บทที่ 24 ซื้อขาย(2)

แดนนิรมิตเทพ

บทที่ 24 ซื้อขาย(2)
เฉินโม่สนใจขึ้นมา จากที่เขารู้ สถานที่ที่จะหล่อเลี้ยงหินหยกก้อนนี้ ต้องเป็นพื้นที่ที่มีชี่ทิพย์อุดมสมบูรณ์ ถ้าฝึกฝนที่นั่น ต้องได้ผลตอบแทนคุ้มค่าแน่นอน
อีกทั้งไม่แน่ ที่นั่นอาจหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนสมบัติสวรรค์อื่นๆ ออกมาก็เป็นได้ นักพรตเฒ่าเป็นคนทั่วไป ต้องหาไม่เจอแน่นอน
“ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันจะบอกความจริง อันที่จริงหินก้อนนี้เป็นหินหยก ข้างในมีชี่ฟ้าดินแฝงอยู่ ไม่ค่อยมีประโยชน์กับคนทั่วไปเท่าไรนัก แต่กลับมีประสิทธิภาพอัศจรรย์สำหรับคนที่ฝึกฝนบู๊”
สีหน้าของนักพรตเฒ่าตกใจเล็กน้อย จ้องเฉินโม่แล้วถามอย่างตื่นเต้นว่า “อย่าบอกนะว่านายเป็นผู้ฝึกฝนบู๊”
เฉินโม่ตกใจ นักพรตเฒ่ารู้เรื่องนักบู๊ด้วย เขาเป็นใครกันแน่
เฉินโม่มองนักพรตเฒ่าอย่างประเมินอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าเขาแค่คนธรรมดา “ใช่ ฉันเป็นนักบู๊”
เมื่อได้คำตอบยืนยันจากเฉินโม่ นักพรตเฒ่ายิ่งตื่นเต้น “นานมาแล้ว ฉันตามอาจารย์ท่องไปทั่วหล้า ได้ยินอาจารย์พูดเรื่องของพวกผู้ฝึกฝนบู๊ ทุกครั้งที่อาจารย์พูดถึงนักบู๊ จะมาพร้อมกับความชื่นชมเลื่อมใส น่าเสียดายอาจารย์พาฉันตามหาทั่วเขาที่มีชื่อเสียงแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ จนกระทั่งวาระสุดท้าย ก็หานักบู๊ไม่เจอสักคน”
“ฉันเข้าใจว่าบนโลกนี้ ไม่มีอะไรที่เรียกว่านักบู๊ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าบั้นปลายชีวิตฉัน จะได้เจอแล้ว!”
“จิตวิญญาณอาจารย์บนสวรรค์ หมดห่วงแล้ว!” พูดจบ นักพรตเฒ่าคุกเข่าลง หันไปทางทิศตะวันออก แล้วก้มลงกราบ
เห็นสีหน้าเกินจริงของนักพรตเฒ่า เฉินโม่กลับไม่สะทกสะท้าน ถ้าผู้ฝึกตนหาง่ายขนาดนั้น บนท้องถนนคงเต็มไปด้วยนักบู๊แล้วล่ะมั้ง
เช่นเดียวกับการบำเพ็ญเซียน อยากเป็นนักบู๊ ต้องพร้อมไปด้วยรากฐานโดยกำเนิด พรสวรรค์และความมุ่งมั่นตั้งใจ ขาดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
ถึงเป็นตระกูลมหาอำนาจอย่างตระกูลหลี่ เฉินโม่ยังเห็นเพียงแค่หลี่เยว่กับหลี่เจ๋อ ที่เป็นนักบู๊แค่สองคน
“ฉันบอกประโยชน์ของหินหยกก้อนนี้แล้ว ตอนนี้นายบอกความลับมาได้แล้ว” เฉินโม่มองนักพรตเฒ่า สีหน้าไม่ยินดียินร้าย
นักพรตเฒ่าลุกขึ้น จัดแจงชุดนักพรต จู่ๆ ก็มองเฉินโม่อย่างเคารพและจริงจัง “ในเมื่อคุณเป็นผู้ฝึกบู๊ บอกความลับกับคุณ เหมาะสมที่สุดแล้ว”
สรรพนามที่นักพรตเฒ่าเรียกเฉินโม่ เปลี่ยนไปเป็นคำว่า ‘คุณ’
“ฉันเจอหินก้อนนี้ที่ริมบึงน้ำดำในเขาหลิงอู่ อีกทั้งบริเวณบึงน้ำดำ เหมือนจะมีหินแบบนี้เยอะด้วย แต่ฉันไม่กล้าเข้าไปลึก เพราะมีข่าวลือในพื้นที่ บอกว่าในบึงน้ำดำ มีอสูรกาย”
“อสูรกายอย่างนั้นเหรอ” เฉินโม่ขมวดคิ้ว เขารู้ว่าอสูรกายจากปากคนทั่วไป แท้จริงแล้วเป็นพวกสัตว์อสูรที่มีสติปัญญา
“นายเห็นด้วยตาตัวเองแล้วเหรอ” เฉินโม่ถาม
นักพรตเฒ่าส่ายหน้า ดูกระอักกระอ่วน “เปล่า แต่ตอนฉันเข้าใกล้ริมบึงน้ำดำ ก็รู้สึกว่าในนั้นมีความเย็นยะเยือก โอบล้อมเข้ามา ฉันไม่กล้าเข้าไปใกล้”
เฉินโม่หรี่ตาลง ดูเหมือนว่าบึงน้ำดำ จะมีของที่เขาต้องการ
จู่ๆ เฉินโม่จ้องนักพรตเฒ่า เหมือนชายแข็งแกร่งมองผู้หญิง มองจนนักพรตเฒ่า มีสีหน้าตึงเครียด
“นายอยากเป็นนักบู๊ไหม” เฉินโม่ถามอย่างราบเรียบ
เดิมทีดวงตานักพรตเฒ่านิ่งสงบ เบิกโตขึ้นทันที มองเฉินโม่อย่างไม่อยากเชื่อ “ฉันเป็นได้เหรอ ไม่ใช่ว่าอยากเป็นผู้ฝึกบู๊ จำเป็นต้องมีรากฐานโดยกำเนิด มีพรสวรรค์ อีกทั้งต้องมีอายุก่อน 16 ปี ไม่ใช่เหรอ”
คิดถึงอายุตัวเอง นักพรตเฒ่าสลดเหมือนลูกบอลไร้ลม ปีนี้เขาอายุ 50 ปีเต็มแล้ว จะเป็นนักบู๊ได้อย่างไร
เฉินโม่ดื่มชา เอนลงบนโซฟา เอามือทั้งสองข้างรองไว้หลังศีรษะ ยกยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ “ฉันว่านายเป็นได้ นายก็ต้องเป็นได้สิ ใครเป็นคนวางกฎว่าอายุมากแล้ว จะเป็นนักบู๊ไม่ได้”
คำพูดของเฉินโม่ มีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก ทำให้นักพรตเฒ่ารู้สึกเหมือนภาพลวงตา วัยรุ่นที่นั่งตรงหน้าเขา ไม่ใช่เด็กอายุไม่ถึง 20 ปี แต่เป็นปรมาจารย์บู๊!
นักพรตเฒ่ารู้แล้ว บางทีโอกาสใหญ่ในชีวิตของตัวเอง อาจมาถึงแล้ว
ประสานมือโค้งคำนับ ท่าทีของนักพรตเฒ่าจริงจังเป็นอย่างมาก โค้งคำนับเฉินโม่ แล้วพูดว่า “เชิญศิษย์พี่โปรดแนะนำให้ ถ้าผมฝากตัวเป็นศิษย์ของสำนักได้ จะจดจำบุญคุณของศิษย์พี่ไปตลอดชีวิต!”
“ศิษย์พี่งั้นเหรอ” เฉินโม่ยกยิ้มมุมปาก ดูเหมือนนักพรตเฒ่าคนนี้เข้าใจผิดแล้ว
จู่ๆ เฉินโม่ลุกขึ้นยืน สะบัดมือแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก อยู่ที่นี่ ฉันเป็นสำนัก!”
เฉินโม่เป็นศิษย์ของสำนักเสวียนเต๋า สำนักเสวียนเต๋าเป็นสำนักใหญ่ของดาวเคราะห์บำเพ็ญเซียน ดาวเคราะห์ที่มีชี่ทิพย์ไม่อุดมสมบูรณ์อย่างดาวไอกา ไม่ได้อยู่ในสายตาสำนักเสวียนเต๋า อีกทั้งตอนนี้บนดาวไอกา คนของสำนักเสวียนเต๋ามีเพียงเฉินโม่ แน่นอนว่าเป็นตัวแทนของสำนักได้
แน่นอนว่านอกจากศิษย์น้องหญิง ที่อาจกลับมาเกิดใหม่บนดาวไอกา
ทว่าในใจนักพรตเฒ่ากลับเป็นอีกภาพหนึ่ง เขาคิดว่าสำนักที่เฉินโม่อยู่ ต้องเล็กมากแน่นอน ถึงขนาดที่มีแค่ 1-2 คน ไม่งั้นทำไมเฉินโม่อายุน้อยขนาดนี้ ถึงเป็นตัวแทนของทั้งสำนักได้ล่ะ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จิตใจที่ตื่นเต้นของนักพรตเฒ่าก่อนหน้านี้ สลดลงทันที เดิมทีคิดว่าจะได้เข้าสำนักบู๊ สำนักใหญ่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เข้าไปในสำนักเล็กๆ ที่มีแค่ไม่กี่คน ความแตกต่างนี้ ใครก็ยอมรับได้ยาก
แต่ยังดีที่ถึงเป็นสำนักเล็ก ก็ดีกว่าไม่แข็งแกร่งอะไรเลย ต้องรู้ว่าอาจารย์ของนักพรตเฒ่า จนตายก็ยังไม่ได้เจอนักบู๊สักคน เทียบกับอาจารย์แล้ว ไม่รู้นักพรตเฒ่าโชคดีกว่าตั้งกี่เท่า
“งั้น ผมควรเรียกคุณว่าศิษย์พี่ไหม หรือ……” นักพรตเฒ่าหน้าแดงเล็กน้อย สำหรับเด็กอายุ 17-18 ปี คำว่าอาจารย์ไม่สามารถออกจากปากเขาได้จริงๆ
บทที่ 23 ซื้อขาย(1)

บทที่ 25 ประชุมตระกูลเอียน(1)