ตอนที่ 81 พี่ใหญ่ คนหายไปแล้ว! + ตอนที่ 82 ปล่อยเธอซะ!

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 81 พี่ใหญ่ คนหายไปแล้ว!

อันโหรวรู้ดีว่าสองพี่น้องคนนี้คงตามเธอมาทันทีแน่ แต่ทว่า เมื่อคิดจะจากไป และเห็นเหอเหมียวอยู่ตรงหน้า ก็ไม่วายขอเตะเหอเหมียวสักหนึ่งทีก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

หากใจดีกับศัตรูก็เท่ากับขุดหลุมฝังศพให้ตัวเอง เธอไม่มีทางเป็นแม่พระขนาดนั้นหรอก

“อย่าปล่อยให้ยัยนั้นหนีไปได้นะ รีบจับตัวมันมาเร็ว จับตัวมันมา….”  เหอเหมียวตะโกนด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง ดวงตาสีแดงก่ำของเธอ ตอนนี้มันเหมือนกับผีร้ายที่มีชีวิต

หลี่ฮ่าวที่พึ่งหายจากความเจ็บปวด ก็ได้รีบลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยคำพูดปลอบประโลมคนที่จ้างเขามา “คุณหนูเหอเหมียว โปรดวางใจ ยัยนั้นต้องหนีไปไม่ได้แน่นอน”

เมื่อพูดจบ เขาก็รีบดึงตัวหลี่เหวิน และเดินกะเผลกตามไปโดยทันที

อันโหรวแน่นอนว่าหนีไปได้ไม่พ้นจริงๆ เนื่องจากไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน มันเหมือนกับมีชิ้นส่วนเหล็กรายล้อม ทั้งยังมีพืชหญ้าที่ปกคลุมไปทั่ว รอบๆตัวของเธอเองก็มีแต่ซากปรักหักพัง ไม่มีที่ไหนให้หลบซ่อนตัวเลยด้วยซ้ำ

เธอกัดฟัน ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าที่ไล่ตามหลังเธอมา อันโหรวรีบวิ่งเข้าไปหลบในซากปรักหักที่หนึ่ง เธอถอดรองเท้าส้งสูงวางไว้ที่มุมผนังฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ซ่อนตัวเองและค่อยๆสูดลมหายใจขึ้นอย่างช้าๆ ไม่ให้เกิดเสียงอะไรมาก

“พี่ใหญ่ คนหาไม่พบแล้ว!” หลี่เหวินมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใครเลยสักคน ตัวเขาเองก็เลยรีบร้อนดึงเสื้อของหลี่ฮ่าวและเอ่ยขึ้น “ถ้ายัยนั้นหนีไปได้ เงินพวกนั้นเราจะไม่ได้เลยนะ พี่ใหญ่…”

หลี่ฮ่าวทำหน้าเคร่งเครียด อดไม่ได้ที่จะเอามือไปตบที่หัวของหลี่เหวินก่อนจะพูดขึ้น “พูดไร้สาระอะไร ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว มันหนีไปไม่ไกลหรอก น่าจะซ่อนตัวอยู่แน่ๆ รีบแยกย้ายตามหากันเถอะ”

หลี่เหวินที่ถูกตีหัว ก็ได้แต่หดหัวลง ก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

สองพี่น้องต่างก็แยกย้ายกันตามหา ส่วนทางด้านของเหอเหมียวเอง ตัวเธอเริ่มวิ่งตามมา เสื้อผ้าทรงผมดูยุ่งเหยิง จากชุดเดรสสีขาวที่ดูสะอาดสะอ้านตอนนี้กลับเปื้อนไปด้วยฝุ่น เท้าของเธอบิดไปมาอย่างน่าเกลียด

เนื่องจากข้อเท้าของเธอเจ็บ แต่ก็ทำได้แค่กัดฟันฝืนทน เพราะหญิงแก่อย่างอันอีหานที่เธอดูถูก เตะเข้าไปที่ตัวเธอแบบนี้เข้า ตัวของเธอเองก็ไม่อาจจะบอกเรื่องพวกนี้ให้โอวหยางลี่ฟังได้ นอกจากตัวของเธอจะแก้ไขทุกอย่างด้วยตัวเอง

……

รถเบนท์ลีย์กำลังเร่งเครื่องตรงมาที่ถนนหลินปิน

สิบกว่านาทีแล้วที่ฉีเซิ่งเทียนรายงานให้เขาถึงรถที่ลักพาตัวอันโหรวไป เมื่อออกมาจากเมืองไปได้สักพัก ก็ตรงมายังชานเมืองทิศตะวันตก ซึ่งส่วนตำแหน่งนี้ไม่อาจทราบได้แน่นอน

“อันอีหาน คุณจะต้องไม่เป็นอะไร” จิ่งเป่ยเฉินกำพวงมาลัยอย่างแน่นหนา พร้อมกับขมวดคิ้วไปมา ก่อนจะเร่งคันเร่งที่เท้าอย่างรุนแรง

เขาไม่รู้ตัวเองเลยว่า ตัวของเขานั้นห่วงใยอันอีหานมากกว่าเดิมรึเปล่า หรืออาจจะเป็นเพราะว่าตัวเธอนั้นดูคล้ายกับโหรวโหรว หรือจะเป็นเพราะส่วนอื่น

รถเล่นขับผ่าไฟแดงไปหลายจุด จิ่งเป่ยเฉินตอนนี้ตัวของเขานั้นเผยให้เห็นไอเย็นชาที่แผ่ไปทั่วทั่วทั้งร่าง ร่างกายของเขาดูเกร็งไปหมดทุกชิ้นส่วน มุ่งตรงรถมาอีกหนึ่งร้อยเมตรก็เข้าสู่เขตชานเมืองตะวันตกแล้ว

ที่นี่เคยเป็นโรงงานถลุงเหล็กมาก่อน มีหลากหลายโรงงานที่เคยเปิดเป็นโรงงานถลุงเหล็ก แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสังคมส่งผลให้โรงงานพวกนี้ต้องปิดตัวลงเมื่อนานมาแล้ว และตอนนี้ก็เหลือแต่ความว่างเปล่าที่ถูกทิ้งรกร้างเอาไว้

จิ่งเป่ยเฉินชะลอความเร็วลง เนื่องจากที่แห่งนี้มีพืชหญ้าที่เติบโตจนถึงขนาดเรียกว่า ป่าดงดิบขนาดเล็ก และมันเองก็ไม่ใช่พื้นคอนกรีต เลยไม่อาจที่จะขับรถสวนเข้าไปได้

เมื่อลดกระจกรถลง จิ่งเป่ยเฉินก็มองไปแต่ละแห่ง ก็พบว่าที่แห่งนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่เลยแม้แต่น้อย แน่นอนเลยทำให้ส่วนนี้ของฉีเซิ่งเทียนไม่อาจตรวจสอบเข้ามาได้ในเขตชานเมืองตะวันตก

อีกทางด้านหนึ่ง หลี่ฮ่าวกับหลี่เหวินตามหาคนอย่างไม่หยุดหย่อน เหอเหมียวเองก็ช่วยพวกเขาตามหา เธอทนไม่ได้กับการที่ต้องมาเจ็บปวดอย่างรุนแรง ตอนนี้เสื้อผ้าของเธอนั้นก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อกาฬที่ไหลอาบไปทั่วทั้งตัว แต่เธอก็ไม่ได้สนใจพวกมันเท่าไหร่นัก ก่อนจะเดินไปยังห้องที่ดูทรุดโทรมแห่งหนึ่ง

ห้องที่เธอกำลังเข้าไป มันตรงกับจุดที่อันโหรวกำลังซ่อนตัวอยู่พอดี

“ให้ตายสิยัยแก่นั้น ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนกัน!” เหอเหมียวกัดฟันแน่น ในใจเริ่มรู้สึกโมโห “ฉันไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงที่มาล่อลวงพี่โอวหยางแบบนี้ไปได้ง่ายๆหรอกนะ!”

โอวหยางลี่ตั้งแต่ตอนที่จบจากงานเต้นรำ เขาแทบไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลยแม้แต่น้อย แทบไม่เกิดการพูดคุย เรียกได้ว่าเย็นชาขึ้นด้วยซ้ำ ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเพราะอันอีหานคนเดียว

ถ้าหากเธอไม่มอบบทเรียนให้กับอันอีหานแล้วละก็ ในไม่ช้าสักวันนึงอันอีหานจะต้องขโมยโอวหยางลี่ไปจากเธอแน่ๆ และแน่นอนเธอยอมไม่ให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้น

“อันอีหาน โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้…..” เหอเหมียวกรีดร้องเสียงแหลมดังไปทั่ว

อันโหรวที่กำลังซ่อนตัวอยู่ที่มุมซอก ตัวเองเริ่มที่จะกำมือแน่นขึ้น ทั้งตัวเกิดความประหม่าไปทั่ว หัวใจของเธอเต้นตึกตักด้วยความอย่างเร็วมือและเท้าของเธอเอง ตอนนี้ก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นๆที่ไหลออกมา

หากเธอถูกจับได้อีกละก็ เธอจะต้องถูกทรมานอย่างแน่นอน

เมื่อคิดถึงจุดนี้ เธอเองก็รู้สึกตึงเครียด ก่อนจะฝืนดิ้นรนอย่างอดทน

เหอเหมียวตอนนี้ได้เดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นเรื่อย ๆ อันโหรวเองก็เริ่มกลั้นลมหายใจ ก่อนจะขดร่างกายของตัวเองให้เล็กลงเล็กน้อย และเฝ้ามองจากทิศทางตรงกันข้ามอย่างระมัดระวัง

“ยัยแก่ ออกมาซะ ฉันไม่จับแกหรอกน่า!” เหอเหมียวจงใจพูดเช่นนี้ เพื่อหลอกล่อให้อันโหรวออกมา

เธอคิดว่าหากทำเช่นนี้มันคงหลอกล่อคนให้ออกมาได้ แต่ว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นมันแค่การละเล่นที่เด็กโง่ๆคนนึงจะยอมเชื่อเท่านั้นเอง

…………..

ตอนที่ 82 ปล่อยเธอซะ!

ห้องที่รกร้างค่อย ๆ ว่างเปล่า เหอเหมียวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสังเกตไปรอบด้วยสายตาที่ไม่สบายใจ ช่วงที่คิดจะเดินออกไป ทันใดนั้นตัวเธอเองก็พบเห็นรองเท้าส้นสูงของอันโหรวที่เคยใส่ไว้ก่อนหน้านี่ขึ้น

“เจอตัวแล้ว คิดจะหนีไปไหน!” เหอเหมียวอุทานขึ้นเสียงดังอย่างดีใจ ก่อนจะเดินกะเผลกไปข้างหน้า

อันโหรวเมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รีบลุกขึ้นมาเพื่อหวังจะวิ่งออกไปที่ด้านหลังของเหอเหมียวด้วยเท้าเปล่า

แต่แล้วเหอเหมียวเองก็ได้ยินเสียงที่ดังอยู่ข้างหลัง ซึ่งมันก็สายไปเสียแล้ว เพียงแต่ว่าที่ด้านนอกตอนนี้ ก็มีสองพี่น้องตระกูลหลี่ ที่กำลังรีบวิ่งตามคนไปให้ทัน

ถ้าหากจับคนได้ ก็จะได้เงิน!

“พวกแก รีบจับตัวยัยนั้นมาเร็วเข้า!” เหอเหมียวที่ถูกตบและกระทืบด้วยความโกรธเกรี้ยว เธอก็รีบหยิบรองเท้าส้นสูงคู่นั้นขึ้นมาก่อนจะกระแทกไปที่พื้น “นังนี่! กล้ามาตีฉัน หลังจากนี้ฉันจะให้แกมาคุกเข่าที่เท้าของฉัน คุกเข่าขอความเมตตาซะ!”

หลี่ฮ่าวร่างกายที่แข็งแกร่ง ขยับเท้าอย่างรวดเร็ว ทำให้อันโหรวถูกจับตัวได้อีกครั้งหนึ่ง ร่างกายเธอไม่อาจหลบเลี่ยงไปได้ เลย ฝ่าเท้าของเธอเองก็พลันเจ็บปวดจนไม่อาจที่จะวิ่งเร็วได้อีก

“ช่วยด้วย! ใครก็ได้….” อันโหรวเริ่มร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ที่รกร้างแบบนี้ มันก็ทำให้เธอสิ้นหวังโดยทันที “ช่วยด้วย……”

หลี่ฮ่าวรีบที่ได้วิ่งขึ้นมาจากด้านหลังด้วยท่าทีที่ดุเดือด ตอนนั้นเขาพุ่งเข้าใส่ตัวของอันโหรวด้วยร่างกายที่กำยำและแข็งแรง ส่งผลให้ตัวของเธอนั้นแทบจะสำลักลมหายใจจนเกือบตาย

“คุณหนูเหอ จับตัวยัยนี่ได้แล้ว ยัยนี่มันแสบเสียจริงๆ” หลี่ฮ่าวลุกขึ้นมาครึ่งตัว ก่อนจะเอามือและเท้าจะกดทับไปที่ตัวของอันโหรว และเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหอบ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “หลี่เหวิน เอาเชือกมามัดซะ ครั้งนี้ยัยนี่มันเล่นซะ ตูเหนื่อยแทบแย่”

ไม่ว่าเขาจะเรียกใครก็ไม่มีใครตอบ หลี่ฮ่าวอยากจะหันหัวไปดูทิศทางว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ๆคอเขาก็ถูกชกด้วยกำปั้นที่ใหญ่ขนาดเท่าก้อนหินหนึ่งก้อน มันกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว

“ปล่อยเธอซะ!” จิ่งเป่ยเฉินกัดฟัน ดวงตาของเขานั้นแดงฉาด เผยให้เห็นถึงความโกรธเกรี้ยว

เมื่อตอนที่เขาลงมาจากรถ และกำลังเดินหาไปมาอยู่นั้น จู่ๆก็ได้ยินเสียงกรีดร้องของอันอีหาน ด้วยความงุนงงเขาก็เริ่มที่จะมองหา เมื่อเห็นฉากแบบนี้เข้าที่ว่า เขาก็พลันโกรธขึ้นจนเรียกได้ว่าไม่อาจระงับความโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ได้อีกต่อไป

อันโหรวเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เธอก็รีบลุกขึ้นมา ก่อนจะกุมมือไปที่หน้าอกของเธอ และไอออกมาอย่างรุนแรง เมื่อเห็นจิ่งเป่ยเฉิน ในหัวก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย

เพราะไม่รู้ว่าควรทำยังตัวยังไง

“ปะ…ประธานจิ่ง!” อันโหรวเอ่ยเสียงที่แหบแห้ง ก่อนที่เธอจะเรียกชื่อของเขา แต่ทันใดนั้น เธอก็เปลี่ยนท่าทีและคำพูดโดยทันที

จิ่งเป่ยเฉินตอนนี้กำลังบีบไปที่คอของหลี่ฮ่าว ด้วยมือซ้ายของตน เส้นเลือดสีเขียวฟ้าปูดโปนขึ้นมาตรงมือซ้าย ส่วนมือขวาของเขาก็ชกไปที่หน้าของหลี่ฮ่าวอย่างรุนแรง โดยไม่มีท่าทีที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย

หลี่เหวินตกตะลึงอยู่ที่ด้านข้าง ก่อนจะรีบไปข้างหน้า เพื่อขอร้อง ขอความเมตตาจากจิ่งเป่ยเฉิน “อย่าต่อยพี่ใหญ่ผมเลย คุณหนูเหอช่วยพวกเราหน่อยเถอะ”

เหอเหมียวไหนเลยจะกล้าช่วยเหลือ เธอสั่นเทาไปทั่วทั้งตัว คิดอยากจะออกจากที่แห่งนี้ให้ไวที่สุด ถ้าหากคนๆนี้จับจ้องไปที่ตัวเธอละก็ เธอได้ตายแน่ๆ!

“หยุดซะ!”

จิ่งเป่ยเฉินปล่อยหลี่ฮ่าวที่เกือบถูกทำร้ายจนตาย และรีบเดินมาขวางทางเหอเหมียว แววตาของเขากลับจับจ้องด้วยความโมโห และพูดขึ้น “เป็นเธอที่ส่งคนมาจับตัวอันอีหานยังงั้นเหรอ?”

เหอเหมียวรีบเอามือปิดบังไปที่ใบหน้า และส่ายหัวอย่างสุดชีวิต “ไม่ใช่ฉันนะไม่ใช่ฉัน เรื่องพวกนี้เป็นพวกเขาทำเองต่างหาก ไม่เกี่ยวกับฉันเลย”

“คุณหนูเหอ เรื่องพวกนี้มันผิดจรรยาบรรณนี่ ผมกับพี่ใหญ่ล้วนฟังคำสั่งคุณทั้งนั้น คุณสั่งให้ผมจับตัวผู้หญิงคนนี้มา ตอนนี้คุณกลับมาบอกไม่เกี่ยวข้องอีกยังงั้นเหรอ!” หลี่เหวินยืนขึ้นพยุงตัวหลี่ฮ่าวที่ตอนนี้จมูกบวมไปทั่วทั้งหน้า

จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ผู้หญิงอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเม้มริมฝีปาก และพูดขึ้น “ขอดูหน้าหน่อยซิ”

อันโหรวดึงแขนเสื้อของเธอออก ก่อนจะไอแค่กแค่ก และพูดอย่างไม่เป็นทางการไป “ประธานจิ่ง ไม่ต้องเห็นหน้าหรอก เธอคือเหอเหมียว ชู้ลับของโอวหยางลี่”

“อันอีหาน ยัยสารเลว นี่เธอ….”

เหอเหมียวโกรธแทบคลั่ง เอามือปิดหน้าอีกครั้งนึง อันอีหานตอนแรกที่ตกหลุมพรางของเธอ ตอนนี้กลับถูกจิ่งเป่ยเฉินช่วยชีวิตรอดมาได้ โอวหยางลี่มีหรือจะยอมช่วยเธอไว้

เธอรู้สึกกลัวเมื่อคิดถึงจุดนี้ ก่อนจะจับชายกระโปรงสีขาว แน่นขึ้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เบาไปว่า “ฉัน ฉันแค่อยากทำให้อันอีหานตกใจ ไม่ได้คิดจะทำอะไรเลยนะ”

จิ่งเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้น มุมปากของเขานั้นโค้งงอและเผยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน “ถ้าเช่นนั้นฉันเองก็คงต้องขอหาอะไรมาแสดงให้กับคุณหนูเหอเสียหน่อยแล้ว เรามาหาอะไรเล่นสนุกๆกันดีกว่า ดีไหม?”