บทที่ 23 แผนเสริม
ตู้ม !
หมัดเหล็กทะลวงลำคอหลิ่วอู๋หยาโดยง่าย ก่อนจะเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น
หมัดโลกันตร์คลั่ง !
พลังระเบิดรุนแรงปะทุอยู่ในแผลหลิ่วอู๋หยา โลหิตกระฉูดออกรอบทิศ ศีรษะกระเด็นปลิวไป ก่อนซูเฉินวาดแขนออกไป ใช้หนวดอากาศคว้าศีรษะหลิ่วอู๋หยากลับมาไว้ในมือ
แม้หลิ่วอู๋หยาจะอยู่ด่านสู่พิสดาร แต่หากไร้ศีรษะก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อได้ ดังนั้นด่านทะลวงลมปราณยิ่งไม่ต้องกล่าว
ร่างของหลิ่วอู๋หยาล้มคะมำไป ส่งผลให้หลงชิงเจียงจะลึงงันไปโดยสมบูรณ์
“เจ้า……” เขาจ้องซูเฉินด้วยความโกรธ ก่อนจะกระแทกฝ่ามือหนึ่งใส่ซูเฉิน
ท่าฝ่ามือคล้ายกับจะกลืนฟ้า ส่งคลื่นพลังรุนแรงออกมาอย่างคาดไม่ถึง
นี่คือกำลังของผู้ที่อยู่ด่านทะลวงลมปราณขั้นสุด ท่าฝ่ามือเพียงหนึ่งกระบวนท่าก็สามารถทำให้ซูเฉินบาดเจ็บหนักได้แล้ว
ซูเฉินกลับไม่ใส่ใจท่าฝ่ามือนั้น เขาหันหลังจากไป ก่อนมีเงาร่างสีดำโฉบมาจากฝั่งขวาแล้วสกัดพลังของหลงชิงเจียงไว้
เว่ยเหลียนเฉิง
ตู้ม !
พลังซัดของทั้งสองปะทะกัน ส่งเว่ยเหลียนเฉิงกระเด็นไปด้านหลัง ร่างหมุนตลบไปในอากาศ
แม้ปะทะพลังกันเมื่อครู่จะไม่อาจต้านหลงชิงเจียงได้ แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลงชิงเจียงตาส่องประกายดุร้าย “เช่นนั้นเจ้าไม่ได้อยู่ด่านกลั่นโลหิต แต่เป็นด่านทะลวงลมปราณหรอกหรือ เว่ยเหลียนเฉิง เจ้าปิดบังตัวตน เข้ามาแทรกแซงในตระกูลข้าด้วยจุดประสงค์อะไร ? เหตุใดจึงช่วยซูเฉิน ?”
เว่ยเหลียนเฉิงเอ่ยเสียงเย็น “จนกว่าข้าจะได้ของ ข้าจะปล่อยให้เขาตายด้วยฝีมือเจ้าไม่ได้”
“คิดว่าจะหยุดข้าได้หรือ ?” หลงชิงเจียงเดือดดาลนัก เขาโบกมือคราหนึ่ง “จับมันไว้ !”
ทหารและแขกทั้งหลายที่ตระกูลหลงเตรียมไว้โห่ร้องแล้วกระโจนเข้ามา
เว่ยเหลียนเฉิงถอยไปหลายก้าว ในมือปรากฏยันต์พลังต้นกำเนิดลวดลายลึกล้ำ เขาแปะมันลงบนพื้น เสียง ‘ตู้ม !’ ดังขึ้น ก่อนที่ควันดำจะพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้น ปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่จนมืดสนิท
“กลเช่นนี้อีกแล้ว !” หลงชิงเจียงเอ่ยเสียงเหี้ยม “คิดว่าเท่านี้จะรับมือข้าได้หรือ ?”
เสียงเว่ยเหลียนเฉิงดังทะลุทะลวงหมอกดำออกมา “หัวหน้าตระกูลหลง ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว กลของข้าแตกต่างจากผู้จัดการความรู้ซูเล็กน้อย เขาปล่อยควัน ส่วนที่ข้าปล่อยออกมานั้น…… ไม่ใช่”
“อะไรกัน ?” หลงชิงเจียงชะงักไป
เสียงเหล่าทหารกรีดร้องดังขึ้นมาท่ามกลางหมอกดำ
“อ๊ากกก !” เสียงร้องเสียดแก้วหูดังขึ้น ส่งผลให้ทุกคนใจเต้นระรัว
ตามหลังเสียงร้องน่าสยดสยองคือเสียงเคี้ยวของบางสิ่งบางอย่าง ทุกคนเสียวสันหลังวาบทันที
พริบตาหลังจากนั้น เสียงร้องเจ็บปวดก็เริ่มดังขึ้น
“ในหมอกมีบางอย่าง !”
“ปีศาจ ปีศาจ ! ปีศาจอะไรกัน !?”
“ขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ ! อ๊าก…… ไม่……”
เสียงร้องดังขึ้นเป็นระลอก คนแล้วคนเล่า
เป็นตอนนั้นเองที่ซูเฉินขึ้นรถม้าไป
เขาโบกมือ กังเหยียนก็โยนหลงเฉ่าโหยวเข้าหมอกดำไป
ซูเฉินกล่าวว่า “ข้าเป็นคนรักษาคำพูด นี่คือคนที่ข้าสัญญาว่าจะคืนตัวให้ แต่เขาจะรอดหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับว่าหัวหน้าตระกูลหลงจะช่วยเขาทันหรือไม่”
“อ๊ากกก !” หลงเฉ่าโหยวเริ่มกรีดร้องออกมาแล้ว
เดิมทีหลงชิงเจียงยังคิดไล่ล่าซูเฉิน แต่ตอนนี้กลับต้องพุ่งตัวเข้าหมอกไปช่วยชีวิตบุตรชายแทน
เว่ยเหลียนเฉิงเห็นซูเฉินจากไปก็เหลือบมองด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้ไล่ตามไป เพียงกล่าวว่า “ผู้จัดการความรู้ซู จำไว้ว่าท่านติดค้างข้าคราหนึ่ง”
“แน่นอน ข้าจะรอท่านที่คฤหาสน์ซู” ซูเฉินเอ่ยกับเว่ยเหลียนเฉิง
จากนั้นรถม้าก็เคลื่อนตัวจากไปโดยไร้เภทภัยใด ทิ้งเบื้องหลังที่มีเสียงกรีดร้องต่อสู้กันไว้
ไปได้ไม่ไกลก็เห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ริมทาง
หัวหน้าพ่อบ้านเหลา
รถม้าจึงหยุดลงตรงหน้าหัวหน้าพ่อบ้านเหลา ซูเฉินโผล่หน้าออกไปหัวเราะให้ “หัวหน้าพ่อบ้านเหลา”
หัวหน้าพ่อบ้านเหลาถอนหายใจ “ผู้จัดการความรู้ซู ท่านชนะพนันครั้งนี้ ในฐานะของตระกูลใหญ่ ข้าก็กล่าวได้เลยว่าพวกเราเชื่อสนิทใจ”
ซูเฉินหัวเราะ “หัวหน้าพ่อบ้านเหลา ท่านกล่าวเกินไปแล้ว เช่นนั้นเรื่องข้อตกลงของเรา……”
“ย่อมต้องเป็นข้อที่สอง”
“ดี” ซูเฉินกลับเข้ารถม้าไปอีกครั้ง
หัวหน้าพ่อบ้านเหลาก้าวหลีกทาง จากนั้นรถม้าก็เริ่มเคลื่อนตัวจากไป
เขามองรถม้าที่กำลังเคลื่อนจากไปช้า ๆ แล้ว บทสนทนาระหว่างเขากับซูเฉินก็ผุดขึ้นมาในหัว
“ตระกูลหลงกับข้าจะแลกของกันในอีก 2 วัน แม้ตระกูลหลงจะตอบตกลง แต่หลังจากจบการต่อรองน่าจะทรยศข้าทันที แม้ข้าจะเตรียมการมาบ้างแล้ว มั่นใจว่าหนีพ้นเงื้อมือตระกูลหลงได้ แต่มีแผนสำรองไว้ย่อมดีกว่า”
“ผู้จัดการความรู้ซูอยากให้พวกเราช่วยเหลือหรือ ? คงไม่ดีกระมัง ? แม้ตระกูลเหลียนกับตระกูลหลงจะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่ก็เป็นพันธมิตรที่มีศัตรูเดียวกัน”
“ข้าไม่ได้ขอให้พวกท่านเข้าห้ำหั่นกันหรอก แต่เรื่องที่ตระกูลเหลียนมาทีหลังตระกูลหลงอยู่เล็กน้อยก็ไม่ใช่ความผิดข้าเช่นกัน ดังนั้นข้อต่อรองของตระกูลเหลียนจึงผัดเวลาออกไปได้ อีกทั้งตระกูลเหลียนไม่ได้เข้ามาเพื่อช่วยข้า แต่มาจับตาดูการแลกเปลี่ยนต่างหาก หากข้าถูกตระกูลหลงสังหาร แล้วใครจะไปหาตัวคุณหนูมาให้พวกท่าน ?”
“ท่าน…… ซูเฉิน ท่านหลอกใช้เราหรือ !”
“ฟังคำพูดตนเองให้ดี ไม่ใช่ว่าข้อตกลงก่อนหน้าของข้าก็หลอกใช้ท่านหรือไร”
“……”
“ท่านเอาอย่างไร ? คิดตกหรือไม่ ?”
“เอาล่ะ เราจะช่วยท่านหนี แต่เรื่องนี้ย่อมสร้างความบาดหมางระหว่างพวกข้ากับตระกูลหลง แม้หัวหน้าตระกูลจะรับมือได้ แต่ท่านจะร้องขอสิ่งอื่นไม่ได้อีก”
“แน่นอน แต่ทว่า……”
“ยังมีสิ่งใดอีก ?”
“ท่านอย่าเพิ่งโกรธไป ข้าเพียงอยากถาม หากสุดท้ายข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากท่านเล่า ?”
“เรื่องนี้……”
“ดังนั้นจึงต้องมีข้อตกลงเสริม”
“เป็นข้อตกลงเสริมอะไร ?”
“ไม่ยาก มาสงบสุขกันเป็นอย่างไร ? ข้าไม่ขอรับผลประโยชน์ใดที่อาจได้จากตระกูลเหลียน คืนคุณหนูให้พวกท่านโดยไร้ข้อแม้ใดอีก อีกทั้งยังจะขอโทษตระกูลเหลียนให้คนรู้ทั่วถึงกัน แต่ตระกูลเหลียนต้องสาบานลงในสายเลือดว่าจะไม่สร้างปัญหาให้ข้าอีก”
——————————
เสียงซูเฉินดังก้องในหูหัวหน้าพ่อบ้านเหลา ในที่สุดเขาก็ส่ายหัวถอนหายใจ
“หัวหน้าพ่อบ้านเหลา เจ้าคิดว่าเจ้าหนุ่มนี่เป็นอย่างไร ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังหัวหน้าพ่อบ้านเหลา
หัวหน้าพ่อบ้านเหลาเหม่อมองไปไกลก่อนเอ่ยช้า ๆ “ไม่เรียบง่าย”
“แน่นอน หากรอดพ้นเงื้อมือหลงชิงเจียงมาได้ ไม่ว่าจะใช้เล่ห์กลอะไรย่อมต้องเป็นคนมีความสามารถ”
หัวหน้าพ่อบ้านเหลาว่าต่อ “ข้าเคยเห็นคนมีความสามารถมามากมาย แต่คนที่ดูบ้าบิ่นแต่กลับก็วางแผนรัดกุม เตรียมการอย่างดีเช่นนี้หรือ ? คงเห็นได้ไม่บ่อยนักหรอก ซินไหล เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่านอกจากเราแล้วซูเฉินอาจเตรียมคนหนุนหลังอื่นไว้อีก ?”
“มีคนหนุนหลังคนอื่นหรือ ?” คนที่ชื่อซินไหลชะงักไป “เจ้าคิดว่าซูเฉินยังเตรียมอย่างอื่นไว้อีกหรือ ?”
“นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด หากเขาเอาชนะตระกูลหลงได้ครั้งหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ที่น่ากลัวคือครั้งนี้เขายังไม่ได้เผยฝีมือเต็มที่ และหากจริงก็หายนะแน่” หัวหน้าพ่อบ้านเหลาหรี่ตาลง
“เขาจะมีไม้ตายอะไรซ่อนไว้อีกกัน ?”
“ใครจะรู้ได้ แต่หากมี ข้าหวังว่าตระกูลเหลียนจะไม่ใช่ฝ่ายที่ต้องบีบให้เขาใช้มันออกมา”
“หัวหน้าพ่อบ้านเหลาหมายความว่า……”
“หากเขาต้องการสงบศึก ก็สงบศึกให้เขาเถอะ”