แต่ไหนแต่ไรมาคนในบ้านเคร่งครัดเรื่องลำดับอาวุโสอย่างยิ่ง

หวังหยวนหยวนเป็นน้องสาวหวังเจียเหยา แต่หล่อนกลับสั่งให้หวังเจียเหยาขับรถให้ตัวเอง เปิดประตูให้ตนเอง!

นั่นเพราะหวังหยวนหยวนรู้สึกว่าตนเองเป็นว่าที่ภรรยาประธานบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปดังนั้นสถานะของตนเองจึงสูงกว่าทุกคนในบ้าน

ในอนาคตหวังเจียเหยาก็ต้องพึ่งพาเจ้าหล่อน

แต่หวังเจียเหยาที่มีนิสัยเย่อหยิ่งมาแต่ไหนแต่ไรจะทนรับการดูหมิ่นแบบนี้ได้ยังไง!

หวังเจียเหยาพูดเสียงห้วน “ฉันยุ่งมาก! ไม่ว่างไปส่ง!”

พูดจบก็เดินออกจากวิลล่าแล้วขับรถไปด้วยความหงุดหงิด

บวกกับเดิมทีเจ้าตัวก็ขับรถไม่ค่อยเก่ง เผลอนิดเดียวก็ชนเข้ากับต้นไม้

โชคดีที่ขับรถไม่เร็ว คนจึงไม่เป็นไร ส่วนรถก็เสียหายไม่มาก

“น่าหงุดหงิดจริงๆ!” หวังเจียเหยาทุบลงบนพวงมาลัยรถยนต์ด้วยมือสองข้างน้ำตาไหลพรั่งพรู

หล่อนโทรหาเย่เฉินอย่างรวดเร็วด้วยโทสะ

เย่เฉินในตอนนี้ยังอยู่ที่บริษัท เมื่อเห็นสายเข้าจากเจียเหยาก็ประหลาดใจ

“ฮัลโหล”

เย่เฉินโบกมือเรียกเลขาโจว เพื่อบอกให้หล่อนออกไปจากห้องทำงานของตนเองแล้วรับสาย

หวังเจียเหยากล่าวด้วยอารมณ์หงุดหงิด “เย่เฉิน ฉันถามนายหน่อย ในเมื่อตอนแรกนายเสแสร้งว่าตัวเองเป็นคนให้กำไล ทำไมไม่แกล้งทำไปตลอด? ทำไมต้องบอกความจริงคุณลุงกับหยวนหยวนด้วย! นายทำให้ฉันขายหน้ากับที่บ้านรู้ไหม?”

เย่เฉินคิดว่าหวังเจียเหยาโทรมาเพื่อขอโทษ แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะโทรมาเพื่อถามเรื่องนี้

ความจริงแล้วเย่เฉินไม่เคยกลับคำ แล้วทั้งสองครั้งเขาก็ไม่เคยโกหก

คนให้กำไลหยกเป็นของขวัญคือเย่เฉินและผู้บริหารหัวเซิ่งกรุ๊ปด้วยเช่นกัน

นั่นเพราะเย่เฉินเป็นผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ป

เรื่องนี้เย่เฉินบอกคนตระกูลหวังไปแล้ว แต่พวกเขาชอบดูถูกเหยียดหยามเขา ดังนั้นในเมื่อพวกเขาไม่เชื่อตนเองก็จนใจ

เย่เฉินกล่าวเสียงเย็น “ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลา ไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจหรอกว่าคุณจะยังมีหน้ามีตาไหม ถ้าไม่มีอะไรผมวางแล้วนะ”

ตอนนี้เย่เฉินหย่ากับหวังเจียเหยาแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องใดของเจ้าหล่อนก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอีกต่อไป!

เย่เฉินแค่อยากได้ยินคำขอโทษของหวังเจียเหยา ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นเขาไม่อยากได้ยินทั้งสิ้น!

“เดี๋ยว!” หวังเจียเหยาตะโกนเรียกอย่างรีบร้อนแล้วน้ำเสียงก็อ่อนลง “ที่ฉันโทรหานายก็เพราะมีเรื่องอยากให้นายช่วย ฉันไม่อยากให้หวังหยวนหยวนกับคุณเย่ของนายเป็นแฟนกัน ตอนบ่ายหวังหยวนหยวนจะไปที่บริษัทนาย ช่วงนี้หล่อนชอบดื่มชาแดง นายเทชาให้หล่อนแล้วใส่ยาระบายเข้าไป หล่อนจะได้เอาแต่เข้าห้องน้ำ หรือไม่ก็ตอนที่เดินสวนกันก็แกล้งทำเป็นไม่ระวังกระชากกี่เพ้าของหล่อนขาด แรงนายเยอะจะตาย หล่อนไม่สงสัยนายหรอก”

เย่เฉินแค่นเสียง “หวังเจียเหยา คุณนี่ใจกล้าดีนะ ตอนแต่งงานกันคุณมีชู้ ขนาดแค่คำขอโทษยังไม่ยอมพูด ตอนนี้ยังมีหน้ามาให้ผมช่วยคุณอีก? มีธุระอะไร ก็ไปหาคนรักของคุณนู่น อย่ามาวุ่นวายกับผม!”

พอพูดจบเย่เฉินก็กดวางสาย

เย่เฉินปฏิเสธให้ความช่วยเหลือหวังเจียเหยาอย่างไรเยื่อใย ต่อให้เขายอมช่วยแต่เขาไม่มีทางวางยาหวังหยวนหยวนแน่

นั่นเพราะเย่เฉินไม่คิดจะไปพบหวังหยวนหยวนด้วยซ้ำ

……

บ่ายสองโมง หวังหยวนหยวนก็มาที่ชั้นผู้บริหารของบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปอีกครั้ง

เพราะบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปเป็นบริษัทขนาดใหญ่ พนักงานในแผนกต่างๆ จึงกระจายอยู่กันคนละชั้น แต่ชั้นที่เย่เฉินอยู่นี้เป็นชั้นที่ถือเป็นส่วนสำคัญของบริษัท

นอกจากคนระดับสูงของบริษัท รวมไปถึงตำแหน่งที่ค่อนข้างใกล้ชิดอย่าง เลขาหรือผู้ช่วยแล้ว

พนักงานคนอื่นๆ ก็ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาของประธานบริษัท

นี่จึงส่งผลให้หวังหยวนหยวนที่พยายามขอรูปภาพคุณเย่จากพนักงานคนอื่นในบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปก่อนจะมาที่บริษัทจึงหารูปภาพเขาไม่ได้

“คุณหนูหวัง คุณมาแล้วเหรอ”

โจวหรงหรงมาต้อนรับหวังหยวนหยวนทันที

หวังหยวนหยวนเหลือบตามองโจวหรงหรง หล่อนยังคิดเล็กคิดน้อยเรื่องที่อีกฝ่ายไม่ยอมรินชาให้หล่อนตอนเช้า

หวังหยวนหยวนถาม “พาฉันไปที่ห้องรับแขกหน่อย”

โจวหรงหรงกลับตอบว่า “คุณหนูหวังขอโทษด้วยนะคะ คุณกลับไปเถอะ” หวังหยวนหยวนชะงักไป “ทำไมล่ะ? ตอนบ่ายคุณเย่จะไม่กลับมาแล้วเหรอ?”

โจวหรงหรงส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ คือแบบนี้ค่ะ… คุณเย่บอกว่าคุณน่ะสวยเกินไป ถ้าคุยเรื่องสัญญากับคุณ เขากลัวว่าจะแบ่งสมาธิไปสนใจคุณจนลืมทำงาน ดังนั้นอยากให้ส่งคนอื่นในบ้านคุณมาแทน”

“เปลี่ยนคนเหรอ?”

ตอนแรกหวังหยวนหยวนผิดหวังเล็กน้อย แต่เหตุผลในการปฏิเสธนี้กลับทำให้เจ้าหล่อนอ่อนระทวย

“คุณเย่ชมฉัน…ชมฉันว่าสวยจริงเหรอ? เขา…เขาเห็นหน้าตาฉันแล้วเหรอ?”

วงหน้างามของหวังหยวนหยวนแดงระเรื่อ

โจวหรงหรงพยักหน้าแล้วเอ่ย “ใช่ค่ะ คุณเย่ติดตามบัญชีโซเชียลของคุณแล้วมักจะดูคลิปของคุณบ่อยๆ เลยล่ะค่ะ”

หวังหยวนหยวนยิ่งลำพองใจมากขึ้น คุณเย่เป็นคนที่แอบชอบหล่อนจริงด้วย!

หวังหยวนหยวน “ก็ได้ ฉันก็คิดว่าเจอคุณเย่ครั้งแรกจะคุยเรื่องงานเลยก็คงไม่ดี ฉันจะให้คนอื่นมาแทนแล้วกัน ถ้าอย่างนั้นเลขาโจวช่วยบอกคุณเย่ทีว่าถ้าว่างนัดฉันไปกินข้าวได้เสมอเลยหรือไม่ก็ไปดื่มกาแฟก็ได้”

โจวหรงหรง “ฉันจะต้องบอกท่านแน่นอนค่ะ”

หวังหยวนหยวนเห็นท่าทีที่โจวหรงหรงมีต่อตนเองดีขึ้นไม่น้อยจึงกล่าวว่า “ไปส่งฉันที่ลิฟต์หน่อย”

“ค่ะ”

โจวหรงหรงเดินตามหวังหยวนหยวนไปที่ลิฟต์

พอเห็นรอบๆ ไม่มีคน หวังหยวนหยวนก็หยิบเงินฟ่อนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าผ้าปักแฮนด์เมดทรงกลมในกระเป๋าหลุยส์ วิตตองออกมาแล้วยื่นให้โจวหรงหรง

“เอารูปคุณเย่ของพวกเธอให้ฉันใบหนึ่ง!”