บทที่ 62 ซื้อของชุดใหญ่
ว่ากันตามตรงแล้ว นอกจากเถ้าแก่อิ๋งเค่อจวีโง่เง่านั่น ตอนนี้จางซิ่วเอ๋ออยากจะขอบคุณแม่หลินด้วย
ถ้าไม่มีตำลึงตั้งมากมายจากที่แม่หลินชดใช้ให้ ต่อให้นางได้ 3 ตำลึงเงินนี่มาก็ไม่กล้าใช้มือเติบขนาดนี้
จนตอนนี้ที่จางซิ่วเอ๋อหอบหิ้วถุงสัมภาระทั้งถุงเล็กถุงใหญ่ และมีเด็กอีกสองคนที่ช่วยส่งของตามหลังมา นางก็ได้ใช้ไป 5 ตำลึงเงินแล้ว
จางซิ่วเอ๋อถึงกับอุทานอย่างอดไม่ได้ หาเงินยากแต่ใช้เงินง่ายจริง ๆ
ถ้าใช้แบบนี้ อีกไม่กี่วันนางก็คงกลับไปมีฐานะยากจนข้นแค้นเหมือนก่อนแน่
นางจับถุงเงินตัวเอง รู้สึกว่าการได้ใช้เงินมันสบายใจจริง ๆ แต่วันนี้ตัวเองต้องพอได้แล้ว แถมตอนนี้ก็สายแล้ว นางควรต้องกลับเสียที
ทำกับข้าวเองในตอนนี้คงไม่ทัน จางซิ่วเอ๋อจึงซื้อไก่ย่าง 2 ตัวแล้วก็หมั่นโถวจำนวนนึง
กินแต่ซาลาเปาจนเบื่อแล้ว
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อมาถึงหน้าประตูเมือง ก็เห็นเฒ่าหลี่กำลังพิงตัวกับรถลากและสูบบุหรี่
เฒ่าหลี่ไม่มีเงินซื้อบุหรี่แบบกระดาษม้วนหรอก ตอนนี้เขาใช้เป็นแท่งยาสูบทองแดง ซึ่งเริ่มคล้ำจนไม่รู้ว่าใช้มันนานแค่ไหน เป็นแท่งโลหะยาว ๆ มีหลุมตรงบนสุด ใส่เศษบุหรี่ในนั้นได้
จางซิ่วเอ๋อมองเฒ่าหลี่และเอ่ยขึ้น “ท่านปู่หลี่ ตอนนี้ท่านมีงานไหมเจ้าคะ?”
ทันทีที่จางซิ่วเอ๋อพูดจบ เฒ่าหลี่ก็ตอบยิ้ม ๆ “ไม่มี”
จางซิ่วเอ๋อยิ้มหวาน “ถ้าอย่างนั้นท่านปู่ไปส่งข้าที่หมู่บ้านหน่อยสิเจ้าคะ คิดตามราคาปกติที่รับส่งคนแบบส่วนตัวเลย”
อย่างไรเสียจ้างรถใครก็เหมือน ๆ กัน เฒ่าหลี่อยู่ตรงนี้ถ้าไม่จ้างเฒ่าหลี่จะทำให้เขาไม่พอใจได้ วิถีปฏิบัติแบบนี้จางซิ่วเอ๋อพอรู้อยู่
อีกอย่าง ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อไม่คิดจะหลบ ๆ ซ่อน ๆ ของที่ซื้อมาแล้ว
เชื่อว่าศึกนางที่บ้านแม่หลินทำให้ชื่อเสียงนางโด่งดังไปทั่วเรียบร้อย บวกกับแม่เถาโดนชุนเถาหลอกให้กลัวไปคราวก่อน คนพวกนั้นคงไม่กล้าไปบ้านผีสิงหรอก
นางจะใช้ชีวิตอย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปตลอดไม่ได้
ตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่านางได้ตำลึงจากแม่หลิน นางหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไปก็เปล่าประโยชน์ ถ้าคนอื่นคิดว่านางมีตำลึงในมือไม่แน่จะยิ่งโดนหมายตาได้
สู้เอาไปเปลี่ยนเป็นของกินของใช้ ให้คนรู้ไปเลยว่านางละเลงตำลึงไปหมดแล้ว จะได้ไม่ต้องมีใครหมายตา
เฒ่าหลี่ไม่มีเหตุผลจะปฏิเสธ แต่ปากก็บอกไปว่า “คนหมู่บ้านเดียวกัน จะให้หรือไม่ให้เงินก็ได้ทั้งนั้น”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “ถ้าข้าไม่ให้เงิน อีกหน่อยคนหมู่บ้านเราขึ้นรถไม่จ่ายเงินกันหมด ปู่ขาดทุนตายพอดี”
เฒ่าหลี่หน้าแดง รู้ว่าที่ตัวเองพูดไม่ถูกกาลเทศะ จึงก้มหน้าคล้องรถลาก
กลับไปตอนเที่ยง ตอนบ่ายจะได้มารับคนที่เมืองอีกรอบ ถึงแม้วันนี้จะไม่ค่อยมีคนนั่งรถ แต่ได้ค่าจ้างจากจางซิ่วเอ๋อก็เป็นเงินไม่น้อยเลย
อีกอย่าง นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เขาเองจะได้กลับไปกินข้าวที่บ้านได้ด้วย
พอคิดได้แบบนี้เฒ่าหลี่ก็ว่องไวขึ้น
จางซิ่วเอ๋อสั่งให้พวกเด็กยกของขนของขึ้นรถ
ครั้งนี้จางซิ่วเอ๋อเหมารถคนเดียว เฒ่าหลี่จึงไม่ต้องรอคนอื่น มุ่งหน้าออกจากตัวเมืองไปยังหมู่บ้านชิงสืออย่างฉับไว
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อมาถึงหมู่บ้านเป็นตอนเที่ยงพอดี ตะวันกำลังแขวนตัวสูงบนท้องฟ้า
มีคนไม่น้อยกำลังกลับบ้านกินข้าว บางคนก็กำลังเอาข้าวไปส่งให้ที่ไร่นา กล่าวได้ว่าในหมู่บ้านกำลังคึกคัก
ทุกคนเห็นจางซิ่วเอ๋อนั่งอยู่บนรถเฒ่าหลี่ แล้วยังมีของบนรถไม่น้อย ก็มีสีหน้าแตกต่างกันไป พูดกันไปต่าง ๆ นานา
มีบางคนนึกสมน้ำหน้า “แม่หลินสร้างเรื่องสร้างราวแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อเลยรวยขึ้นมาเลย!”
“นั่นน่ะสิ 15 ตำลึงเงินเลยนะ ใช้เป็นค่าสินสอดตอนลูกชายแต่งงานได้เลยนะ!”
บางคนก็พูดแดกดัน “ดูซิว่าพอใช้ตำลึงหมดแล้วนางจะทำอย่างไร!”
คนพวกนี้ไม่รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อเอาเงินคืนไป 7 ตำลึงเงิน แต่จางซิ่วเอ๋อก็ไม่คิดจะให้ใครรู้ ตอนนางเอาตำลึงให้สวี่อวิ๋นซาน ตำลึงนั่นก็เป็นของนางแล้ว
นางเอาตำลึงเงินของนางเองให้ไป ไม่ใช่การคืนเสียหน่อย
มันคนละเรื่องกัน จางซิ่วเอ๋อไม่เอามาผสมกันหรอก
จางซิ่วเอ๋อบอกให้เฒ่าหลี่ขับเร็ว ๆ หน่อย ถ้าเจอแม่เฒ่าจางไม่รู้จะเป็นเรื่องอะไรขึ้นมาอีก
ครั้งนี้อาจเป็นเพราะจางซิ่วเอ๋อโชคดี หรือรถลากวิ่งเร็วก็ได้ เฒ่าหลี่จึงมาส่งจางซิ่วเอ๋อถึงข้างบ้านผีสิง แม่เฒ่าจางจึงไม่ได้มาวุ่นวาย
ไม่รู้ว่าแม่เฒ่าจางไม่รู้เรื่องนี้ หรือรู้ตอนที่สายไปแล้ว
อย่างไรเสีย จางซิ่วเอ๋อก็กลับถึงบ้านผีสิงอย่างปลอดภัย
จางซิ่วเอ๋อปลดของลงจากรถแล้วค่อย ๆ ย้ายของเข้าไปในบ้าน นางไม่กล้าทิ้งของไว้นี่แล้วค่อยกลับไปเอา ถึงตอนนั้นที่นางกลับมาเอาของอย่างอื่นอาจจะไม่เหลือเงาแล้วก็ได้!
คนยุคโบราณไม่ได้ใสซื่อแบบที่นางคิดไว้ตอนแรก
เรื่องขโมยของกันกลับเป็นเรื่องปกติมาก ด้วยการบีบคั้นจากการเอาตัวรอด ดูจากนิสัยแม่เฒ่าจางก็รู้ ไอ้เรื่องที่ลืมของไว้ก็ไม่หาย ตอนกลางคืนก็ไม่ต้องปิดบ้านเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อกลับถึงบ้าน ก็เห็นชุนเถานั่งตากแดดอยู่ในลานบ้าน
ยัยนี่หวาดกลัวจางซิ่วเอ๋อนัก ตอนจางซิ่วเอ๋อออกไปก็ขู่ชุนเถาไว้ว่าให้ชุนเถาอยู่นิ่ง ๆ ห้ามทำอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นเหนื่อยจนป่วยมานางต้องเสียตำลึงรักษาให้นางอีก
จางชุนเถาจะกล้าให้พี่ใหญ่ตัวเองใช้เงินได้อย่างไรกัน ดังนั้นถึงจะเริ่มหิวแล้ว ตอนนี้ก็ยังอดทนไว้ ไม่กล้าทำงานหนักอะไร
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าเวลาบาดเจ็บถึงเอ็นถึงกระดูกต้องพักผ่อนสักร้อยวัน ถึงแม้จางชุนเถาอาจจะไม่จำเป็นต้องพักผ่อนนานขนาดนั้น แต่ช่วงนี้นางไม่ยอมให้จางชุนเถาทำงานแน่
ฝึมือการรักษาของท่านหมอเมิ่งใช้ได้ก็จริง แต่ในยุคโบราณก็แค่ดูอาการภายนอกโดยผิวเผิน ไม่มีเครื่องมือวินิจฉัยที่ทันสมัย ใครจะรู้ว่าชุนเถาบาดเจ็บอะไรที่ภายในหรือเปล่า? เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน จึงต้องดูแลไว้ก่อนจะดีกว่า
ไม่อย่างนั้นถ้ามีอาการอะไรเรื้อรัง จางซิ่วเอ๋อจะมานึกเสียใจก็ทำไม่ทันแล้ว
พอเห็นจางซิ่วเอ๋อกลับมา จางชุนเถาก็มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ “พี่ กลับมาแล้วเหรอ?”
จางซิ่วเอ๋อขนของเข้าบ้านทีละชิ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ไม่รีบจัดให้เป็นระเบียบ อย่างไรเสียถึงบ้านแล้วก็ไม่หายหรอก
จางชุนเถามีใจอยากช่วย แต่กลับโดนนางถลึงตาใส่จนกลับไปนั่งที่เดิม
จางซิ่วเอ๋อยื่นห่อกระดาษในมือให้ไป “ด้านในนี้มีไก่ย่างกับหมั่นโถว ยังร้อน ๆ อยู่เลย ไก่ย่างนี่เรากินตัวหนึ่ง เก็บไว้ให้แม่กับซานหยาตัวหนึ่ง”
“ได้เลย” จางชุนเถามองไก่ย่างด้วยความปิติ
ทุกครั้งที่พี่ใหญ่เข้าเมือง ก็จะกลับมาพร้อมเรื่องน่าดีใจทุกครั้ง
จางซิ่วเอ๋อบอกจางซานหยาไว้แล้วว่าวันนี้ตัวเองเดินทางเข้าเมือง ให้นางมากินข้าวช้าหน่อย
เวลานี้ซานหยาจึงยังไม่มา
จางซิ่วเอ๋อหิวโซแล้ว รอซานหยาไม่ไหว จึงล้างมือแล้วนั่งกินเลย
ตอนที่กินไปได้ครึ่งนึง จางซานหยาก็มาถึง ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางอาบแสงแดดอันแรงกล้าของฤดูร้อนจนดำคล้ำ มีรอยผิวแตกบนใบหน้าด้วย
……………………………………………