บทที่ 57 นี่มันอะไรกัน?

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 57

นี่มันอะไรกัน?

ผู้คนก็ได้พากันไปที่หน้าประตูเพื่อพบกับรถเสบียง แล้วเจียงหวายเย่ก็ปรากฏอยู่ด้านหลังหลินซีเหยียน

นางก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยอยู่ด้านหลังของนาง หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจแล้วกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “ถึงแม้ว่าพิษของท่านจะถูกกดไว้อยู่ แต่ท่านจะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ”

เจียงหวายเย่ก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วจากนั้นทั้งสองคนก็ได้เดินไปรอบๆเมืองชิงโจว ในช่วงนี้หลินซีเหยียนก็ได้ทำการรักษาผู้ป่วยไปเรื่อย โดยที่ยังไม่พบว่าต้นตอมาจากไหน

“กลับกันก่อนเถอะ!” เจียงหวายเย่ก็ได้มองไปที่คิ้วของหลินซีเหยียนที่มีอาการเหน็ดเหนื่อยแล้วกล่าว

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัว แล้วเมื่อทั้งคู่กลับมายังที่ว่าการเมือง ก็พบว่ามีการทำความสะอาดและตกแต่งใหม่กัน มีแม้กระทั่งโต๊ะมากมายที่วางอยู่ในลานกว้าง

หลินซีเหยียนก็ได้หยุดสาวใช้คนหนึ่งแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

สาวใช้คนนั้นก็ได้คำนับแล้วกล่าว “นายท่านสั่งมาว่าให้ทำความสะอาดที่นี่เพื่อจัดงานต้อนรับท่านหมอเจ้าค่ะ”

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่แล้วกล่าว “นี่ใช่เวลามาทำความสะอาดเหรอ?”

“พวกหมอควรจะรีบตรงมาที่นี่” เจียงหวายเย่พูดด้วยเสียงค่อยๆแล้วเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก เขาจึงได้กล่าว “ข้าขอตัวก่อน”

หลินซีเหยียนก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน หลังจากนั้นสักพักนางก็เดินไปที่ด้านหลัง ซึ่งที่ลานกว้างด้านหลังจากที่เคยอ้างว้างมากเมื่อวานนี้ วันนี้กลับเนืองแน่นไปด้วยผู้คน

“พี่สะใภ้สี่” เมื่อเห็นหลินซีเหยียน เจียงซิงชูก็ได้วิ่งมาหานางอย่างยินดีและทักทาย

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เขาด้วยรอยยิ้ม “เดินทางปลอดภัยดีใช่ไหม?”

“พี่สี่ส่งคนมาถึงได้ทันเวลาพอดี” เจียงซิงชูนึกถึงเหตุการณ์ซุ่มโจมตีเมื่อคืนและเขาก็ยังรู้สึกแย่อยู่ เขานั้นไม่กลัวศัตรูแต่กลัวคนที่เขาพามาเอง หมอพวกนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตราย พวกเขาก็ได้ใช้คนอื่นเป็นโล่ป้องกันดาบได้โดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

ในขณะที่หลินซีเหยียนกับเจียงซิงชูกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกหมอที่มีตามเขามา

เจียงซิงชูก็ได้คิ้วขมวด คิ้วและดวงตาของเขานั้นเหมือนจะหมดความอดทนเต็มที่แล้ว หลินซีเหยียนจึงได้เดินมาหาเขา

นางพบสาวใช้ที่กำลังนั่งอยู่ที่พื้น และมีแก้วชาที่แตกอยู่ข้างๆนาง หมอคนหนึ่งก็ได้มองไปที่สาวใช้อย่างโมโห “เจ้าติดโรคระบาดอยู่ ยังจะกล้ามายกน้ำชาพวกข้าอีกเรอะ?”

“ข้าขอโทษเจ้าค่ะ” สาวใช้สั่นไปทั้งตัวโดยหมอที่ควรจะมารักษาโรคและช่วยเหลือผู้คน นางก็ได้ร้องไห้และพูดขอโทษออกมา

“ขอโทษแล้วมันมีประโยชน์อะไร? ยังไม่รีบไปอีกเดี๋ยวพวกเจ้าแพร่โรคใส่พวกข้าแล้วเจ้าจะทำอย่างไร?” หมอคนหนึ่งกล่าวอย่างขยะแขยง

หลินซีเหยียนก็รู้สึกทนไม่ไหว นางรู้สึกว่าหมอพวกนี้ไร้จรรยาบรรณสิ้นดี แล้วในขณะที่นางคิดจะไปจัดการกับพวกเขาอยู่นั้น ก็ได้มีหมอที่หล่อและหนุ่มคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มหมอ

หมอคนนั้นเดินไปหาสาวใช้แล้วประคองตัวนางขึ้นมาแล้วกล่าว “มันเป็นหน้าที่ของหมอที่จะต้องรักษาผู้ป่วยและช่วยเหลือผู้คนไม่ใช่รึไง? ถ้าท่านไม่คิดรักษานางก็ไม่เป็นไร แต่ท่านจะมาดุด่านางเช่นนี้ไม่ได้”

“สวี่เฉินจู๋, นี่มันโรคระบาดนะ ถ้าเจ้าไม่กลัวตายก็เชิญรักษานางเลย!” เหล่าหมอนั้นไม่ค่อยชอบนิสัยที่เถรตรงของ สวี่เฉินจู๋มานานแล้ว

หลินซีเหยียนจึงได้ตัดสินใจมองดูเขาห่างๆ เพราะว่านางเองก็สงสัยในความสามารถของชายหนุ่มคนนี้เช่นกัน และอยากรู้ว่าเขาจะพบอะไร?

หลังจากนั้นสักพัก สวี่เฉินจู๋ก็ได้มองไปที่สาวใช้อย่างสงสัย “แม่นาง เจ้าเคยได้สัมผัสกับอะไรที่น่าสงสัยช่วงนี้บ้างไหม?”

สาวใช้ก็ได้ส่ายหัวของนาง

“นางดูเหมือนจะไม่ได้ติดโรคระบาด แต่ข้าไม่มั่นใจว่ามันคืออะไร?” สวี่เฉินจู๋มองไปที่ข้อมือสาวใช้อย่างไม่เชื่อสายตา

“ถ้าเจ้าตรวจไม่พบก็ยอมรับมาเถอะ เจ้าอย่ามาทำเป็นหาข้ออ้างเลย?” เหล่าหมอต่างก็พากันหัวเราะเยาะสวี่เฉินจู๋อย่างไม่ปรานี

สวี่เฉินจู๋ไม่ได้โกรธ แล้วเขาก็ได้ลุกขึ้นมาแล้วจากนั้นก็พูดกับสาวใช้อย่างอ่อนโยน “ขอบใจแม่นางมาก ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหาวิธีรักษาเจ้าให้ได้”

สาวใช้ก็ได้หน้าแดงขึ้นมาแล้วผงกหัว แล้ววิ่งหนีไปแบบก้มหน้า

แล้วการจัดงานเลี้ยงก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น เจียงหวายเย่ก็ได้โผล่ออกมา ส่วนหลินซีเหยียนก็ได้ถูกบังคับให้ออกมาพร้อมกับเจียงหวายเย่

นั่งอยู่ข้างๆเจียงหวายเย่ นางก็รู้สึกไม่ค่อยดีอย่างมากกับสายตาที่จ้องมาที่นางอยู่ตลอด เจียงหวายเย่ก็ได้หยิบแก้วเหล้ามาดื่มแล้วกระแอมออกมา สายตาที่เย็นชาของเขาก็ได้มองไปรอบๆ แล้วผู้คนรอบๆเขาก็ได้พากันนั่งเงียบๆ

จากนั้นเจ้าเมืองก็ได้โผล่มาพร้อมกับแก้วเหล้าในมือ “องค์ชายข้าขอมอบเหล้าจอกนี้ให้ท่าน”

เจียงหวายเย่ก็ได้ดื่มอย่างองอาจมาก แล้วจากนั้นเจ้าเมืองก็ได้อยากที่จะมอบแก้วเหล้าให้หลินซีเหยียน แล้ว หลินซีเหยียนที่กำลังจะรับแก้วนั้นก็ได้ถูกขัดโดยเจียงหวายเย่เสียก่อน

เจียงหวายเย่ก็ได้จ้องไปที่เจ้าเมืองแล้วกล่าว “เหยียนเอ๋อนั้นดื่มไม่เก่ง เปิ่นหวางจะขอดื่มแทนนางเอง”

เจ้าเมืองก็ได้ยิ้มแล้วกล่าว “องค์ชายกับองค์หญิงช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก ข้าขอให้พวกท่านมีความสุขมากๆในอนาคต”

เจียงหวายเย่ก็ได้ยิ้มตอบ เขาแสดงสีหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ทันทีที่เขาพูดจบ เจียงหวายเย่ก็ได้ดื่มเหล้าลงไปแล้วพบว่าท่านเจ้าเมืองยังคงไม่ไปไหน

“ไม่ทราบว่าท่านหลี่มีเรื่องอันใดต้องการบอกกับเปิ่นหวางอย่างนั้นหรือ?” เจียงหวายเย่ก็ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาทำให้หลี่เจิ้นฮุยก็ได้สติกลับคืนมา แล้วพอเงยหน้าขึ้นมาเขาก็พบกับดวงตาสีดำเข้มคู่นั้น

ต่อหน้าสายตาคู่นี้ ราวกับสามารถมองทะลุได้ทุกสิ่ง

หลี่เจิ้นฮุยก็ได้รีบส่ายหัว แล้วพูดอย่างเงอะๆงะๆ “ผะ…ผู้น้อยเห็นว่าพระชายาไม่ค่อยจะจับตะเกียบเลย ไม่ทราบว่าไม่ถูกปากของพระชายาอย่างนั้นเหรอขอรับ”

หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวแล้วกล่าว “อาหารที่ท่านเจ้าเมืองได้เตรียมมานั้นดีมาก แต่ข้าไม่ได้หิวน่ะ”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง ถ้าเช่นนั้นผู้น้อยขอลา” หลี่เจิ้นฮุยก็ได้จากไป

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่อย่างสงสัยแล้วพูดด้วยเสียงค่อยๆ “ตอนนี้ท่านจะบอกข้าได้หรือยังว่าทำไมข้าถึงกินไม่ได้?”

รู้บ้างไหมว่ามันยากมาขนาดไหนสำหรับนางที่ต้องจ้องอาหารมากมายเช่นนี้โดยที่กินไม่ได้เลยน่ะ

“ของเหล่านี้ถูกวางยาพิษโดยเขา” เจียงหวายเย่มองไปที่สิ่งของที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสีหน้าที่สงสัย

หลินซีเหยียนก็ตกใจขึ้นมา แล้วจากนั้นก็นึกถึงเหล้าสองจอกที่เจียงหวายเย่ดื่มเข้าไป “ท่านรู้แล้วก็ยังจะดื่มอีกเหรอ?”

โดยไม่ขออนุญาต หลินซีเหยียนก็ได้อาศัยโต๊ะบังแล้วจับไปที่ข้อมือของเจียงหวายเย่ แล้วจากนั้นนางก็คิ้วขมวดขึ้นมา อย่างที่เขาบอกว่าเอาไว้ มีพิษอยู่ในร่างกายของเจียงหวายเย่

จนกระทั่งตอนท้ายของงาน หลินซีเหยียนก็ได้แอบเดินให้ห่างจากการมอบแก้วเหล้าอวยพรของท่านเจ้าเมือง และหวังว่าจะพบอะไรบางอย่าง จากนั้นนางก็ได้เริ่มการทดลองต่างๆในห้องของนาง

เพราะเงื่อนไขต่างๆที่จำกัด ทำให้การทดลองนั้นเป็นไปได้อย่างยากลำบาก แต่นางพบว่าสสารสีขาวที่พบอยู่ที่แก้วหลังจากที่ลองนำไปเผาไฟแล้ว

นางก็ได้นำสสารนั้นใส่ลงไปในขวดหยก แล้วว่าจะไปหาเจียงหวายเย่ แต่ทันทีที่นางออกมานางก็พบกับคนในชุดสีดำจากที่ไกลๆแวบๆ

หลินซีเหยียนจึงหรี่ตาของนางแล้วแอบตามไปอย่างเงียบๆ

โดยที่ไม่ทันรู้ตัว นางก็ได้ออกมาจากที่ว่าการเมืองแล้ว แล้วคนในชุดดำนั้นก็ได้หายเข้าไปในตรอก หลินซีเหยียนจึงได้รู้สึกตัวว่านางนั้นถูกหลอกเสียแล้ว นางจึงได้คิดรีบที่จะหนีไปแต่ก็สายไปเสียแล้ว

เมื่อเห็นว่านางกำลังถูกล้อมจับ แต่หลินซีเหยียนนั้นก็ไม่ได้กระวนกระวายอะไร นางมองไปที่ผู้มาเยือนแล้วกล่าว “พวกเจ้าวางแผนอะไรกันเอาไว้ไม่ทราบ ถึงต้องจัดการกับข้าด้วย?”

“ข้าไม่บอกเรื่องแผนการให้เจ้ารู้หรอก แต่ข้าทำเพื่อความปลอดภัยในแผนต่อไปของพวกข้า” เสียงของชายชุดดำกล่าวออกมาด้วยความโกรธ

หลินซีเหยียนก็พบว่าเขานั้นใส่หน้ากากอยู่ ทำให้เสียงของเขาเพี้ยนไปจากเดิม