ตอนที่ 23 ข้อแก้ตัวที่โง่เขลา

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่23 ข้อแก้ตัวที่โง่เขลา

หลายคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนรู้จักบุตรสาวของฮูหยินรองแห่งจวนโหวเป็นอย่างดี เวลานี้ เมื่อได้เห็นใบหน้าของอันหลิงอีก็ล้วนแต่ประหลาดใจและส่งสายตาดูถูกดูแคลนนางอย่างเห็นได้ชัด

อันหลิงอีใช้มือผลักบุรุษแปลกหน้าที่อยู่ตรงหน้าออกไป แล้วใช้มือปกปิดส่วนที่ชุดโดนฉีกขาด จากนั้นจึงรับรู้ได้ถึงสถานการณ์เบื้องหน้าในทันที

“เจ้าคนรับใช้ต่ำต้อย ? ใครบงการให้เจ้ามาทำมิดีมิร้ายข้าเยี่ยงนี้ ห๊ะ ? ”

อันหลิงอีที่กำลังโมโหยกมือขึ้น แล้วตบลงไปที่ใบหน้าของอี้หมิงอย่างแรง

คนที่นัดนางมาที่นี่คือมู่ซือจื่อ นางอุตส่าห์มาที่นี่อย่างมีความสุข เหตุใดถึงได้มาเป็นเจ้าคนหน้าตาน่าเกลียดเยี่ยงนี้ !

อี้หมิงรู้สึกเจ็บจากการถูกตบ เดิมทีก็มีสีหน้าที่โง่เขลาอยู่แล้ว บัดนี้จึงได้แต่นิ่งตกตะลึงงันไป แล้วกล่าวออกมาว่า “เจ้าตีข้า !  เหตุใดเจ้าต้องตีหมิงเอ๋อด้วย เจ้ามิชอบหมิงเอ๋อหรอกหรือ ฮือ ๆ แต่หมิงเอ๋อชอบเจ้า เจ้าก็ชอบหมิงเอ๋อด้วยสิ”

อี้หมิงกล่าวไปก็พลันเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะ ยื่นมือที่อ้วนกลมไปจับอันหลิงอีไว้ แล้วหันมาหัวเราะให้กับอี้หวางเฟย

 “ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านดูซิ หมิงเอ๋อเจอคนที่ชอบแล้ว หมิงเอ๋อจะให้นางมาเป็นภรรยา มาเป็นพระชายาของข้า”

อาจเพราะตื่นเต้นเกินไป มุมปากของอี้หมิงจึงมีน้ำลายไหลย้อยลงมา ท่าทางปัญญาอ่อนเยี่ยงนั่นทำให้อันหลิงอีอยากจะอาเจียนยิ่งนัก

“ใครจะเป็นเมียคนเยี่ยงเจ้ากัน โง่เง่าไร้ยางอาย ! มิดูสารรูปของตนเองซะบ้างเลยว่าอัปลักษณ์เพียงใด เป็นแค่หมาวัดยังคิดจะกล้าเด็ดดอกฟ้าอีกหรือ ! ”

เมื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่แล้วที่ตนถูกคนโง่โอบกอดเอาไว้  อีกทั้งเจ้าโง่นั่นยังพูดอีกว่าชอบนาง จะขอนางไปเป็นภรรยา

 แค่คิดถึงเรื่องนั้น อันหลิงอีก็แทบจะอาเจียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด นางนึกภาพออกเลยว่า หากต่อไปเมื่อออกงานคนอื่นจะชี้หน้านางว่า “ดูสิ นั่นไงผู้หญิงที่มีเจ้าโง่ผู้นี้มาชอบ”

ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งรู้สึกโมโห จนถึงขนาดมิได้สนใจคำเรียกอี้หวางเฟยว่าท่านแม่จากปากของอี้หมิง เนื่องจากเรื่องที่เกิดในวัดชิงอวิ๋นเมื่อวานยังคงชัดเจน นางจึงคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตนนั้นเป็นแค่อันธพาลต่ำต้อย ที่รับเงินมาเพื่อมาให้ร้ายนางเพียงเท่านั้น

เมื่อได้ฟังคำกล่าวของอันหลิงอี สีหน้าของอี้หวางเฟยก็เคร่งขรึมขึ้นในทันที เป็นใครที่ได้ยินหญิงสาวมาด่าทอบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของตนว่าอัปลักษณ์ก็ย่อมต้องรู้สึกโกรธกันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คืองานเลี้ยงจวนอ๋องอี้ มีคนจับจ้องมากมาย อันหลิงอีกลับดูถูกหมิงเอ๋อของนางเยี่ยงนี้ เห็นได้ชัดว่ามิเห็นจวนอ๋องอี้อยู่ในสายตา !

“อันหลิงอี เจ้าหมายความว่าเยี่ยงไร ห๊ะ ? ”

อี้หวางเฟยตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง บารมีที่สะสมมาหลายปีตั้งแต่เป็นพระชายา เป็นเหตุให้นางดูน่ายําเกรงเป็นอย่างมาก

 “เจ้าเสียความบริสุทธิ์ให้กับหมิงเอ๋อแล้ว ถ้ามิแต่งเข้าจวนอ๋องอี้ เจ้าจะแต่งกับชายผู้ไหนได้อีก ? อีกอย่างจวนอ๋องอี้ของเราก็มีบรรดาศักดิ์ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น แม้พูดมิได้ว่ามีอำนาจอยู่ล้นมือ แต่ก็เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง เหตุใดอี้ซือจื่อของเราถึงได้กลายเป็นเพียงบ่าวรับใช้ชั้นต่ำสำหรับเจ้าไปได้ ห๊ะ?”

คำกล่าวของนางทั้งรุนแรงและเฉียบขาดอย่างยิ่ง เมื่ออันหลิงอีได้ฟังก็ถึงกลับตกตะลึงงันไป มิรู้จะโต้ตอบเยี่ยงไร หลังจากที่ได้รับรู้ว่าชายโง่เขลาและอัปลักษณ์ที่อยู่ตรงหน้า ที่แท้คืออี้ซือจื่อ ! ไหนท่านแม่บอกว่าจะให้อันหลิงเกอแต่งเข้าจวนอ๋องอี้มิใช่หรือไง ?

อันหลิงอีส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังแม่ของตน หลี่ซื่อจึงได้สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเผชิญกับปัญหาตรงหน้า

“อี้หวางเฟยโปรดอย่าได้ทรงกริ้วไปเพคะ เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดอย่างแน่นอน”

นางพยายามส่งสายตาให้อี้หวางเฟยอย่างเต็มที่

 “อีเอ๋อนั้นเป็นเด็กดีเชื่อฟัง และอยู่ในกฏระเบียบมาตั้งแต่เล็ก มิมีทางที่จะลักลอบพบกับผู้ชายเยี่ยงนี้แน่นอน”

นางและอี้หวางเฟยปรึกษากันไว้อย่างดีว่าอี้หมิงจะปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แต่เหตุใดในตอนนี้อี้หวางเฟยกลับมากล่าวโทษบุตรสาวของตนเสียได้

เมื่อได้รับสัญญาณจากหลี่ซื่อ อี้หวางเฟยก็รู้สึกตัวขึ้นมาทันใด นางนั้นรู้สึกโมโหขึ้นเพราะสิ่งที่อันหลิงอีกล่าวออกมาจนขาดสติไปชั่วขณะ จนเกือบจะลืมไปแล้วว่าเรื่องนี้คือแผนการของตนด้วย

เพียงแต่เกิดการผิดพลาดขึ้น จากเดิมคนที่ควรจะเสียความบริสุทธิ์ควรจะเป็นอันหลิงเกอ แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดจึงกลายเป็นอันหลิงอีไปได้ เมื่อคิดเรื่องนี้จนกระจ่างแล้ว ริ้วรอยความโกรธบนใบหน้าของอี้หวางเฟยก็พลันจางไป

“หรูเสวี่ย เจ้าเป็นคนเยี่ยงไรนั้นข้ารู้ดี ลูกสาวที่เจ้าเป็นคนอบรมเลี้ยงดูมา คุณธรรมมิมีทางแย่อยู่แล้ว”

คำกล่าวนี้เป็นการไว้หน้าหลี่ซื่อและทำให้อันหลิงอีดูมิแย่จนเกินไป

เมื่อฟังจบ อันหลิงอีจึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

หลังจากนั้นอี้หวางเฟยก็กล่าวขึ้นอีกคราว่า “ว่าแต่เหตุใดเจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้ เจ้าควรจะอธิบายให้พวกเราฟังสักหน่อยหรือไม่ ? ”

ในเมื่อทุกคนนั่งอยู่ที่เรือนหลังเพื่อร่วมงานเลี้ยงอยู่ดี ๆ แต่อันหลิงอีกลับมาอยู่ที่เรือนหน้าซึ่งเป็นสถานที่ต้อนรับแขกผู้ชาย มองเยี่ยงไรก็ดูแปลกประหลาดนัก

เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น ทุกคนก็หันไปมองที่อันหลิงอีด้วยสายตาสงสัยขึ้นไปอีก

หลี่ซื่อเองก็มองอันหลิงอีอย่างระแวง เกรงว่านางจะกล่าวในสิ่งที่มิควรออกมา

อันหลิงอีรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก และมิสามารถสงบนิ่งในสถานการณ์เยี่ยงนี้ได้ ทำได้เพียงโกหกออกไปว่า “ข้า…ข้ามิรู้ว่าที่นี่คือเรือนหน้า ข้าเพียงแต่เห็น…เห็นผีเสื้อตัวหนึ่งที่งดงามมากบินมา จึงได้เดินตามมันมา”

ต่อให้นางโง่กว่านี้ ก็รู้ว่ามิควรพูดความจริงออกมา มิเช่นนั้นแล้ว เรื่องที่คุณหนูรองตระกูลอันลักลอบพบกับมู่ซือจื่อ แต่สุดท้ายอี้ซือจื่อผู้โง่เขลากลับมาชอบนางเข้าคงได้รู้กันทั้งเมืองหลวง ส่วนนางก็จะกลายเป็นตัวตลกที่สุดของเมืองหลวงด้วยเช่นกัน

อันหลิงอีหารู้ไม่ว่าคำแก้ตัวที่โง่เขลาเยี่ยงนี้ ยิ่งทำให้เหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูต่างแอบหัวเราะเยาะกันอย่างสนุกสนาน

“ผีเสื้อที่งดงามเยี่ยงนั้นหรือ ? จวนอ๋องอี้ที่กว้างขวางเยี่ยงนี้ มีผีเสื้อที่งดงามที่ใดกัน เหตุใดพวกเราถึงมิมีใครเคยเห็นเลย ? ”

ฮูหยินท่านหนึ่งหัวเราะเยาะขึ้น ในคำพูดแฝงไว้ด้วยการเสียดสี

  “ผู้ใดก็รู้กันทั้งนั้นว่าอี้หวางเฟยเกลียดผีเสื้อสักเพียงใด ในสวนของจวนนี้ก็มีแต่ไม้ใบ คุณหนูรองสามารถไล่ตามผีเสื้อในจวนอ๋องอี้มาจนถึงเรือนหน้าได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกเสียจริง”

เรื่องที่อี้หวางเฟยเกลียดผีเสื้อ ที่จริงเรื่องนี้ก็มิใช่ความลับอันใด เมื่อก่อนตอนที่ท่านอ๋องยังหนุ่มอยู่นั้น เป็นทายาทตระกูลร่ำรวยผู้เสเพล ถึงแม้จะแต่งงานมีภรรยาเอกแล้ว ก็รับอนุภรรยาที่งดงามเข้ามามิได้ขาด

เคยมีอนุผู้หนึ่งชอบจับผีเสื้อและร้องรำเป็นที่สุด ท่านอ๋องอี้นั้นลุ่มหลงในความงามของนางเป็นอย่างมาก จนเกือบที่จะหลงใหลอนุจนลืมภริยาเอกเสียแล้ว

หากมิใช่เพราะในตอนนั้นอี้หวางเฟยใช้วิธีทำให้อนุคนนั้นตายด้วยโรคแล้วล่ะก็ อี้หวางเฟยอาจจะเปลี่ยนคนไปก็เป็นได้

และด้วยเหตุนี้นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อี้หวางเฟยจึงได้สั่งห้ามมิให้จวนอ๋องอี้มีดอกไม้และผีเสื้อ หากนางพบเข้ามิว่าจะเป็นสาวใช้ แม่นม บ่าวรับใช้ พ่อบ้าน ทุกคนจะต้องถูกลงโทษ

วันนี้เมื่ออันหลิงอีกล่าวอ้างออกมาเยี่ยงนี้เห็นได้ชัดว่านางนั้นพูดจาโกหก

เมื่อถูกทุกคนจับได้ อันหลิงอีก็ยิ่งตื่นตระหนกขึ้นไปอีก

ฮูหยินท่านนั้นทำราวกับมิรับรู้ถึงความอึดอัดของอันหลิงอี นางได้หัวเราะเยาะออกมา พร้อมกับกล่าวขึ้นอีกว่า “แต่หากจะบอกว่าคุณหนูรองชมชอบอี้ซือจื่อ จึงได้นัดซือจื่อมาพบที่นี่ คำกล่าวเยี่ยงนี้ดูจะน่าเชื่อถือมากกว่าผีเสื้อตัวนั้นเสียอีก”