บทที่ 55 สุดยอดทักษะ!

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เพิ่งจะมาถึงโรงพยาบาล เฉินชางก็ได้ยินเสียงระบบแจ้งเตือนดังขึ้นเป็นระลอก

[ติ๊ง! ภารกิจของ NPC ระดับสูงหวังเซี่ยงจวิน: วิกฤตน้ำยาฟอกไตสำเร็จ ได้รับรางวัล: ทักษะของหวังเซี่ยงจวินหนึ่งทักษะ]

[ติ๊ง! ยินดีด้วยคุณได้รับทักษะของหวังเซี่ยงจวิน: ทักษะการจัดกระดูก]

[ติ๊ง! ทักษะการจัดกระดูก: ระดับปรมาจารย์

คุณสมบัติพิเศษ:

1 .ลดความปวด

  1. เพิ่มระดับความฟื้นตัว]

ในขณะที่ได้ยินเสียง เฉินชางก็รู้สึกราวกับไม่ใช่ความจริง!

เนื่องจาก…

ระดับปรมาจารย์!

นี่มัน! ทักษะระดับปรมาจารย์!

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นที่สุดในงานสายกระดูกอีกด้วย เป็นการจัดกระดูกที่จำเป็นต้องพึ่งสัญชาตญาณมากที่สุด!

โอ้! สุดยอดไปเลย!

ปลื้มใจสุดๆ!

เฉินชางรู้สึกตัวพองขึ้นมาทีเดียว!

เขาอยากสูดหายใจลึกๆ เพื่อทำให้ตนเองสงบลง แต่ว่า…ถ้าเขาสูดหายใจเข้าไปอีกตัวจะไม่ระเบิดหรือ? สุดท้ายยังคงหายใจเข้าลึกๆ!

ทักษะการจัดกระดูกนี้ จะว่าอย่างไรดี?

เรียกได้ว่าเป็นทักษะระดับเทพก็ไม่มากเกินไป!

การรักษากระดูกประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่พบในการแพทย์จะใช้ทักษะการจัดกระดูกเพื่อรักษาให้กระดูกฟื้นฟู

การจัดกระดูกจะช่วยลดภาระทางร่างกายของผู้ป่วย ใช้เวลาฟื้นตัวน้อย และส่งผลดีต่อสุขภาพผู้ป่วยอีกด้วย

แต่ยิ่งเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมก็ยิ่งเรียนยาก!

ทักษะการจัดกระดูกจะต้องอาศัยประสบการณ์และการถ่ายทอด ถ้าไม่มีประสบการณ์ทางการแพทย์มาหลายปีและไม่ได้สัมผัสกับกระดูกมาหลายร้อยชิ้นคงเรียนทักษะนี้ยาก

ดังนั้นทักษะการจัดกระดูกจึงเป็นทักษะเฉพาะทางมากเกินไป ทำให้มีผู้โดดเด่นทางด้านนี้น้อยมากจริงๆ!

หากจัดการไม่ดี ทักษะนี้อาจสูญหายไปเลยก็เป็นได้

คุณลองคิดดู ผู้ป่วยกระดูกหัก เมื่อไปตรวจและรับการผ่าตัดจะสร้างรายได้ให้แก่โรงพยาบาล เพิ่มเคสผ่าตัดให้หมอด้วย และเป็นการลดความอันตรายของผู้ป่วย มีอะไรไม่ดีกันล่ะ?

ดังนั้น!

เมื่อเฉินชางได้รับทักษะนี้มาจากหวังเซี่ยงจวิน จะไม่ดีใจได้อย่างไร?

แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหวังเซี่ยงจวินถึงได้มีทักษะระดับเทพแบบนี้?

ทักษะอื่นยังค่อยๆ เรียนรู้ได้ แต่ทักษะการจัดกระดูก ถ้าไม่มีคนเก่งๆ ชี้แนะและใช้การฝึกฝนเรียนรู้เป็นเวลานานคงทำไม่ได้เลย!

เขาจอดรถจักรยาน วิ่งไปยังแผนกฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว

แผนกฉุกเฉินในโรงพยาบาลทุกแห่งมักจะอยู่ที่ชั้นหนึ่ง คนเฝ้าประตูเห็นเฉินชางกลับมาแล้วจึงพูดว่า “หมอเสี่ยวเฉินครับ หัวหน้าแผนกให้คุณกลับไปที่ห้องทำงานครับ”

เฉินชางพยักหน้า พูดขอบคุณด้วยรอยยิ้ม

การเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยของแผนกฉุกเฉินนั้นไม่ง่ายเลยจริงๆ เป็นคนที่ต้องรองรับอารมณ์มากที่สุด และเป็นตำแหน่งที่ลำบากยากเข็ญมากที่สุด

แต่ฉินไท่ซานอยู่ที่นี่มาสิบห้าปีแล้ว

แม้แต่เฉินชาง ถ้าเห็นเขายังเรียกว่าอาฉิน

เมื่อเข้าไปถึงห้องทำงาน พวกหลี่เป่าซาน เฉินปิ่งเซิง และอันเยี่ยนจวินอยู่ที่นั่นแล้ว สภาพคล้ายเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ต่างนั่งพิงเก้าอี้กินผลไม้กันอยู่

อืม นี่เป็นผลไม้ที่จ้าวหู่ชิวส่งมาให้

เมื่อเห็นเฉินชางกลับมา หลี่เป่าซานก็ยิ้มแล้วเป็นผู้นำตบมือ!

“ยินดีต้อนรับฮีโร่ของพวกเรา!”

“ยินดีต้อนรับ!”

……

สุนัขขี้ประจบอย่างฉินเยว่ก็ยังไม่ได้นอน เหมือนในปากจะเคี้ยวอะไรอยู่จึงได้แต่พูดงึมงำว่า “ฮีโร่กลับมาแล้ว!”

ทันใดนั้นเฉินชางที่ดูมีมาดก็เกือบจะล้ม หน้าแดงใจเต้นไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน!

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นแค่พนักงานชั่วคราว เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้ที่ไหนกัน!

“ล้วนเป็นความดีความชอบของหัวหน้าแผนกและหัวหน้าทั้งหลายนะครับ!” เฉินชางคิดว่าตัวเองเป็นคนเข้าสังคมเก่งคนหนึ่ง ควรพูดอะไรสักหน่อย อย่างเช่น…การประจบประแจง!

ทุกคนหัวเราะขึ้นมาทันที

หลี่เป่าซานจงใจทำหน้าคล้ำ “คุณนี่นะ รู้จักล้อเลียนหัวหน้าแผนกแล้ว ไม่กลัวหัวหน้าแผนกสวมรองเท้าให้คุณหรือไง!”

ตอนนี้ใกล้จะตีหนึ่งแล้ว ทุกคนยุ่งวุ่นวายจนถึงตอนนี้ รู้สึกเหนื่อยจนทนไม่ไหว

สุดท้ายหลี่เป่าซานจึงพูดอีกประโยคสองประโยค “วันนี้ทุกคนทำได้ดีมากครับ! โดยเฉพาะเฉินชาง ผมต้องขอชมเชยไว้ ณ ที่นี้ด้วย งานกู้ภัยครั้งนี้เป็นไปในเชิงบวก ผมขอชมเชยผู้รับผิดชอบภารกิจและงานกู้ภัยทุกคนนะครับ!”

“นอกจากนี้ เรื่องในครั้งนี้เสมือนเป็นการบอกเตือนผมอย่างหนึ่ง จากนี้ไปพวกเราต้องหาจุดอ่อนและทักษะที่ตัวเองขาดให้ดี เรียนรู้พัฒนาให้เร็วสักหน่อย ถ้าวันนี้ไม่ได้แรงของเฉินชาง พวกเราคงใช้เครื่องฟอกไตไม่เป็น พูดออกไปแล้วไม่ขายหน้าหรือครับ?”

“เอาแบบนี้แล้วกัน ผมจะมอบภารกิจให้ทุกคนอย่างหนึ่ง…ช่างเถอะ! วันหน้าค่อยพูดแล้วกัน” เมื่อพูดถึงตรงนี้หลี่เป่าซานก็คิดว่าวันนี้ทุกคนเหนื่อยมากแล้วจึงไม่อยากพูดอะไรมาก กล่าวปิดท้ายอีกประโยคหนึ่ง

“สรุปแล้วภารกิจกู้ชีพคราวนี้พวกเราทำได้ไม่เลว ทุกคนควรได้รับคำชมเชยจริงๆ พวกคืนทุกคนคือฮีโร่ วันนี้ดึกแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ส่วนเรื่องอื่นพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”

ได้พักผ่อนแล้ว!

เฉินชางทอดถอนใจออกมา วันนี้เหนื่อยมากจริงๆ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะ [ยาเสริมพลังกาย] คราวที่แล้ว วันนี้เฉินชางคงทำไม่ได้ขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นเลย แค่เย็บแผลหกสิบห้าครั้งก็ทนไม่ไหวแล้ว

เมื่อเฉินชางกลับไปถึงบ้าน ในห้องเหลือเพียงเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่และหนังสือกองหนึ่ง เฉินชางไม่เคยทิ้งเรื่องการเรียนรู้ หลังจากได้งาน เขาก็ซื้อหนังสือมาศึกษาไม่น้อย

ของพวกนี้ค่อนข้างหนัก ย้ายในคราวเดียวไม่ไหว อีกหลายวันเลิกงานแล้วค่อยตื๊อให้หวังเชียนมาที่ห้องเพื่อช่วยตนย้ายบ้านแล้วกัน

เช้าวันต่อมา เฉินชางตื่นโดยอัตโนมัติ

หลังจากกินข้าวแล้วเขาก็มาที่แผนกฉุกเฉินแต่เช้า

[ติ๊ง! ภารกิจประจำวัน: ทำการผ่าตัดให้สำเร็จสามเคส (ไม่จำกัดประเภท)

รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ +200 แต้ม เงิน +200 หยวน]

ทุกวันเขาจะเป็นคนที่มาเช้าที่สุด หลังจากผ่านความทรมานเมื่อคืนมาแล้ว ดูเหมือนโรงพยาบาลจะไม่ยุ่งนัก เมื่อวานหวังเชียนเป็นเวรกลางคืน

ชีวิตของพี่เชียนมีระดับมาโดยตลอด เขากินแมคโดนัลด์เป็นอาหารเช้า กลายเป็นตัวเปรียบเทียบกับน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ของเฉินชางอย่างชัดเจน

“พี่เชียน เมื่อวานเหนื่อยหรือเปล่าครับ?” เฉินชางถามยิ้มๆ

หวังเชียนตัวเกร็งขึ้นมาทันที “คนทำงานอย่างพวกเรามีแรงมาก นี่คือความแข็งแกร่ง ความเหนื่อยคืออะไรหรือ?”

เฉินชางมองด้วยสายตาชื่นชม มีคนคนนี้อยู่ การย้ายบ้านจะต้องสะดวกมากแน่

อย่างไรก็ตาม หวังเชียนกลับหัวเราะออกมา “ชางเอ๋อร์ เมื่อวานสร้างผลงานต่อหน้าคนใหญ่คนโตได้ดีเลยนี่ครับ ดูเหมือนหัวหน้าจะชื่นชมคุณด้วย!”

คนใหญ่คนโต? ผู้อำนวยการห่าวหรือ?

เฉินชางถามออกไป “คุณหมายถึงผู้อำนวยการห่าวหรือครับ?”

หวังเชียนยิ้มอย่างลึกลับ ดื่มกาแฟเข้าไปอึกหนึ่งแล้วจึงดึงเก้าอี้ให้เฉินชางนั่งลง “ผู้อำนวยการห่าว? ไม่ๆๆ! เป็นหวังเซี่ยงจวิน หัวหน้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลตงต้า หัวหน้าแผนกหวังเซี่ยงจวิน!”

เฉินชางชะงักไป ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “หัวหน้าแผนกหวังเซี่ยงจวิน? ไม่ใช่แค่หัวหน้าแผนกฉุกเฉินหรือ?”

หวังเชียนส่ายหน้า แสดงท่าทีราวกับคนผ่านโลกมามาก เมื่อเฉินชางเห็นท่าทีนี้ก็รู้สึกหน้าใหญ่ขึ้นมาก

เฉินชางพูดต่อ “เขาก็แซ่หวัง คุณก็แซ่หวัง หรือว่า…”

หวังเชียนหน้าคล้ำขึ้นมาทันที รีบกล่าวหยุดการคาดเดาไร้สาระของเฉินชาง “อะไรเล่า! ผมจะบอกคุณให้ หัวหน้าแผนกหวังคนนี้เป็นคนใหญ่คนโตในมณฑลตงหยางเลยนะครับ!”

“เมืองอันหยางของพวกเรามีสุดยอดผู้นำแห่งแผนกฉุกเฉินอยู่สี่คน ซึ่งก็คือจางเผยอี้โรงพยาบาลประชาชน หวังเซี่ยงจวินโรงพยาบาลตงต้า หลี่เป่าซานโรงพยาบาลอันดับสอง ฉินเยว่หมิงโรงพยาบาลหัวใจและหลอดเลือด สี่คนนี้ เรียกว่าเป็นผู้คุมท้องฟ้าของฝ่ายกู้ชีพที่เมืองเราเลยนะครับ”

“และหวังเซี่ยงจวินเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงสุดในหมู่คนทั้งสี่ ถูกต้อง หมายถึงฐานะและตำแหน่งของเขา!”

เฉินชางไว้หน้าอีกฝ่ายด้วยการถามต่อไป “ทำไมล่ะครับ?”

หวังเชียนพูดต่อ “หัวหน้าแผนกหวังเซี่ยงจวินมาจากครอบครัวหมอ บรรพบุรุษหลายยุคหลายสมัยก็เดินบนเส้นทางการแพทย์มาตลอด และมีบรรพบุรุษคนหนึ่งเป็นหมอหลวงในยุคของจักรพรรดิเฉียนหลงด้วยนะครับ! ลูกหลานก็เดินบนเส้นทางการแพทย์มาตลอด ยิ่งไปกว่านั้นก็พัฒนาแตกกิ่งก้านสาขามากขึ้นด้วย!”

“ใช่แล้ว คุณต้องเคยได้ยินชื่อพ่อของเขาแน่! เขาก็คือ หวังซื่อเต๋อ!”

เฉินชางเบิกตากว้างโดยพลัน “หวังซื่อเต๋อฉายากำแพงแดงคนนั้นน่ะหรือ?”

หวังเชียนพยักหน้า “ใช่แล้ว! เขานั่นแหละ!”

เฉินชางเหวอไปแล้ว โอ้โห สุดยอดขนาดนี้เชียว

เป็นลูกชายของผู้อาวุโสหวังซื่อเต๋อเลยหรือ!

หวังซื่อเต๋อนั้น เรียกได้ว่าเป็นหมอมหัศจรรย์ของมณฑลตงหยางเลยทีเดียว เคยไปประจำการที่เมืองซื่อจิ่วหลายครั้ง เป็นหัวหน้ากลุ่มดูแลสุขภาพแห่งชาติ มีฐานะและตำแหน่งสูงส่ง แต่หลายปีมานี้อายุมากแล้วจึงเกษียณอยู่อย่างสงบ

หวังเชียนพูดต่อไป “หัวหน้าแผนกหวังก็เป็นผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลแห่งชาติ เป็นหมอมีชื่อเสียงในมณฑลตงหยาง และเป็นรองหัวหน้ากลุ่มดูแลสุขภาพด้วยนะครับ”