เมื่อพลังวิญญาณถูกกำจัดจนหมด ศิษย์ทั้งหลายที่ขึ้นเขาไปก็ทยอยกลับมาแล้ว ไม่มีคนที่ถูกพลังวิญญาณอีก เพียงแต่ล้วนมีสีหน้าฉงนใจ ไม่เพียงแต่กลุ่มอวิ๋นเจี่ยว แต่ตั้งแต่แสงสีแดงปรากฏขึ้น วิญญาณบนภูเขาก็หายไปจนหมด มีคนค้นหาอยู่บนเขาเป็นเวลานานก็ไม่เจอวิญญาณสักตัว
แน่นอนว่าต้องมีคนพบว่ายันต์ขนส่งใช้ไม่ได้แล้ว อีกทั้งยันต์ส่งข่าวทั้งหมดล้วนใช้ไม่ได้ พวกเขาเหมือนกับว่าจะถูกขังไว้ที่นี่ ไม่สามารถติดต่อกับข้างนอกได้
ทุกคนล้วนรู้สึกถึงความแปลกประหลาดของเรื่องนี้ อยากจะออกจากหมู่บ้านไปถามให้รู้เรื่อง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นเนื้อหาในการสอบ เพราะตราบใดที่กลับไปยังสำนักเทียนซือก็จะหมายความว่าสละสิทธิในการทดสอบนี้ เช่นนั้นวิญญาณที่เก็บก่อนหน้านี้ก็จะเสียแรงเปล่า
ทันใดนั้นทุกคนต่างลังเลใจ อีกทั้งฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้น ทุกคนจึงทำได้เพียงวางความสงสัยใจในลง พักผ่อนอยู่ในบ้าน รอฟ้ามืดค่อยขึ้นเขาไปอีกรอบ
ภายในห้องคึกคักขึ้นมาทันใด อาจเป็นเพราะมีผู้บาดเจ็บ มีศิษย์ไม่น้อยเลือกที่จะไปพักผ่อนบนพื้นหญ้าด้านนอก เหลือพื้นที่ให้แก่ผู้บาดเจ็บ
อวิ๋นเจี่ยวอยากจะขึ้นเขาไปดู นางรู้สึกว่าแสงสีแดงที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ อีกทั้งรูปร่างของนกยักษ์นั้นแปลกประหลาด หากไปดูอีกทีอาจจะรู้ว่านั่นคืออะไรก็เป็นได้ แต่ว่าภายในบ้านยังมีผู้บาดเจ็บอยู่ ถึงแม้พลังวิญญาณจะกำจัดไปแล้ว แต่ว่าคนกลับยังไม่ตื่น ในฐานะที่เป็นหมอ นางไม่สามารถที่จะทิ้งคนป่วยไว้แล้วจากไป ทำได้เพียงอยู่ดูแลต่อ
“เอ๊ะ? หัวหน้าหมู่บ้านมา” ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมา ทุกคนต่างหันไปมอง เห็นเพียงมีคนสี่ห้าคนกำลังเดินมาทางนี้ ในมือยังถือของบางอย่าง ล้วนก้มหน้าก้มตาเดิน ผู้ที่เดินนำคือหัวหน้าหมู่บ้านที่นำพวกเขาเข้ามาในตอนแรก
หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มให้คนในสวน กวาดตามองทุกคนก่อนจะพูดว่า “ท่านเซียนทุกท่านขับไล่มารเหน็ดเหนื่อย หมู่บ้านซื่อสือของพวกข้าอยู่ห่างไกลและยากจน ไม่มีอะไรจะตอบแทนพวกท่าน จึงจัดเตรียมอาหารธรรมดามาให้ หวังว่าทุกท่านจะไม่รังเกียจ”
พูดจบเขาก็ส่งสายตาให้คนด้านหลัง ชายหนุ่มสี่ห้าคนที่ตามเขามา คนหนึ่งยกถังไม้เดินขึ้นหน้า เปิดฝาถังออก นาทีถัดมา กลิ่นหอมอันเข้มข้นของข้าวก็ลอยอบอวลทั่วบ้าน ทุกคนถึงได้รู้ว่าในถังไม้นั้นล้วนเป็นอาหารที่สดๆ ร้อนๆ ถึงแม้จะเป็นพวกข้าวต้มเปล่าและเครื่องเคียงเล็กน้อย แต่ว่าข้าวและกับข้าวเพียบพร้อม เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจัดเตรียมมา
ทุกคนสีหน้าดีใจ จับผีมาทั้งคืน ตอนนี้ก็หิวอย่างจริงจัง ถึงแม้ก่อนมาจะจัดเตรียมอาหารแห้งมาด้วย แต่ว่าอาหารแห้งพวกนั้นจะไปสู้อาหารสดๆ ร้อนๆ อย่างนี้ได้อย่างไร
ทุกคนล้วนเดินขึ้นหน้าขอบคุณ
“ท่านเซียนทุกท่านไม่รังเกียจก็พอ” หัวหน้าหมู่บ้านหัวเราะอย่างดีใจ ชี้ไปยังถ้วยชามในถังไม้ใบสุดท้าย “ทุกท่านกินให้เต็มที่ หากไม่พอในหมู่บ้านยังมีอีก ถึงตอนนั้นข้าจะส่งมาให้ใหม่”
ทุกคนก็ไม่ได้เกรงใจ ต่างล้อมขึ้นไปตักข้าว อาจเป็นเพราะแย่งข้าวกับอาจารย์ปู่ในอารามจนเคยชิน ไป๋อวี้เบียดขึ้นไปเป็นคนแรก ไม่เพียงแต่หยิบชามที่ใหญ่ที่สุดตักข้าวต้มจนเต็มชามแล้ว ก็ยังไม่ลืมที่จะตักให้อวิ๋นเจี่ยวด้วย
“มา เจ้าหนู กินข้ามต้ม! ยังร้อนอยู่เลย!” เขาส่งชามให้อวิ๋นเจี่ยวแล้วพูด “ถึงแม้จะเทียบกับที่เจ้าทำไม่ได้ แต่กลิ่นก็หอมอยู่” พูดจบยังหยิบผักดองขวดเล็กออกมาจากกระเป๋าด้านข้าง ก่อนจะคีบออกมาหลายชิ้นใส่ในชาม และรีบปิดฝาขวด ผักดองเจ้าหนูเป็นคนทำ เขาเอามาจากอารามโดยเฉพาะ ต้องประหยัดหน่อย
“ขอบคุณ!” อวิ๋นเจี่ยวรับข้าวต้มมา กำลังจะกิน จมูกกลับได้กลิ่นเฉพาะของอะไรบางอย่าง นางตะลึงไป ก่อนจะใช้ตะเกียบคนข้าวต้มในชาม กลิ่นนั้นยิ่งเข้มข้นมากขึ้น พร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าของอะไรบางอย่าง
นี่คือ…หญ้ากินพลังลมปราณ!
ชายแก่ราวกับไม่รับรู้ กำลังจะเทข้าวต้มเข้าปาก
อวิ๋นเจี่ยวรีบผลักถ้วยของเขาออกไป “อย่ากิน!”
ไป๋อวี้ ชามข้าวต้มในมือลอยออกไป ก่อนจะร่วงลงบนพื้น แตกอย่างละเอียด
“เจ้าหนู เป็น…เป็นอะไร” ชายแก่สีหน้าฉงน
การกระทำของอวิ๋นเจี่ยวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงของชามที่แตกทำให้ศิษย์คนอื่นตกใจ พวกเขาหันหน้ามองมา ทันใดนั้นทั้งห้องเงียบสงัด
หัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังตักข้าวอยู่ก็หันหน้ามา มองชามที่แตกอยู่บนพื้น ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยน สักพักถึงได้เอ่ยอย่างคนอารมณ์ดีว่า “ท่านเซียนท่านนี้ไม่ชอบกินข้าวต้มใช่หรือไม่ ไม่เป็นไร ตรงนี้มีหมั่นโถว” พูดจบก็ชี้ไปยังหมั่นโถวในถัง
ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความเคือง อีกทั้งยังมีคนเดินขึ้นหน้าต่อว่า “ท่านหัวหน้าหมู่บ้านใจดีส่งข้าวมาให้พวกเรากิน จะสิ้นเปลืองเช่นนี้ได้อย่างไร”
“นั่นสิๆ ไม่อยากกินก็อย่าเททิ้งอย่างนี้สิ!”
“ไม่เข้าใจหัวอกคนอื่น สมควรให้หิวต่อไป”
“ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน อย่าสนใจนาง ไม่อยากกินก็อย่ากิน!”
ทุกคนต่างคนต่างพูดต่อว่า แต่ทางหัวหน้าหมู่บ้านยังคงพูดปรามด้วยสีหน้าใจดี “ไม่เป็นไรๆ แค่ชามแตกเท่านั้น”
อวิ๋นเจี่ยวไม่สนใจคนรอบข้าง สีหน้าดำลง ก่อนจะเดินตรงไปทางหัวหน้าหมู่บ้าน
หัวหน้าหมู่บ้านยังคงยิ้มด้วยความเป็นมิตร อีกทั้งยังก้มหยิบหมั่นโถวสองลูกขึ้นมาแล้วยื่นให้ “ท่านเซียนลอง…”
เขายังพูดไม่ทันจบ อวิ๋นเจี่ยวกลับเริ่มลงมือควักยันต์ขับไล่ออกมา แปะเข้าไปที่หน้าผากของอีกฝ่าย
“เจ้ากำลังทำอะ…” ศิษย์ด้านข้างกำลังจะห้าม แต่กลับได้ยินหัวหน้าหมู่บ้านร้องอย่างทุกข์ทรมานออกมา
“อ๊ากกก!!!!”
เห็นเพียงแต่หัวหน้าหมู่บ้านที่ยังมีสีหน้าเป็นมิตรเมื่อสักครู่ เอามือทั้งสองข้างปิดหน้าเอาไว้ และร้องออกมาอย่างทรมาน นาทีถัดมา มีควันออกมาจากตัวของเขา
นี่เป็น…ปฏิกิริยาของพวกปีศาจ!
ทุกคนต่างตะลึง เห็นเพียงแต่ผิวหนังของหัวหน้าหมู่บ้านเริ่มเน่าเปื่อยไปทันตาเห็น เผยกระดูกสีขาวออกมา กลิ่นเหม็นเน่าอบอวลไปทั่วในทันที
ทุกคนต่างตะลึงไป อีกทั้งชายหนุ่มที่ตามหลังหัวหน้าหมู่บ้านนั้นก็เริ่มส่งเสียงคำรามออกมา ดึงเสื้อผ้าที่คลุมตัวเอาไว้อย่างแน่นหนาออก ก่อนจะเผยให้เห็นใบหน้าที่น่ากลัวออกมา เมื่อสักครู่พวกเขาก้มหน้ายกของ ทุกคนก็เลยไม่ได้สนใจ ตอนนี้เมื่อได้เห็น ถึงได้รู้ว่านั้นไม่ใช่ใบหน้าของคนเป็น นอกจากเน่าไปเป็นส่วนใหญ่ไม่พอ ยังมีน้ำหนองที่สยดสยองไหลออกมา
พวกเขาส่งเสียงร้องคำรามออกมา อีกทั้งยังทำร้ายศิษย์เสวียนเหมินที่อยู่ด้านข้าง หันตัวมุ่งไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน หัวหน้าหมู่บ้านยกมือดึงยันต์ขับไล่บนหน้าผากอย่างแรก หันหลังพุ่งออกไปด้านนอก
“จับเขาไว้!” อวิ๋นเจี่ยวพูดเสียงดัง
ไป๋อวี้ผนึกคาถาทันที ได้ยินเพียงเสียงของฟ้าผ่าดังขึ้น สายฟ้าสวรรค์ผ่าลงมาบนหัวตรงเข้าไปยังหัวหน้าหมู่บ้านที่กำลังหนีออกไป อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ร้องออกมา ก็ถูกผ่าจนเป็นศพไหม้ไปแล้ว
แต่ว่าคนอื่นนั้นกลับหนีไปไม่เห็นแม้แต่เงา
ทุกคน “…”