ส่วนที่ 3 ตัวแทนคนรัก ตอนที่ 12 ตัวแทนคนรัก (12)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

แต่ว่าถ้าคนนั้นเป็นซูรุ่ยจริงๆ ซูหว่านทำได้แค่ถอนหายใจเพราะเขายังอ่อนแอในด้านการเงินมาก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาหุ้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วกลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่นจะทำให้เซียวจิ่งมั่วรับรู้ทันทีและมันก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย 

 

 

ซูหว่านคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจส่งข้อความไปยังนายหน้าซื้อขายหุ้นว่า ให้เขาไม่ต้องซื้อหุ้นของเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์แล้ว 

 

 

หลังจากส่งข้อความเสร็จ ซูหว่านก็กลับไปทำงาน จนกระทั่งสวี่เจี๋ยผู้ช่วยคนใหม่ได้เคาะประตูเข้ามา ซูหว่านถึงจะลูบไหล่ที่ปวดเมื่อย และมองไปที่ผู้ชายที่สุภาพอ่อนโยน 

 

 

“ประธานซูได้เวลามื้อเที่ยงแล้วเที่ยงนี้คุณจะกินอะไร” 

 

 

สวี่เจี๋ยเป็นผู้สมัครที่ย้ายโดยตรงจากสำนักเลขาธิการ โดยฝ่ายบุคคลเขาเป็นเลขามาหลายปีแล้ว งานทุกชิ้นทุกอย่างเป็นระเบียบมากและน่าเชื่อถือกว่าเสิ่นเหว่ยมาก 

 

 

“ไปโรงอาหารบริษัทแล้วซื้อข้าวกล่อง” 

 

 

ซูหว่านตอบกลับสวี่เจี๋ยตามจิตใต้สำนึก สวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่หน้าประตูก็พยักหน้าและหันตัวเดินออกไป จู่ๆ ซูหว่านก็เห็นปฏิทินตั้งโต๊ะบนโต๊ะทำงานของเธอวันนี้… 

 

 

“เดี๋ยว!” 

 

 

ซูหว่านก็เรียกสวี่เจี๋ยอีกครั้ง “พวกเราออกไปกินข้าวกันเถอะวันนี้ฉันเลี้ยงเอง นับว่าเป็นการฉลองให้กับผู้ช่วยคนใหม่” 

 

 

สวี่เจี๋ยดันแว่นตาบนสันจมูกขึ้นไป และยังคงมองไปที่ซูหว่านด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ขอบคุณประธานซูมาก” 

 

 

“เกรงใจอะไรกัน!” 

 

 

ซูหว่านหยิบกระเป๋าติดตัว แล้วพาสวี่เจี๋ยไปที่ลานจอดรถเอารถ มื้อเที่ยงครั้งนี้ที่เธอเลือกคือใจกลางเมืองเซียงเฉิง ทั้งสองได้กินอาหารกลางวันอย่างหรูหรา พอออกมาจากร้านอาหารซูหว่านก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับออฟฟิศ แต่กลับพาสวี่เจี๋ยไปเดินห้างสรรพสินค้า 

 

 

และเมื่อเห็นซูหว่านยืนหยุดที่ร้านขายเสื้อผ้าผู้ชาย สวี่เจี๋ยก็มองด้วยสายตาประหลาดใจ 

 

 

 EVFA แบรนด์นี้ในเซียงเฉิงหายากและได้ร่วมทำงานกับเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์มาโดยตลอด เสื้อผ้าผู้ชายของ EVFA ก็จะอยู่ภายใต้ของเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ 

 

 

“ยินดีต้องรับ” 

 

 

ทั้งสองคนเดินเข้าไปก็มีพนักงานทักทายด้วยรอยยิ้ม“ขอโทษค่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ” 

 

 

“ฉันอยากซื้อเนกไทให้แฟนของฉัน” 

 

 

ซูหว่านก็ยิ้มให้กับพนักงาน สวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เดินถอยหลังไปครึ่งก้าวด้วยจิตใต้สำนึก เพื่อรักษาระยะห่างกับซูหว่าน 

 

 

หลังจากที่รู้การประกาศเมื่อวานว่าจะต้องมาเป็นผู้ช่วยของซูหว่าน สวี่เจี๋ยก็ตั้งใจขึ้นไปชั้นสี่เพื่อหาเสิ่นเหว่ย ที่ทำแบบนี้เพื่ออยากรู้เจ้านายใหม่ของตัวเองมีอารมณ์และงานอดิเรกอะไร 

 

 

สุดท้ายเสิ่นเหว่ยก็เหล่ตามองสวี่เจี๋ยและพูดอย่างใจเย็นว่า “พี่หว่านเป็นคนที่เข้าหาได้ง่าย แต่ที่เข้าหายากคือผู้ชายของเธอ” 

 

 

พูดไปพูดมาเสิ่นเหว่ยก็จับคางของสวี่เจี๋ยไว้ และจับไว้จนกว่าเขาจะทนไม่ไหว แม้ว่ามันจะดูสงบแต่สวี่เจี๋ยก็วางตัวด้วยสงครามเย็น ก็ยิ่งใส่ใจไปยังผู้ชายของซูหว่านมากขึ้น รอให้ซูหว่านมาถึงตู้เนกไทก็สังเกตว่าสวี่เจี๋ยอยู่ห่างเธอมาก 

 

 

“คุณทำอะไรอยู่ตรงนั้นมาลองให้ฉันดูหน่อย” 

 

 

ซูหว่านก็หันกลับไปเรียกสวี่เจี๋ย 

 

 

สวี่เจี๋ยก็เดินเข้าไปด้วยก้าวเล็กๆ เหมือนผู้หญิง และมองซูหว่านด้วยใบหน้าขมขื่น “ประธานซูอันนี้คุณจะซื้อให้ผู้ชายของคุณ ให้ผมลองเกรงว่าจะไม่ดีครับ” 

 

 

ว่ากันว่าเสิ่นเหว่ยเคยเป็นแฟนของซูหว่านครั้งเดียวก็โดนกระทืบจนแทบจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ ตอนนี้สวี่เจี๋ยเขาเลยกังวลถึงความปลอดภัยในชีวิตเขาเป็นอย่างมาก 

 

 

“มีอะไรไม่เหมาะสมเหรอ คุณก็ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย ที่นี่มีเพียงคุณกับฉันจะอายอะไรละ” 

 

 

ซูหว่านคิดไม่ถึงว่าผู้ช่วยคนใหม่ของเธอจะเป็นคนขี้อาย 

 

 

แน่นอนว่าถ้าหากเธอรู้ว่าสวี่เจี๋ยกับเสิ่นเหว่ยบอกอะไรกับเขา เธออาจจะไม่คิดแบบนี้ 

 

 

“คุณซู” 

 

 

เมื่อสวี่เจี๋ยกำลังลังเลระหว่างงานและระหว่างความปลอดภัยของชีวิตเขา ว่าอันไหนสำคัญกว่ากันจู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาจากข้างหลัง 

 

 

เสียงนี้มันทำให้สวี่เจี๋ยรู้สึกเหมือนเสียงจากสวรรค์ 

 

 

เขาจึงรีบหันตัวไป ตอนเขาเห็นผู้หญิงตรงหน้าเขา เขาถึงกับอึ้งไปพักหนึ่ง… 

 

 

คนนี้เหมือนประธานซูมากคงไม่ใช่น้องสาวของเธอที่หายไปหรอกนะ 

 

 

“ลั่วชูชู!” 

 

 

ในเวลานี้ที่ซูหว่านก็เห็นลั่วชูชู เธอยิ้มทักทายเธอทันที “บังเอิญจังเลย! พวกเราเจอกันอีกแล้ว” 

 

 

“อืม, ใช่!” 

 

 

ลั่วชูชูมองไปที่ซูหว่านแล้วก็มองไปสวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างซูหว่าน “คุณมาซื้อของกับเพื่อนเหรอ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำถามของลั่วชูชู ซูหว่านก็ชะงักไปสักพัก สวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่ข้างก็รีบอธิบายในทันที 

 

 

“ฉันเป็นผู้ช่วยของประธานซู ฉันมาซื้อเนกไทเป็นเพื่อนเธอให้แฟนของเธอ” 

 

 

ที่แท้การมีผู้ช่วยที่เข้าใจคน มันเป็นชีวิตที่ดีงามมากจริงๆ  

 

 

“คุณซู คุณมีแฟนแล้วเหรอคะ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่เจี๋ย ลั่วชูชูก็ทำตาโตและถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่าเชื่อ เสียงของเธอตื่นเต้นเล็กน้อยเนื่องจากเสียงดังเกินไป และยังดึงดูดความสนใจของพนักงานในร้านอีกด้วย 

 

 

เห็นผู้คนต่างก็มองมาที่ตัวเองลั่วชูชูรู้สึกอายเล็กน้อย เธอก้มหน้าลงด้วยจิตใต้สำนึก และจับปลายเสื้ออย่างเคยชิน 

 

 

“จริงๆ แล้วไม่ใช่แฟนฉันหรอก” 

 

 

ซูหว่านไม่เคยเห็นลั่วชูชูอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอมองต่ำลง และแสดงใบหน้าอ่อนโยน 

 

 

“ฉันชอบเขามากแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาชอบฉันไหม” 

 

 

พอพูดถึงตรงนี้ ซูหว่านพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข 

 

 

“เหรอ จริงเหรอ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่านสีหน้าของลั่วชูชูก็ดูหม่นหมองลง “คนนั้นโชคดีเสียจริงฉัน…ฉันรู้จักเขาไหม” 

 

 

เมื่อเห็นลั่วชูชูดูกระอักกระอ่วน ซูหว่านก็รู้เลยว่าเธอเป็นคนอ่อนไหว และคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว  

 

 

ซูหว่านก็พูดออกไป และได้แต่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “คนนั้นเธอก็รู้จักแต่ตอนนี้ฉันยังบอกเธอไม่ได้ ต่อไปนี้เขาก็คือพรีเซนเตอร์คนใหม่ของบริษัทพวกเราแล้ว เธอจะรู้ในเร็วๆ นี้ วันนี้ฉันมาเลือกเนกไทที่เหมาะสมกับเขารอถึงวันถ่ายรูปก็จะได้ใช้เอง” 

 

 

พูดไปพูดมาซูหว่านก็ไม่ได้สนใจลั่วชูชู แต่กลับให้พนักงานนำเนกไทรุ่นใหม่มาให้หมด 

 

 

ที่จริงแล้วซูหว่านเอาเนกไทของบริษัทตนเองก็ได้ ไม่ต้องออกมาที่ห้างด้วยตนเองก็ได้ และผลิตภัณฑ์ล่าสุดส่วนใหญ่ของ EVFA ประจำฤดูกาลยังไม่ได้เปิดตัว แต่สาเหตุที่มาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะว่าซูหว่านบังเอิญไปเห็นปฏิทิน และรู้ว่าวันนี้จะได้พบกับลั่วชูชูที่นี่ 

 

 

วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีของการพบกันของเซียวจิ่งมั่วและลั่วชูชู ลั่วชูชูเอาเงินที่เก็บสะสมไว้มาหลายเดือนเตรียมซื้อเนกไท EVFA ให้กับเซียวจิ่งมั่ว 

 

 

พอได้ฟังเรื่องนี้ซูหว่านเลยคิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เราทำภารกิจนี้ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด 

 

 

ว่าแล้วหลังจากที่ได้ยินคำพูดของซูหว่าน ลั่วชูชูก็ไม่ได้อยากซื้อเนกไทแล้ว จากนั้นจึงเดินออกไปด้วยความสิ้นหวัง 

 

 

เมื่อเห็นลั่วชูชูออกไปแล้ว ซูหว่านหยิบเนกไทรุ่นใหม่สองเส้นให้สวี่เจี๋ยและเปรียบเทียบบนตัวสวี่เจี๋ยตามอำเภอใจ “สองเส้นนี้!” 

 

 

สวี่เจี๋ย “…” 

 

 

“ง่ายแบบนี้มันจะดีเหรอ” 

 

 

เนกไทสองเส้นวางอยู่ในทั้งสองกล่องอย่างประณีต เมื่อซูหว่านกลับถึงออฟฟิศก็ฉีกกระดาษโน้ตสองแผ่น และเขียนสองประโยคแยกกันและนำกระดาษโน้ตใส่ในกล่องเนกไท 

 

 

หลังจากเสร็จแล้ว ซูหว่านเงยหน้าขึ้นและยิ้มมองไปที่สวี่เจี๋ยที่ยืนอยู่ที่โต๊ะทำงาน 

 

 

“อนุมัติ ภารกิจนี้มอบให้คุณละกัน” 

 

 

ซูหว่านผลักกล่องไปให้สวี่เจี๋ย “นำกล่องสีน้ำเงินขอบทองนี้ไปส่งที่เครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ และจะต้องส่งให้ถึงมือประธานเซียวก่อนเลิกงานวันนี้ ส่วนกล่องสีม่วงขอบทองส่งให้กลุ่มสถาบันการเงินเหม่ยเก๋อ ให้…เอ่อ ฟังจื่อมู่เถอะ!” 

 

 

“รับทราบ” 

 

 

สวี่เจี๋ยหยิบกล่องของขวัญสองกล่องและพยักหน้าอย่างจริงจัง 

 

 

วันนี้คุณชายใหญ่ฟังได้เซ็นสัญญากับบริษัท ในขณะนี้เรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับ แต่สัญญานี้จะจัดการโดยสวี่เจี๋ยซึ่งเขารู้เรื่องนี้ดีกว่าใครๆ ดังนั้นวันนี้ในห้างสรรพสินค้าสวี่เจี๋ยรู้แล้วว่าซูหว่านชอบก็คือคุณชายใหญ่ฟัง 

 

 

นึกถึงบาดแผลของเสิ่นเหว่ย สวี่เจี๋ยคิดว่าหัวหน้าของตัวเองก็จะใกล้จะเป็นสะใภ้ใหญ่ตระกูลฟังแล้ว 

 

 

แต่ว่าประธานเซียวเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์กับประธานซูมีความสัมพันธ์ส่วนตัวแบบไหนกัน 

 

 

สวี่เจี๋ยงงเล็กน้อยกับคำสั่งของซูหว่าน แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ช่วยอย่างเขาควรกังวล สวี่เจี๋ยถือทัศนคติในการทำสิ่งต่างๆ อย่างจริงจังและรีบขับรถไปที่เครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ เพราะว่าทางบริษัทมีความสัมพันธ์เพื่อร่วมงานที่ดี เขาเจอกับเซียวจิ่งมั่วอย่างราบรื่นและยังมอบของขวัญของซูหว่านให้เป็นการส่วนตัว 

 

 

“นี่คือของขวัญที่ซูหว่านมอบให้คุณเธอกำชับให้ฉันมอบให้คุณเองกับมือ” 

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่เจี๋ย เซียวจิ่งมั่วตกอยู่ในความมึนงง และสวี่เจี๋ยที่ได้ทำธุระเสร็จสิ้นเขาก็ได้ทำความเคารพกับเซียวจิ่งมั่วแล้วเดินออกไป และต้องรู้ว่าบริษัทของฟังจื่อมู่อยู่ในเขตอีกด้านของเมืองเซียงเฉิงต้องใช้เวลาในการขับรถไปที่นั่น 

 

 

สวี่เจี๋ยไม่อยากไปตามถนนสายเก่าของเสิ่นเหว่ย แต่พอนึกถึงในวันที่คุณฟังทำเรื่องโหดเ**้ยมที่ห้าง และคิดอีกว่าสิ่งที่เขาทำกับเสิ่นเหว่ย สวี่เจี๋ยรีบก้าวออกจากเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์เพราะเขาเหม่อลอยและร้อนรนใจมาก สวี่เจี๋ยก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนที่เขาเดินออกจากประตูของเครือบริษัทเฮ่าเย่ว์ตอนนั้นได้สวนทางกับลั่วชูชู….