เซี่ยวอวี่เซวียนนึกถึงสิ่งที่หลิ่วเย่ว์บอกกับเขาเมื่อวานนี้ ว่ากู้ชูหลานเกี่ยวพันอยู่เบื้องหลังเรื่องที่ทำให้เขาถูกพ่อทุบตี

เขาหรี่ตามองกู้ชูหน่วนอย่างไม่อยากเชื่อ

เป็นไปได้ไหมว่า…

แม่สาวอัปลักษณ์กำลังทวงความยุติธรรมให้เขา

ยิ่งคิดเซี่ยวอวี่เซวียนก็ยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้

หากคิดดูดีๆ เหตุใดในนครหลวงจึงมีแต่ข่าวลือของกู้ชูหลานแพร่สะพัดออกไป แม่สาวอัปลักษณ์เจ้าเล่ห์พอๆ กับสุนัขจิ้งจอก แล้วเหตุใดนางจึงเดิมพันในสิ่งที่จะไม่เป็นผลดีกับตัวเอง

เซี่ยวอวี่เซวียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นเล็กน้อย และเสียงของเขาก็อ่อนลงมาก

“แม่สาวอัปลักษณ์ ข้ารู้ใจเจ้า แต่เราจะไม่เดิมพันในครั้งนี้”

กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่เขา

“ก่อนหน้านี้จะแต่งงานกับเจ้า เจ้าก็ไม่เอา ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว วันที่หนึ่งเดือนหน้าข้าก็จะแต่งงานกับเทพแห่งสงครามแล้ว อย่าได้น้ำลายสอเลย เลิกคิดถึงพี่ใหญ่ของเจ้าได้แล้ว”

เซี่ยวอวี่เซวียนอารมณ์ปั่นป่วนพอๆ กับสายลม

นางพูดอะไรของนาง

น้ำลายสอ?

เขาน้ำลายสอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเทพแห่งสงครามเป็นคนแบบไหน เจ้ายังจะกล้าแต่งงานกับเขาอีกรึ” เซี่ยวอวี่เซวียนขึ้นเสียงอย่างโกรธจัด

“รู้ซี อยู่ใต้คนผู้เดียวแต่อยู่เหนือคนนับหมื่น ทั้งมีอำนาจ ทั้งทรงพลัง ทั้งรูปงาม ข้าว่าก็ดูไม่เลวนะ”

“เจ้าเผาสมองไปหมดแล้วหรือไง เทพแห่งสงครามทั้งโหดเหี้ยมและเลือดเย็น อารมณ์แปรปรวน แค่เพราะคนอื่นมองเขานิดเดียวเขาก็ฆ่าคนได้ทั้งตระกูล แม้แต่หมาตัวเดียวก็ไม่ให้เหลือรอด เพราะพวกจวี้เจียวกล่าวร้ายเขานิดหน่อย เขาจึงสังหารหมู่พวกจวี้เจียวไปกว่าสามร้อยชีวิต เขาก็แค่ปีศาจนักฆ่าคนหนึ่ง”

“ดังนั้นความหมายของเจ้าก็คือ เรายังเป็นคู่กันอยู่?”

เซี่ยวอวี่เซวียนสำลัก ใบหน้าแดงเถือก แม้แต่ใบหูก็ร้อนผ่าว

“นั่นมัน… ถึงเจ้าจะอัปลักษณ์มาก แต่ข้าก็ไม่รังเกียจ…”

ป้าบ

ยังพูดไม่ทันจบ เซี่ยวอวี่เซวียนก็ถูกตบหัวอย่างแรง “เป็นบ้าอะไร เอาเงินมาให้ยืมสองแสน”

ใบหน้าที่หล่อเหลาของเซี่ยวอวี่เซวียนเหยเกเล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาคิดจะยอมรับกู้ชูหน่วน แต่กลับถูกนางดูหมิ่นขนาดนี้ แล้วแบบนี้จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

เซี่ยวอวี่เซวียนคำรามเสียงดัง “ไม่มี”

“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานยังมีอยู่แปดแสนหรอกหรือ”

กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่ารอบๆ ตัวจะมีคนมากมายขนาดไหน นางเข้ามาค้นตัวเซี่ยวอวี่เซวียนจนเขาตกใจถอยหลบครั้งแล้วครั้งเล่า

“ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันมันผิดผี เจ้านี่บ้าอีกแล้ว”

ด้วยความไม่ทันระวัง จี้หยกประจำตระกูลซึ่งห้อยอยู่ที่เอวก็ถูกกู้ชูหน่วนชกเอาไป

“แม่สาวอัปลักษณ์ คืนจี้หยกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้” ถ้าท่านพ่อรู้ว่าจี้หยกประจำตระกูลถูกนำไปใช้พนันอีก ขาของเขาจะต้องถูกหักทิ้งแน่ๆ

กู้ชูหน่วนชูจี้หยกในมือขึ้นมา เอ่ยยิ้มๆ ว่า “สองแสนตำลึง”

“เจ้ามันจะเกินไปแล้ว”

“ถ้าชนะ เงินสามแสนนั่นจะเป็นของเจ้า”

“แล้วถ้าแพ้ล่ะ”

“ข้าไม่มีทางแพ้”

กู้ชูหน่วนกำลังยิ้ม และรอยยิ้มนั้นก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ แม้แต่ท่าทางยังก็ยังดูแตกต่างไปจากเดิม

“พี่ใหญ่ นั่นมันเงินสี่แสนตำลึงเลยนะ ถ้าโยนลงน้ำคงจะได้ยินเสียงดังติดต่อกันยาวเลยละ” หลิ่วเย่ว์และอวี๋ฮุยไม่เห็นด้วย

คราวที่แล้วที่ชนะได้เงินมาเป็นเพราะโชคช่วย แต่คราวนี้เป็นรอบชิงชนะเลิศ นางจะโชคดีแบบนั้นอีกได้อย่างไร

“เสี่ยวเซวียนเซวียน เชื่อข้าสิ”

คำว่าเชื่อข้าสิเพียงคำเดียว มาพร้อมกับรอยยิ้มที่แน่วแน่และมั่นใจ