บทที่ 59 ท้าทายศิษย์พี่ใหญ่
เฉินเฉียงที่ฟังหลิวซวนเอ๋อพูดก็ได้นิ่งคิดและเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาจึงได้ถามออกมา “นี่ศิษย์พี่หลิวจะหมายความว่าจ้าวฮั่นนั่นยังไม่ยอมแพ้ เขาจะหาโอกาสลอบกัดข้าแทน ถูกหรือไม่”
“ศิษย์น้องเฉิน ข้าไม่ได้พูดนะ เจ้าพูดเองนา”
“ข้าว่าเป็นไปได้นะ เฉินเฉียง เจ้าในครั้งนี้ทำเกินไปจริงๆ นึกยังไงถึงได้ท้าประลองคนเดียวกันสองหนเนี่ย”
เมื่อเห็นศิษย์ของตนชนะโดยไม่ได้สู้แบบนี้ทำให้ฮู่ต้าไฮ่เองอดไม่ได้ที่จะถามออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ท่านอาจารย์ ท่านอย่าได้โทษข้าเลย ท่านก็ได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่นี้ ทั้งๆที่ตัวเขานั้นยังไม่พร้อม แต่ยังกล้ามาท้าทายกันแบบนี้อีก”
“ในเรื่องนั้น ข้าว่าเจ้าไม่น่าต้องคิดอะไรมาก แต่กลับเรียกเขามาท้าประลองอีกเนี่ยแหละ”
“ข้าเห็นด้วย ศิษย์พี่ใหญ่ สำนักเองก็ไม่ได้มีกฎว่าห้ามท้าประลองซ้ำคนในวันเดียวนี่นา”
“นั่นมันก็…” หลู่ฟางนิ่งคิดไปพักหนึ่ง เขาลองนึกดูแล้วก็ได้พูดออกมา “ศิษย์น้อง ไม่มีกฎเช่นนั้นจริงๆ”
“แต่นั่นมันไม่เป็นการรังแกกันมากไปหน่อยหรอกเหรอ”
“พวกนั้นแพ้ไปแล้ว ต่อให้เจ้ามาท้าประลองหมอนั่นในตอนนี้ ไม่มีใครหรอกที่สามารถยอมรับในเรื่องนี้ได้ เจ้าไม่คิดอย่างนั้นหรือ”
“โอ้ ดูเหมือนตัวข้าจะคิดเรื่องนี้ง่ายเกินไปจริงๆ” เฉินเฉียงพยักหน้ารับและเลิกคิดเรื่องที่สู้กับจ้าวฮั่นไป
“เฉินเฉียงอย่าลืมสิ่งที่อาจารย์พูดไว้กับเจ้าล่ะ ไม่ว่าเจ้าจะแพ้หรือชนะ เจ้าก็ต้องไปเก็บตัวบ่มเพาะ”
“ตัวปัญหาอย่างเจ้านั้น หากว่าไม่เคี่ยวเข็ญละก็ มีหวังเจ้าต้องพบปัญหาที่ใหญ่หลวงกว่านี้ที่ยากเกินจะจัดการ”
“และหลู่ฟาง เจ้าก็เหมือนกัน ในเมื่อเฉินเฉียงนั้นปรุงยาเปิดจุดชีพจรให้เจ้าแล้ว เจ้าเองก็ต้องเก็บตัวบ่มเพาะซะและไม่ออกมาจนกว่าจะอยู่ในระดับขั้นนายพลวิญญาณขั้นกลางได้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ศิษย์ทราบแล้ว” หลู่ฟางพยักหน้าและเห็นด้วยในทันที แต่เขานิ่งไปสักพักก่อนที่จะพูดออกมาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ท่านอาจารย์ ศิษย์เองก็อยากจะเข้าห้องบ่มเพาะเพื่อปิดตัวฝึกฝนอย่างที่ท่านว่าเช่นเดียวกัน แต่ศิษย์ในตอนนี้มีแต้มคะแนนไม่มากเท่าใดนัก ข้าต้องออกไปทำภารกิจซะก่อนเพื่อที่จะได้รับแต้มคะแนนมามากพอ”
“หิม ศิษย์พี่เองก็ต้องการแต้มคะแนนเหรอครับ” เฉินเฉียงมองไปที่ศิษย์พี่ของตนด้วยสายตาเป็นประกาย
“….ศิษย์น้อง เจ้าต้องการอะไรกัน” หลู่ฟางเห็นท่าทางของเฉินเฉียงแล้วก็ได้ส่ายศีรษะไปมา “ศิษย์น้อง ศิษย์พี่รู้ว่าเจ้านั้นมีแต้มคะแนนมากมาย แต่อาจารย์นั้นไม่ชอบให้ศิษย์อย่างพวกเรานั้นส่งมอบแต้มคะแนนให้กันอย่างไม่มีเหตุผลที่ดีพอหรอกนะ”
“กับเรื่องนี้ศิษย์พี่ขอรับเอาไว้ด้วยใจที่คิดช่วยเหลือของเจ้าแล้วกัน”
“ใช่แล้ว เฉินเฉียง สำนักเต่าดำของเรานั้นแม้ว่าจะต้องใช้แต้มคะแนนพวกนี้ในการแลกเปลี่ยนทรัพยากรในการบ่มเพาะ แต่นั่นก็เป็นเพราะสำนักต้องการให้ลูกศิษย์พัฒนาตนเองในระหว่างทางที่ได้แต้มคะแนนเหล่านั้นมาด้วยเช่นเดียวกัน”
“นี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้าจำกัดการลงพนันของพวกเจ้าในสนามประลองเป็นตายยังไงล่ะ”
“ถึงแม้ว่าเจ้านั้นจะมีแต้มคะแนนมากมายก็ตาม แต่ว่าเฉินเฉียง แต้มคะแนนเหล่านั้นก็มาจากการทำงานหนักของเจ้าเพียงคนเดียวไม่ใช่รึไง”
“อื้ม”
“เมื่อเป็นแบบนั้น เจ้าเองก็ควรจะเข้มงวดตัวเองในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน”
ด้วยการที่ทุกการสอนสั่งของฮู่ต้าไฮ่นั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ดีต่อตัวศิษย์ทุกคน คำพูดของเขานี้ทำให้หลู่ฟางและศิษย์ในแผนกคนอื่นๆล้วนแล้วแต่พยักหน้ายอมรับและทำตามแต่โดยดี
อย่างไรก็ตาม กับเฉินเฉียงนี่ก็ทำให้อาจารย์คนนี้ต้องคิดหนักไม่น้อย
โดยเฉพาะ หากฮู่ต้าไฮ่รู้ว่าความสำเร็จของเฉินเฉียงนั้นมาจากระบบที่สุดแสนจะมหัศจรรย์ที่สามารถดูดซับพลังงานจากซากศพได้ล่ะก็ เขาคงโกรธเฉินเฉียงเป็นฟืนเป็นไฟอย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว สิ่งที่ท่านอาจารย์และศิษย์พี่พูดไว้กับศิษย์ก่อนหน้านี้แน่นอนว่าศิษย์คนนี้ระลึกได้เสมอ แล้วศิษย์คนนี้จะให้ศิษย์พี่ใหญ่ไปเฉยๆได้ยังไงกัน”
“คงไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการสู้กับศิษย์พี่ใหญ่บนสนามประลองเป็นตายหรอกนะ”
แน่นอนว่าเขาคิดแบบนั้น เมื่อเขารู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของตนนั้นมีระดับขั้นในเทคนิคการฝึกฝนร่างกายขั้นพื้นฐานจนถึงระดับสุดยอดแบบนี้ เป็นธรรมดาที่เฉินเฉียงย่อมต้องการดูดซับ
หากว่าเป็นไปได้จริงล่ะก็เขาจะประหยัดเวลาและไม่ต้องผจญกับความเจ็บปวดพวกนั้นอีก
“เฉินเฉียง เจ้าคิดหรือว่าจะซ่อนความต้องการของเจ้าจากข้าได้น่ะ”
“ศิษย์ขอพูดตามตรง”
“เจ้าต้องการใช้ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเพื่อสร้างชื่อเสียงของตนเองใช่หรือไม่”
“ฮึ่ม เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย”
“ดูเหมือนว่าเจ้านั้นจะไม่ฟังคำสั่งสอนของข้าเลยสินะ”
“เมื่อกลับไปแล้ว คอยดูเถอะ ข้าจะอบรมเจ้าอย่างหนัก”
ความโกรธที่แทบจะฉายออกมาจากสายตาของฮู่ต้าไฮ่นี้ทำให้เขาในตอนนี้เปรียบได้ดั่งระเบิดที่เตรียมที่จะแตกตัวออกมาได้ทุกเมื่อ เมื่อหลู่ฟางและศิษย์ในแผนกคนอื่นเห็นแบบนี้แล้วก็ทำให้แสดงสีหน้าที่ขุ่มมัวไม่ได้เช่นเดียวกัน ในขณะเดียวกันทุกคนก็เป็นกังวลกับเฉินเฉียงในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ฮู่ต้าไฮ่นั้นแม้จะยินดีที่จะสละชีวิตเพื่อปกป้องศิษย์ของตนได้ก็ตาม แต่ในการสอนสั่งเองนั้น เขาก็ยินดีทำแม้แต่จะต้องทำให้ศิษย์เจ็บหนักเจียนตายหากนั่นทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจของศิษย์นั้นแข็งแกร่งขึ้นและดียิ่งขึ้น
“ท่านอาจารย์ ท่านเข้าใจผิดแล้ว”
โดยไม่มีใครคาดคิด เฉินเฉียงในครั้งนี้ไม่ยอมรับความผิดแต่อย่างใด เขานั้นได้ตบหน้าอกของตัวเองและพูดออกมาอย่างกล้าหาญ
“อาจารย์ ศิษย์คนนี้ย่อมจำสิ่งที่ท่านสอนสั่งได้เป็นอย่างดีและไม่มีวันที่จะลืม”
“แต่ในครั้งนี้ ท่านเข้าใจข้าผิดไปจริงๆ”
“โฮ่ งั้น เจ้าบอกมาสิว่าข้าเข้าใจเจ้าผิดยังไง หากว่าฟังแล้วข้าเข้าใจว่าเป็นเรื่องชื่อเสียง ข้าจะลงโทษเจ้าอย่างหนัก”
“ท่านอาจารย์ สิ่งที่ศิษย์ต้องการนั้น หมายถึงการสู้กันอย่างเป็นทางการกับศิษย์พี่จริงๆ”
“ไม่ใช่ว่าศิษย์พี่กำลังขาดแต้มคะแนนไม่ใช่หรือครับ”
“ตัวข้าเองจะลงแต้มคะแนนทั้งหมดของข้าไปที่ฝั่งตัวเองว่าข้าจะชนะ หากข้าแพ้พ่าย แต้มคะแนนของข้าก็จะเป็นของศิษย์พี่”
“ส่วนทางศิษย์พี่นั้นจะลงอะไรเท่าไหร่ก็ได้”
“ท่านคิดว่าแบบนี้เป็นยังไง”
ทันทีที่เฉินเฉียงพูดจบ หลู่ฟางได้แสดงท่าทางตื่นเต้นออกมาในทันที
“ศิษย์น้อง เจ้าพูดจริงเหรอ” หลู่ฟางถามออกมา “เจ้าต้องการสู้กับข้าตรงๆจริงๆใช่รึเปล่า คงไม่ใช่ว่าจะไปพูดให้ข้ายอมแพ้บนสนามหรอกนะ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น ศิษย์น้องนั้นทำตามคำพูดเสมอ ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอย่าได้หลงลืมไปว่าจ้าวฮั่นที่เป็นระดับนายพลวิญญาณเองก็ยังตกตายโดยศิษย์น้องคนนี้มาแล้ว”
“นี่ทำให้การประลองระหว่างข้ากับศิษย์พี่เองก็ยังไม่แน่ว่าใครจะชนะเหมือนกันนา”
เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงนั้นไม่ได้มีท่าทีที่พูดเล่น หลู่ฟางเองก็เริ่มมีใจคิดจะสู้ขึ้นมาบ้าง แต่เขานั้นยังคงมองไปยังอาจารย์ของตนเพื่อรอรับฟังความเห็น
คำพูดของเฉินเฉียงนั้นทำให้ฮู่ต้าไฮ่ถึงกับสับสนขึ้นมาในทันที
เฉินเฉียงนั้นไม่ใช่คนที่โง่งมที่ยินดีที่จะมอบแต้มคะแนนให้กับหลู่ฟางต่อให้จะสนิทกันจนเรียกได้ว่าพี่น้องได้แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงพูดออกมาอย่างชัดเจนว่าเขานั้นต้องการสู้อย่างเท่าเทียม
จะเป็นไปได้รึเปล่าว่าเป็นเพราะเด็กนี่ได้ชนะเด็กน้อยตระกูลจ้าวที่พึ่งจะข้ามผ่านไปยังระดับนายพลวิญญาณและเกิดอวดดีขึ้นมาจนกล้าที่จะท้าประลองกับศิษย์ที่แกร่งเหนือศิษย์ในสำนักคนไหนๆอย่างหลู่ฟาง
ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงนั้นจะพึ่งเข้าสำนักมาเป็นศิษย์เขาแค่ครึ่งเดือน แต่ฮู่ต้าไฮ่นั้นกลับรู้เป็นอย่างดีว่าเฉินเฉียงนั้นไม่ใช่คนโง่แบบนั้น
เขาต้องเล็งอะไรไว้บางอย่าง
“เฉินเฉียง ขอถามจริงๆเลยนะ เจ้ามีข้อแม้อื่นอีกใช่หรือไม่ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้านั้นจะโง่พอที่จะท้าศิษย์พี่ของเจ้าที่สูงล้ำสุดขีดขนาดนั้นโดยไม่มีข้อแม้น่ะ”
“ท่านอาจารย์รู้จักข้าดีจริงๆ”
เฉินเฉียงซึ้งใจขึ้นมาอย่างประหลาดก่อนที่จะพูดออกมา “อย่างที่อาจารย์ว่าไว้ ความสามารถของศิษย์พี่นั้นสูงล้ำจนขยะอย่างจ้าวฮั่นนั้นเทียบไม่ติด หากว่าสู้กันตามปกติแน่นอนว่าข้าย่อมไม่มีโอกาสชนะ”
“เมื่อตอนที่เริ่มอยู่ในสนาม ข้าต้องการให้ศิษย์พี่นั้นถูกมัดมือและเท้าเอาไว้”
“ข้าอยากเรียนรู้ว่าเมื่ออยู่ในภาวะที่กดดันแบบนั้น ศิษย์พี่จะรอดออกมาได้ยังไง”