยินในตอนนี้ เกือบทำให้มันปล่อยโฮแล้ว “เจ้าเคยเห็นดอกไม้ดอกไหนเหาะเหินเดินอากาศบ้าง…”

อันหลินถอนหายใจด้วยความผิดหวัง เอ่ยถามต่อว่า “เช่นนั้น เจ้ามีข้อดีอะไรบ้าง”

“ข้อดีหรือ” ภูตพฤกษาครุ่นคิด พูดอย่างเบิกบานใจว่า “ข้าหยั่งรากได้! ข้าสังเคราะห์แสงได้! ข้าบำเพ็ญเพียรได้!”

อันหลิน “…”

เซวียนหยวนเฉิง “…”

สวีเสี่ยวหลาน “…”

เมื่อภูตพฤกษาเห็นอากัปกิริยาของทั้งสามคน เหมือนจะรู้ว่าข้อดีของตัวเองไม่ค่อยเหมาะสม จึงขยับเบาๆ จ้องอันหลินด้วยท่าทางน่าสงสาร

อันหลินกุมขมับ ทอดถอนหายใจ “ช่างเถอะ สาสมกับที่ข้าทำกับเจ้าแล้ว สร้างพันธะสัญญาเถอะ!”

ภูตพฤกษาได้ฟัง หยดน้ำก็ไหลออกมา พูดสะอึกสะอื้นว่า “หา ขอบคุณนะ! ขอบคุณ! พี่อันหลินช่างเป็นคนดีจริงๆ!”

“อย่ายัดเยียดความดีให้ข้าตามใจชอบ!” อันหลินถลึงตาใส่ภูตพฤกษา

ภูตพฤกษาตกใจจนตัวหด ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด

วิชาสร้างพันธะสัญญาทาส อันหลินเคยเรียนในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียน ไม่คิดว่าจะได้ใช้เร็วขนาดนี้

เขาประสานมืออย่างต่อเนื่อง พลังปราณพรั่งพรูออกมา ต่อมาก็กรีดนิ้ว เลือดที่ส่องแสงสีทองหยดหนึ่งก็ผุดออกมาจากปลายนิ้วของเขา

“ตอนนี้ เจ้าต้องดูดซึมเลือดหยดนี้ของข้าโดยไม่ต่อต้านแม้แต่นิด” อันหลินพูดกับภูตพฤกษา

พูดจบ เขาปล่อยให้เลือดสีทองหยดนั้นหยดลงบนกลีบดอกไม้ของภูตพฤกษา

เลือดค่อยๆ ซึมเข้าไปในตัวภูตพฤกษา มันครวญคราง ร่างกายเริ่มสั่นเทาขึ้นมา

ไม่นาน อันหลินก็พบว่า เขากับภูตพฤกษามีความสัมพันธ์บางอย่าง

ขณะนั้นเอง พลังปราณของเขาก็เริ่มถ่ายให้ภูตพฤกษาผ่านอากาศ

อันหลินถอนหายใจ เด็ดภูตพฤกษา เก็บลงในกระเป๋า

ด้วยเหตุนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไป อันหลินมีสัตว์เลี้ยงที่กินข้าวฟรีเพิ่มมาตัวหนึ่ง…

“ฟู่…กระเป๋าของนายท่านช่างอบอุ่นเหลือเกิน ข้าชอบมากเลย!”

ภูตพฤกษารู้สึกว่าพลังชีวิตของตัวเองกำลังฟื้นฟูช้าๆ เป็นเวลาประจบสอพลอ ทำให้นายท่านเบิกบานใจแล้ว เพราะต่อไปยังต้องพึ่งพาเขาเพื่อสร้างจุดกำเนิดพลังปราณ!

อันหลินฮึดฮัดในลำคอ “เจ้ากินพลังข้าทุกวัน ต่อไปต้องตอบแทนข้าด้วยหินวิญญาณวันละร้อยก้อน ห้ามต่อราคา!”

“อ้อ! ได้เลย!” ภูตพฤกษาตอบรับทันที

แม้จะไม่รู้ว่าหินวิญญาณคืออะไร แต่ชิงรับปากก่อน ไม่ยั่วโมโหนายท่านไม่ผิดแน่นอน

เมื่อสวีเสี่ยวหลานเห็นฉากนี้ ก็หลุดขำพรืด คิดว่าให้อันหลินเป็นเจ้านาย ภูตดอกไม้ตนนี้ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

“จริงสิ นายท่าน ข้ายังไม่มีชื่อเลย ท่านช่วยตั้งชื่อให้ข้าดีไหม” ตอนแรกภูตพฤกษาคิดว่าเมื่อแปลงร่างแล้ว จะตั้งชื่อด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้มันสร้างพันธะสัญญากับอันหลินแล้ว จึงไม่อยากตั้งชื่อเองแล้ว

“อืม ปัญหานี้…”

อันหลินลูบคาง หลังขบคิดชั่วขณะแล้ว ก็เอ่ยปากว่า “เจ้าแดงฉูดฉาดทั้งตัว ก็ชื่อเสี่ยวหงแล้วกัน!”

เซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลานได้ยินก็ตัวเซ เกือบหลุดสบถออกมาแล้ว

ภูตพฤกษาในกระเป๋าที่มีชีวิตชีวาในตอนแรก ก็เงียบลงในเวลานี้ทันที…

ผ่านไปครู่ใหญ่ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

“นายท่าน เปลี่ยนเป็นชื่ออื่นดีไหม…”

หยาดน้ำหยดหนึ่งผุดออกมาจากกลีบดอกไม้ของภูตพฤกษา มันพูดด้วยท่าทางน่าสงสาร

ชื่อเสี่ยวหง สำหรับภูตพฤกษาแล้ว ก็ไม่แตกต่างอะไรกับชื่อหลี่โก่วตั้น หวังเอ้อร์ส่าของมนุษย์เลย…

บนโลกใบนี้มีดอกไม้นับพันนับหมื่น เอาสีมาตั้งชื่อ…มันเป็นการลบหลู่ดอกไม้ไม่ใช่หรือ!

“ไม่ล่ะ!”

อันหลินทำหน้าเด็ดเดี่ยว “ข้าคิดว่าชื่อนี้เหมาะกับเจ้ามาก เสี่ยวหง เจ้าต้องเชื่อใจเจ้านายสิ!”

“อืม เสี่ยวหงทราบแล้ว…ชื่อที่เจ้านายตั้งให้เยี่ยมที่สุดแล้ว!” เสียงหวานหยดย้อยของภูตพฤกษาดังมาจากกระเป๋า

มันเสียใจมากจริงๆ! แต่ก็ต้องรักษารอยยิ้มไว้

ใครใช้ให้มันอยู่ใต้อาณัติคนอื่นล่ะ

เมื่อได้ยินคำพูดของภูตพฤกษา อันหลินก็พยักหน้าด้วยความมั่นใจ

เซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลานมองกระเป๋าของอันหลินด้วยแววตาเห็นใจ อยากพูดแต่ก็ชะงักไป

อันหลินไม่รู้ ภูตพฤกษาร้องไห้โศกเศร้าน้ำตาไหลเป็นสายธารในกระเป๋าแล้ว

“เอ๊ะ ทำไมกระเป๋าข้าเปียกล่ะ เสี่ยวหง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม”

ระหว่างที่อันหลินกำลังเดินอยู่ ก็พบว่ากระเป๋าชื้น ก็พูดอย่างกังวล

“ไม่…ไม่เป็นไร เสี่ยวหงเพียงเสียใจ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องลาจากบ้านเกิดแล้ว”

ภูตพฤกษาสะอื้นไห้ มันไม่มีทางบอกอันหลินเด็ดขาดว่า มันร้องไห้เพราะชื่อของตัวเอง…

……………………………….