บทที่ 45 น่าชัง Ink Stone_Romance
“ปลาของเมืองเจียงโจวเราขึ้นชื่อนัก แต่ก่อนตอนที่น้ำอุดมสมบูรณ์ หน้าบ้านเราก็ตกปลาได้ตามใจเลย” เจ้าอาวาสยิ้มกล่าว ชี้ปลากลิ่นหอมฉุยที่เพิ่งจะวางบนโต๊ะอย่างกระตือรือร้น
สาวใช้ฝืนยิ้มออกมาแล้ว ‘อ้อ’ ขานรับ
“นายหญิงของเจ้ากินข้าวหรือยัง” เจ้าอาวาสเอ่ยถาม
“เจ้าค่ะ กำลังกินเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าวพลางจะก้าวเท้าเดินออกไป “หากเจ้าอาวาสไม่มีอะไรแล้ว ข้าต้องกลับไปรับใช้นางหญิงแล้วเจ้าค่ะ”
“นี่ ในเมื่อนางกินข้าวเองได้ก็ให้นางกินเองเถิด มา นั่งลง เจ้ากินกับข้าที่นี่” เจ้าอาวาสยิ้มกล่าว แล้วส่งตะเกียบให้ “กินแต่ของเหลือคนอื่นช่างน่าสงสารนัก”
“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าว “ขอบคุณน้ำใจของเจ้าอาวาสนะเจ้าคะ”
ขณะที่ทั้งสองกำลังฉุดกระชากลากถู เสียงพูดของเหล่าเด็กน้อยก็ลอยมาจากข้างนอก
“ท่านพี่ ฟืนอยู่ไหนหรือ”
“ท่านอาไปเอาแล้วไม่ใช่หรือ”
“อ้อ อย่างนั้นหรือ ข้าเห็นท่านอาไปที่ห้องพี่ปั้นฉิน…”
“คงจะไปส่งให้พี่ปั้นฉินก่อนสินะ รอเดี๋ยวก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น คนในห้องก็นึ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
สาวใช้กระโจนออกมาเป็นคนแรก นางทั้งตื่นกลัวทั้งลนลาน ทั้งยังกลัวว่าฝีเท้าที่ส่ายไปมาแทบจะสะดุดล้ม แต่ยังไม่ทันจะถึงหน้าประตูน้ำตาก็ร่วงหล่นลงเสียมาแล้ว รู้สึกเพียงในหัวอื้ออึงไปหมด
เจ้าอาวาสก็ตามติดออกมา ง้างมือขึ้นตบเด็กน้อยที่ยืนงงอยู่ในเรือนไปหนึ่งที
“เสี่ยวถีจื่อ ทำไมเจ้าไม่รั้งนางไว้!”
นางด่าเสร็จก็รีบร้อนพุ่งตัวออกไปเช่นกัน
เจ้าชายโฉดนี่ จะพานางซวยให้ได้เลยใช่ไหม!
“นายหญิงน้อย…ข้า…ข้าพาเจ้าไปเล่นดีหรือไม่…จับ…จับผีเสื้อกันไหม” ชายหนุ่มเดินเข้าห้องโถงทีละก้าว
จากตรงนี้สามารถมองเห็นสาวน้อยที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ ชุดคลุมตัวกว้างสีพื้นธรรมดา หน้าม้าที่ตรงเรียงเส้น ผมดกดำด้านหลังที่ปล่อยสยายปกคลุมไปบนพื้น นางยกตะเกียบอย่างเงียบๆ แล้วมองมา
คนบ้าก็เหมือนเด็กที่ยังไม่โต ตอนเขาอยู่ในหมู่บ้านก็เจอเคยคนบ้าเหมือนกัน คนพวกนั้นไม่รู้อะไรสักอย่าง รู้แต่เพียงกินเล่นแล้วก็หัวเราะ ให้ก้อนหินยังหลอกว่าเป็นลูกกวาดจนกัดฟันหักได้
“พี่ให้ลูกกวาดเจ้ากิน… เจ้า…อยากกินลูกกวาดหรือไม่” เขากล่าวเสียงสั่นเครือ ในที่สุดก็เดินมาใกล้ทางเดิน ยิ่งเห็นโฉมหน้าของสาวน้อยได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งควบคุมตนเองไม่อยู่ เขาคว้าระเบียงไม้แล้วนั่งเอนตัวลง ก่อนจะควานหาก้อนหินก้อนหนึ่งมาจากพื้นแล้วยกมือชูขึ้น
สาวน้อยตรงหน้ามุมปากโค้งขึ้น คล้ายว่าจะยิ้มแล้ว
ยิ้มแล้วสินะ ยิ้มแล้วสิ ได้ผลจริงด้วย!
ชายหนุ่มรู้สึกถึงเพียงลำคออันแห้งผาก สาวน้อยที่ผิวขาวใสเช่นนี้ ไม่เหมือนกับคนบ้าคนอื่นที่ทำเอาคนอยากอาเจียนเลยสักนิด แค่ดูยังทนไม่ไหว แล้วถ้าหาก…
ชายหนุ่มเลียริมฝีปาก
“นายหญิงน้อย พี่ชายมีลูกกวาดอร่อยๆ แท่งหนึ่ง ให้เจ้ากินดีไหม” เขาพูดเสียงกระเส่า อดไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รู้สึกแต่เพียงใต้หว่างขานั้นแทบจะระเบิดออกมา เขาใช้มือข้างหนึ่งไปจับขยำให้ความอึดอัดคลายลง อีกมือหนึ่งจับขั้นบันไดไว้จะกระโดดขึ้นไป
เฉิงเจียวเหนียงที่อยู่ในห้องโถงค่อยๆ วางตะเกียบลงมากำไว้ในมือแทน นางมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ
เสียงฝีเท้าร้อนรนลอยมาจากนอกประตู แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้ยิน จนกระทั่งประตูถูกพังเสียงดังปังเข้ามา
สาวใช้เห็นชายหนุ่มที่ปีนขึ้นมาบนเรือนก็กรีดร้องเสียงแหลม หยิบสลักประตูด้านข้างแล้วกระโจนเข้าหาเขาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มีเพียงแต่เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นเรื่อยๆ นางเล็งไปที่หัวและใบหน้าของเขาก่อนจะทุบตีอย่างแรง
ชายหนุ่มสะดุ้งได้สติหลังจากถูกตีไปสองสามที ถึงแม้หญิงสาวจะไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง แต่ถ้าเป็นบ้าขึ้นมาแล้วก็น่ากลัวเช่นกัน
ชายหนุ่มรีบหลบหลีก
“เข้าใจผิดเข้าใจผิดแล้ว ข้ามาส่งฟืนน่ะ… คนบ้านี่เป็นคนเรียกข้า…ข้าแค่มาดูว่ามีอะไรจะสั่งหรือไม่…” เขากล่าวด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน
สาวใช้ยังคงอาละวาดราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น มีเพียงความคิดเดียวคือจะต้องตีโจรชั่วนี่ให้ตายให้ได้ เจ้าโจรชั่วช่างเหิมเกริมยิ่งนัก
ชายหนุ่มก็เริ่มโมโห เป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง ช้าเร็วก็ต้องมาเป็นของเล่นใต้ร่างของตนอยู่ดี อวดดีเหลือเกิน!
เขาหลบสลักประตูได้อย่างว่องไว
“นังตัวดี อยากโดนดีอย่างนั้นรึ…” เขากระโกนด่า
พูดไม่ทันขาดคำ ข้างประตูก็มีเสียงแหลมของหญิงสาวตะโกนขึ้นมาอีก
“หวงเอ้อร์หลัง เจ้าจะทำอะไร” นางตะโกน แล้วทำทีเป็นหันไปเรียกเด็กน้อย “รีบไปบอกนายใหญ่ตระกูลเฉิง มีคนมาหาเรื่องคนในเขตของตระกูลเฉิง!”
ชายหนุ่มสะดุ้งได้สติ
จริงสิ ที่นี่ที่ของบ้านตระกูลเฉิง! นายหญิงผู้นี้ก็เป็นคนของตระกูลเฉิง! ไม่ใช่สาวใช้ทั่วไป! แล้วยังไม่ใช่คนในบ้านรองของตระกูลที่กำลังตกต่ำอีก! แต่เป็นเลือดเนื้อคนบ้านใหญ่ของตระกูลเฉิง!
ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป เขาจะต้องถูกโบยจนตายในทันที
“เข้าใจผิดน่ะเข้าใจผิด ข้าบอกไปแล้ว ข้าผ่านมาทางนี้ นายหญิงเป็นคนเรียกข้า ข้าแค่เป็นห่วงว่ามีอะไรเลยเข้ามาดูเท่านั้น!” ชายหนุ่มโยนสลักประตูที่แย่งมาชูขึ้นแล้วปาลงพื้นอย่างโกรธเคือง ทำทีราวกับตนนั้นถูกกลั่นแกล้งแล้วตะโกนกล่าวออกไป
สาวใช้ถูกแย่งสลักประตูทั้งยังถูกสะบัดจนนั่งกองลงบนพื้น นางร้องโวยวาย เมื่อพยุงตัวขึ้นมาได้ก็เข้าไปทุบตีตัวชายหนุ่ม
เจ้าอาวาสรีบเข้ามาห้ามนาง
“หวงเอ้อร์หลัง ต่อจากนี้ไปที่นี่ไม่สั่งฟืนของเจ้าแล้ว รีบไสหัวไป!” นางตะโกนแล้วก็ปลอบสาวใช้ “อย่ากลัวไป อย่ากลัวเลยมีข้าอยู่”
ก็เพราะมีเจ้าอยู่จึงเป็นเช่นนี้! สาวใช้ขัดขืนจิกข่วนหญิงสาว
เจ้าอาวาสตกใจมาก ถูกข่วนหน้าจิกผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
“บ้าไปแล้ว รีบมาจับนางไว้” นางตะโกน
ชายหนุ่มวิ่งหนีไปแล้ว เหล่าเด็กน้อยก็หวาดกลัวไม่กล้าเข้ามา เจ้าอาวาสถูกสาวใช้ดึงกระชากในทันใด นางเสียหลักไปพักหนึ่งก่อนจะสลัดหลุดออกมาได้ เมื่อเห็นสาวใช้เริ่มอาละวาดแล้ว นางก็ไม่มีใจอยากอยู่ต่อ
“พวกเจ้าเฝ้านางไว้ ปลอบนาง ข้าไปดูว่าโจรชั่วนั่นหนีไปหรือยัง ข้าจะไปตามคนมา” นางกล่าว
นางหนีไปแล้ว เด็กน้อยสองคนนั่นยังกล้าอยู่อีกหรือ รีบหนีไปเช่นกัน
สาวใช้จะวิ่งตาม แต่กลับใช้แรงไปหมดตัวเสียแล้ว นางวิ่งออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ทรุดลงบนพื้น ร้องไห้โฮออกมา
เฉิงเจียวเหนียงที่ได้ยินอึกทึกคึกโครมก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้ว ทั้งยังกินข้าวต่ออย่างเชื่องช้า
นางเลือกกิน ของที่ไม่ชอบก็จะไม่กิน แต่หากอาหารที่ถูกใจวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ก็จะกินจนหมดเกลี้ยงไม่เหลือ
เมื่อนางคีบข้าวเม็ดสุดท้ายขึ้นมา สาวใช้ก็เดินร้องไห้เดินโซซัดโซเซกลับมา
“นายหญิง นายหญิงเจ้าคะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ” นางกล่าวพลางร้องไห้ ก่อนจะคิดได้ว่าไม่เป็นไรได้อย่างไรกัน หญิงสาวลูกผู้ดีถูกกระทำเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการดูถูกอย่างใหญ่หลวงแล้ว หรือจะให้ถูก…จริงๆ จึงจะเรียกว่าเป็นไรอย่างนั้นหรือ
สาวใช้ถอยหลังสองสามก้าว ก้มหัวคำนับโขกกับพื้นเสียงปึงปัง
“ข้าสมควรตาย ข้าสมควรตาย” นางกล่าวพลางร้องไห้ไป
“ปั้นฉิน” เฉิงเจียวเหนียงเรียก
สาวใช้น้ำตานองเงยหน้าขึ้นมามองเฉิงเจียวเหนียง
“นายหญิง นายหญิงจะ…พูดอะไรเจ้าคะ” นางกล่าวพลางร้องไห้
“เติมข้าว” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว แล้ววางตะเกียบลง
จานชามว่างเปล่า สาวใช้ยื่นมือไปเก็บจานทีละใบ แล้ววางน้ำแกงอีกถ้วยหนึ่งให้
“นายหญิง น้ำสาลี่เจ้าค่ะ” นางเอ่ยเสียงแหบพร่า
เฉิงเจียวเหนียงยื่นมือมาใช้ช้อนค่อยๆ ตักกิน
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มน้ำตาไหล
“นายหญิง พวกเรากลับไปกันเถอะเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางร้องไห้ “พวกเรากลับไปกันเถอะเจ้าค่ะ บอกนายใหญ่บอกฮูหยิน พวกเขาคงไม่ห้ามให้เรากลับไปหรอกเจ้าค่ะ”
“พูดโง่ๆ” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
กว่าจะออกมาได้ จะกลับเข้าไปทำไมกัน
“ชายโฉดหญิงชั่วนั่นช่างน่ารังเกียจนัก” สาวใช้กล่าวพลางร้องไห้ “น่าชังยิ่งนัก!”
ขณะมองดูสาวใช้ร้องไห้จนตาบวม แต่เฉิงเจียวเหนียงสีหน้านิ่งเรียบไม่เปลี่ยนแปลง น้ำสาลี่ที่ทำจากโม่หินสีใสเข้มข้น นางก้มหน้าแล้วมองเห็นเงาสะท้อนครึ่งหน้า ก้มลงไปอีกก็เห็นคิ้วยาวดกดำดังหมึกใต้ผมหน้าม้า ยิ่งเสริมให้ดวงตาคู่นั้นดูเปล่าเปลี่ยว
“คนทำชั่ว สมควรตาย” นางกล่าว
พูดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมองดูสาวใช้
“ปั้นฉิน ข้าจะให้เจ้าทำสิ่งหนึ่ง เจ้ากล้าหรือไม่” นางเอ่ยถาม
สาวใช้พยักหน้าด้วยน้ำตาเต็มเบ้า
“นายหญิงเจ้าคะ แม้จะให้ข้าไปตายข้าก็กล้าเจ้าค่ะ” นางกล่าว
เฉิงเจียวเหนียงเม้มปากยิ้มเล็กน้อย
“ทำไมเจ้าต้องไปตายเล่า” นางกล่าว “คนที่สมควรไปตายไม่ใช่เจ้าสักหน่อย”
……………………………………………………