บทที่ 44 สมุนไพรสะระแหน่สวรรค์และไก่โลหิตปักษาเพลิง

ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD

รัตติกาลมาเยือน จันทร์เสี้ยวสองดวงฉายแสงอ่อนล้อกันอยู่บนท้องฟ้า ทอแสงสีเงินยวงเย็นเยือกเข้าปกคลุมโลกทั้งใบเหมือนม่านหมอกปริศนา

ณ ห้องโถงใหญ่ของจวนตระกูลเซียว ที่นครหลวง

“ท่านพ่อ พี่หญิง… อาการเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” เซียวเสี่ยวหลงแทบคลั่งด้วยความกระวนกระวาย ใบหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด เขากลัวว่าบิดาจะพูดส่งที่ตนเองกลัวที่สุดออกมา

ใบหน้างดงามของเซียวเยียนอวี่ซีดเซียวไร้สีสัน ดวงตาที่เคยสดใสด้วยพลังชีวิต บัดนี้ว่างเปล่าไร้วิญญาณ เบื้องล่างผิวซีดของนาง มีเส้นเลือดสีดำเต้นตุบๆ ดูดพลังชีวิตออกจากกายนางอย่างต่อเนื่อง

แม่ทัพใหญ่ร่างหนาเซียวเหมิงกำลังยืนอยู่ข้างเซียวเยียนอวี่ เขาค่อยๆ ถอนพลังปราณที่ใช้ตรวจร่างกายนางออก คิ้วชี้ตรงขมวดมุ่นจนแทบจะผูกเป็นปม รังสีสังหารที่ซ่อนลึกภายในดวงตาเริ่มปั่นป่วน

“ใครหน้าไหนกันที่ทำเช่นนี้ เยียนอวี่อยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร” เซียวเหมิงถามเสียงเย็น พยายามสะกดโทสะเอาไว้ขณะเอื้อนเอ่ย

“เรา… ไปกินข้าวที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟางกัน แล้วก็เจอ… พี่ใหญ่ขอรับ” เซียวเสี่ยวหลงตัวสั่นเล็กน้อย เริ่มหายใจติดขัดเพราะแรงกดดันจากแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิง โทสะของผู้ฝึกตนระดับเจ็ดขั้นนักพรตยุทธการนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทานทนไหว

แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงหันไปจ้องบุตรชายเขม็ง “เจ้าเจอใครนะ เซียวเยวี่ยรึ”

“ขอรับ…”

“แปลว่า เขาเป็นคนทำร้ายเยียนอวี่รึ” ผู้เป็นบิดากัดฟันกรอดแล้วถามเสียงเย็น เขากำหมัดแน่นจนข้อปูดโปนขาว พยายามกดโทสะรุนแรงเอาไว้ภายใน

เซียวเสี่ยวหลงตกใจเป็นอันมากแล้วรีบปฏิเสธทันที จากนั้นก็เล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร้านให้บิดาฟัง

“เจ้ากำลังบอกว่าเยียนอวี่ถูกหุ่นเชิดที่ร้านนั้นทำให้บาดเจ็บรึ” สีหน้าของแม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ แต่เซียวเสี่ยวหลงกลับกลัวมากขึ้นกว่าเดิม เขารู้ว่าโทสะที่ไม่แสดงออกมาเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด

“เถ้าแก่บอกว่า… เขาสามารถทำให้พี่หญิงกลับมาเป็นปกติได้ในอีกสามวันต่อจากนี้” เซียวเสี่ยวหลงเอ่ย

“แล้วเจ้าก็เชื่อมันน่ะรึ เจ้ายอมปล่อยให้คนไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามาชี้เป็นชี้ตายชีวิตพี่เจ้ารึ” แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงยิ้มเย็นชาให้เซียวเสี่ยวหลง รอยยิ้มนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกราวกับถูกโยนลงในธารน้ำแข็งเย็นเยือก

“เจ้าออกไปก่อน ข้าเรียกหมอหลวงมาแล้ว หวังว่าพวกเขาจะช่วยชีวิตพี่หญิงของเจ้าได้” ผู้เป็นพ่อขับไสไล่ส่งเซียวเสี่ยวหลงที่ไม่คัดค้านให้ออกไป

หลังจากที่บุตรชายออกจากห้องไปแล้ว แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงก็เรียกบ่าวไพร่ให้พาเซียวเยียนอวี่กลับไปที่ห้อง แล้วก้าวหายไปจากที่แห่งนั้นในก้าวเดียว

“ข้าอยากรู้นักว่าคนเช่นไหนกันที่บังอาจมาทำร้ายลูกข้า” น้ำเสียงหม่นของแม่ทัพใหญ่ดังก้องก่อนจากไป

ใต้ท้องฟ้ายามราตรี ร้านเล็กๆ ของฟางฟางดูสงบสุขกว่าปกติเล็กน้อย ตรอกที่ร้านตั้งอยู่ทั้งลึกและเงียบสงัด แสงไฟเล็ดลอดออกมาจากช่องไม้ปิดทางเข้า

สุนัขสีดำตัวใหญ่นอนอืดอยู่ที่ทางเข้า ดวงตาหลับสนิท การนอนนิ่งเหมือนสุนัขตายเป็นงานอดิเรกหนึ่งเดียวของมัน

“หืม” ดวงตาที่ปิดอยู่ของมันสั่นเทากะทันหัน จากนั้นก็เปิดออกแล้วมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่า

มันเห็นร่างหนึ่งทะยานอยู่ในอากาศ กำลังพุ่งเข้าหาร้านเล็กๆ ของฟางฟางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พลังปราณที่ร่างนั้นส่งออกมารุนแรงจนน่าตกใจ

แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงยืนอย่างสง่างามอยู่กลางอากาศ เอามือไพล่หลัง ดวงตามองลงมาที่ร้านเบื้องล่าง จ้องไปยังสุนัขสีดำตัวใหญ่ที่ปากทางเข้า

“สุนัขสีดำตัวใหญ่รึ” เขาพึมพำเล็กน้อย สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนจากไม่สนใจอะไรมาเป็นจ้องสุนัขตัวนั้นเขม็ง

ช่างเป็นสุนัขที่ลึกลับอะไรเพียงนี้! แม่ทัพใหญ่ตกใจเป็นอันมาก เขาอ่านสุนัขตัวนี้ได้ไม่ทะลุปรุโปร่ง แม้อีกฝ่ายจะทำเพียงนอนอืดอยู่ตรงนั้น แต่เขากลับรู้สึกได้ว่าหากตนเองพยายามทำลายร้าน สุนัขตัวนี้จะต้องจัดการโต้กลับเขาอย่างเจ็บแสบแน่นอน

“ร้านลึกลับ สุนัขปริศนา… เรื่องนี้ไม่ธรรมดาแล้ว” แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงเสียขวัญเล็กน้อย จู่ๆ ก็เริ่มเชื่อคำพูดของเซียวเสี่ยวหลงขึ้นมา หรือว่าเจ้าของร้านอาหารแห่งนี้จะสามารถช่วยชีวิตบุตรสาวของเขาได้จริงๆ

“หากช่วยลูกสาวข้าไม่ได้ภายในสามวัน ต่อให้ข้าต้องเอาชีวิตไม้ใกล้ฝั่งที่เหลืออยู่ของตนไปทิ้ง ข้าก็จะทำให้ร้านนี้จบสิ้นเช่นเดียวกับชีวิตบุตรสาวของข้า” แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงเย้ยเสียงเย็นกับตนเอง ร่างของเขาพลันทะยานหายไปในท้องนภา

สุนัขสีดำตัวใหญ่จ้องทิศที่แม่ทัพใหญ่เซียวเหมิงจากไปอย่างไร้อารมณ์ มันเปิดปากหาว พ่นลมเยาะ ก่อนนอนหลับไปตามเดิม

ปู้ฟางที่นั่งอยู่ในร้านไม่รู้แม้แต่น้อยว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นข้างนอก ตอนนี้เขาจดจ่ออยู่กับการศึกษาวิธีการทำอาหารโอสถทิพย์ น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิง

“อาหารโอสถทิพย์: โอสถที่มีฤทธิ์เป็นยาผสมผสานเข้ากับวัตถุดิบทำอาหารซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังปราณเข้มข้น อาหารชนิดนี้มีฤทธิ์เยียวยาเลิศล้ำจนสามารถใช้เป็นยารักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ การทำอาหารชนิดนี้ต้องใช้ทักษะพิเศษในการปรุงยา ทั้งยังต้องใช้วัตถุดิบพิเศษที่มีสี กลิ่น รสชาติ และสรรพคุณเยียวยาร่างกาย” ระบบอธิบายให้เขาฟัง

“น้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิง: เป็นน้ำแกงที่ใช้สมุนไพรสะระแหน่สวรรค์ระดับห้าจากดินแดนป่ารกชัฏ และอสูรเวทระดับห้าไก่โลหิตปักษาเพลิง รวมถึงสมุนไพรพลังปราณอีกมากมายในปริมาณที่เหมาะสม น้ำแกงนี้จะช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต รวมถึงโลหิต และพลังงานให้ผู้กิน สรรพคุณในการเยียวยาของอาหารชนิดนี้สูงมาก แต่มีข้อจำกัดว่าต้องตวงสมุนไพรแต่ละชนิดให้เที่ยงไม่ขาดไม่เกิน”

ปู้ฟางอ่านวิธีทำน้ำแกงสมุนไพรไก่ปักษาเพลิงจนจบ เขาไม่เคยทำอาหารโอสถทิพย์มาก่อน จึงไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้มากนัก แม้จะเข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องตวงทุกอย่างไม่ขาดไม่เกินก็ตามที แต่การจะเอามาใช้จริงนั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“ข้าเริ่มฝึกทำเลยดีกว่า” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ตัดสินใจว่าจะลองทำดูเลย

“ระบบเตรียมวัตถุดิบเอาไว้สำหรับการประกอบอาหารสามครั้ง นายท่านต้องทำให้สำเร็จภายในสามครั้งเท่านั้น” เสียงจริงจังของระบบดังขึ้นอีกครั้งจนปู้ฟางสะดุ้งเฮือก หากมีวัตถุดิบพอสำหรับสามครั้ง แปลว่าเขาทำพลาดได้แค่สองครั้งเท่านั้น

ชายหนุ่มอ่านวิธีทำอาหารโอสถทิพย์อีกครั้ง สูดหายใจเข้าลึก ดวงตาเป็นประกายด้วยความมั่นใจในตนเอง

ตู้ขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นในครัวโดยที่ชายหนุ่มไม่รู้ตัว ตู้นี้วางอยู่ที่มุมหนึ่งของครัว ภายในมีวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำอาหารชนิดนี้บรรจุอยู่

ปู้ฟางเปิดประตูตู้ออกดู พลันพลังปราณหนาแน่นก็พุ่งออกจากตู้ ทำให้รูขุมขนในกายเขาเปิดเล็กน้อย

“กุ๊กๆ…”

ที่ชั้นล่างสุดของตู้มีเล้าไก่สามเล้า แต่ละเล้ามีไก่รูปร่างสวย ขนแดงชาดสีเลือด

ชายหนุ่มคิดเงียบๆ “ไก่ยังเป็นๆ อยู่สินะ… ข้าคิดว่าจะจัดการมาให้แล้วเสียอีก”

“ระบบสะกดพลังปราณของไก่โลหิตปักษาเพลิงให้เรียบร้อยแล้ว นายท่านเพียงแต่ต้องทำตามกระบวนการปกติในการเชือดและเตรียมไก่เท่านั้น อย่าลืมว่าลำตัวของไก่จะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และจะให้หงอนเสียหายไม่ได้เด็ดขาด”

ปู้ฟางคว้าไก่หนึ่งตัวออกมาจากเล้าอย่างชำนาญ ไก่ตัวสวยดีดดิ้นตีปีกและกรีดร้องอย่างหมดทางสู้

ไก่โลหิตปักษาเพลิงที่ไร้พลังปราณก็ไม่ต่างอะไรจากไก่เนื้อในโลกมนุษย์ ยกเว้นอย่างเดียวก็คือหน้าตา

หน้าตาของไก่ชนิดนี้สวยงามเป็นอันมาก ร่างของมันเพรียวลม หงอนใหญ่มีสีแดงฉานราวกับอัดแน่นไปด้วยเลือด ขนเป็นสีแดงชาด ดวงตาโดดเด่นเป็นประกาย จะงอยปากแดงเข้ม มองจากระยะไกลดูเหมือนเปลวเพลิงไม่มีผิด

ไก่โลหิตปักษาเพลิงระดับห้านี้ อันที่จริงแล้วไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้นัก จัดว่าอ่อนแอถ้าเทียบกับอสูรเวทระดับห้าชนิดอื่น ทว่ามันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก จนทำให้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับห้าได้ แต่แน่นอนว่าในร้านเล็กๆ ของฟางฟาง ไก่โลหิตปักษาเพลิงก็ไม่ต่างอะไรกับไก่บ้านธรรมดาทั่วไป มันดิ้นไม่ได้เสียด้วยซ้ำตอนผู้ฝึกตนระดับสามขั้นคลั่งยุทธการที่มีปราณต่ำกว่าตนทั้งยังไร้ความสามารถในการต่อสู้ เชือดมันอย่างง่ายดาย

ปู้ฟางเตรียมไก่โลหิตปักษาเพลิงอย่างชำนาญจนเกือบสมบูรณ์แบบ จากนั้นเขาก็หยิบสมุนไพรล้ำค่ามากมายออกจากตู้

สมุนไพรพลังปราณเหล่านี้เข้มข้นด้วยพลังปราณที่ไหลเข้าท่วมห้อง จนทำให้ห้องครัวดูเหมือนสวรรค์บนดิน พลังปราณที่ไหลออกจากสมุนไพรสะระแหน่สวรรค์นั้นเข้มข้นเป็นพิเศษจนแทบก่อตัวเป็นเมฆ

ปู้ฟางเจาะสะระแหน่ให้เป็นรูตามสูตร จากนั้นก็เทน้ำสมุนไพรจนได้มาราวครึ่งชาม แล้วใช้ทักษะการใช้มีดอันแสนสมบูรณ์แบบซอยสะระแหน่

ปู้ฟางยัดสมุนไพรเข้าไปในท้องไก่โลหิตปักษาเพลิงตามสูตร หยิบหม้อดินออกมา แล้วใส่ไก่ทั้งตัวลงไปในนั้น เขาเทน้ำจากบ่อน้ำพลังปราณลงในหม้อ นำไปตั้งไฟจนเริ่มเดือด

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป เขาเปิดฝาหม้อออกแล้วเทน้ำสะระแหน่ลงไป ปล่อยให้มันเดือดปุดต่ออีกสักพัก

ครั้งนี้ชายหนุ่มตั้งไฟต่อไปอีกหนึ่งชั่วยาม กลิ่นไก่ผสมกับกลิ่นสมุนไพรค่อยๆ เล็ดลอดออกจากฝาหม้อ ราวกับเป็นหมอกที่ลอยต่ำในห้องครัวไม่ยอมสลายหายไป

“ข้าทำสำเร็จรึ” ชายหนุ่มพูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย

ทว่าอึดใจต่อมาเสียงของระบบก็ดังขึ้นในศีรษะ

“นายท่านทำพลาดในครั้งแรก”

…………………………………