จวนตระกูลลู่ มีประตูทางเข้าออกหลายประตู เส้นทางคดเคี้ยว
วันนี้ เป็นวันที่สองที่เจียงหลีกลับมาถึง คนที่กลับมาด้วยมีหม่าหยวนจย่าที่ผ่านการซ้อมมาเป็นเวลาสามเดือน
“คุณหนู นี่เป็นสิ่งที่นายน้อยให้คนส่งมา” หม่าหยวนจย่ายืนนอกห้องเจียงหลี ในมือถือถาดทรงยาวสี่เหลี่ยมบนถาดมีเสื้อผ้าที่ถูกปักด้วยความประณีตและยังมีกริชเล่มหนึ่ง
“นำเข้ามา” เจียงหลีพูดเป็นการตอบรับ
เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้าไป หม่าหยวนจย่าจึงยกถาดเข้าไปในห้องพอเข้าถึงห้อง เขาเห็นเจียงหลีที่อยู่บนเก้าอี้ทรงกลมโดยใช้มือเท้าแก้ม
เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาเจียงหลีเก็บความคิดที่ฟุ้งซ่าน สายตาไปจบอยู่บนถาดที่เขาถือ
“เสื้อผ้ากับกริชงั้นหรือ” เจียงหลียืนขึ้นแล้วเดินเข้าหาหม่าหยวนจย่าด้วนความประหลาดใจ
บนถาดมีเสื้อผ้าสีดำชุดหนึ่งซึ่งเป็นเสื้อผ้าของผู้หญิงที่ใช้สำหรับต่อสู้ ลวดลายบนเสื้อถูกปักด้วยเส้นด้ายสีเงินอย่างสวยงาม ส่วนใบกริชเล่มนั้น เป็นสีทองเข้มที่ฝังด้วยอัญมณีสีแดง ดั่งโลหิตที่ไหลหมุนเวียน อีกทั้งยังเหมือนเปลวไฟที่ลุกโชน
“อัญมณีนี้ราวกับว่าซ่อนพลังบางอย่างอยู่” เจียงหลีพูดพึงพำ
สายตานางมองข้ามชุดต่อสู้ จดจ่ออยู่บนอัญมณีสีแดงนั้น
หม่าหยวนจย่าพยักหน้า “คุณหนูไม่ทราบหรือ นี่คือแร่ธาตุอิ๋นเสวีย การฝังอยู่ในอาวุธนั้นจะทำให้เกิดความพิเศษ นั่นคืออาวุธจะมีคุณสมบัติกลืนกินเลือด”
เจียงหลีมองไปทางเขาด้วยความแปลกใจ
ยังมีเรื่องเช่นนี้อีก นางไม่รู้จริงๆ
กลืนกิน เจียงหลีพึมพำ พลางเอื้อมมือหยิบกริชขึ้น ราวกับได้เห็นแสงวูบวาบที่ไหลผ่านแร่ธาตุอิ๋นเสวีย
นางดึงกริชออกมา ใบมีดที่แหลมคมนั้นกำลังแผ่ไอเย็น
“คุณหนู”
หม่าหยวนจย่าเห็นนางกรีดไปที่นิ้ว ตกใจจนร้องออกมา เจียงหลีกลับส่ายศีรษะเบาๆ สายตาจับจ้องไปยังนิ้วที่โดนบาด เมื่อเห็นเม็ดเลือดโผล่ออกมาจากบาดแผล แล้วถูกใบกริชดูดเข้าไปหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับแร่ธาตุอิ๋นเสวีย
เป็นเช่นนี้นี้เอง เจียงหลีเข้าใจกระจ่างแจ้ง นำนิ้วที่บาดเจ็บใส่เข้าปาก อมไว้เบาๆ นางรู้แล้วว่าประโยชน์ของมันคืออะไร
มันสามารถทำให้อาการบาดแผลรุนแรงขึ้น เร่งการไหลเวียงของเลือด
เป็นอาวุธที่โหดเ**้ยมจริงๆ เจียงหลีคิดในใจ
เจียงหลีเก็บกริชโดยไม่มีกานแสดงอารมณ์ใดๆ นางหันไปทางหม่าหยวนจย่าด้านหลัง ที่กำลังมองอยู่ กลืนน้ำลายอึกหนึ่งรีบพูดขึ้นว่า “นายน้อยกล่าวว่า ให้ท่านฝึกปราณกำลังภายในอย่างสบายใจ ไม่ต้องกล่าวขอบคุณบุญคุณ พรุ่งนี้ก็เป็นงานประลองชิงเจียวแล้ว เขาขอให้ท่านโชคดีขอรับ”
เจียงหลีกรอกตาในใจแล้วคิดว่า ใครจะกล่าวขอบคุณบุญคุณกันเล่า คิดไปเองฝ่ายเดียว
“อธิบายงานประลองชิงเจียวให้ข้าฟังหน่อย” เจียงหลีพูด
“หืม” หม่าหยวนจย่าตอบรับอย่างตะลึง วางถาดลงบนโต๊ะด้วยความระมัดระวัง แล้วอธิบายสถานการณ์งานประลองชิงเจียว “งานประลองชิงเจียว เป็นงานประจำที่ราชวงศ์โฮ่วจิ้นจัดขึ้นในทุกแคว้นจุดประสงค์เพื่อคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถพิเศษเพื่อปลูกฝังให้ราชวงศ์โฮ่วจิ้น โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ติดห้าอันดับในงานชิงเจียว ล้วนมีสิทธิ์สามารถเข้าตรงไปที่สำนักหลิงอู่ แต่ว่า เพื่อเป็นการให้เกียรติสถาบันไป๋หยวน หากว่าในห้าคนนี้มีใครเตะตาสถาบันไป๋หยวน สำนักหลิงอู่จะถอยให้สักก้าวสองก้าว”
สำนักหลิงอู่ สถาบันไป๋หยวน นางรู้จักสองสถานที่นี้ เป็นเพราะความทรงจำของ ‘ร่างเดิม’ นางยังจำได้ว่าพี่ชายตัวเองที่มีพรสวรรค์เป็นเลิศ ความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นคือได้เข้าไปฝึกวิชาที่สถาบันไป๋หยวน
น่าเสียดายที่เขาไม่ทันได้สอบเข้าไป ตระกูลเจียงก็ได้เจอกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เจียงเฮ่าอยู่ที่เมืองหลวง เช่นนี้เขาจะอยู่ในสถาบันไป๋หยวนหรือไม่ เจียงหลีนึกถึงคำถามนี้
ทว่าคำถามข้อนี้กลับไม่มีคำตอบ ดังนั้นนางจึงไม่เสียแรงคิดมาก “ข้าถามเจ้าว่า ที่ผ่านมางานประลองชิงเจียวแห่งเมืองซูหนาน มีการแข่งขันอะไรบ้าง”
การแข่งขันงานประลองชิงเจียวของทุกแคว้นจะต่างกัน เจียงหลีเองก็เพิ่งมาถึงแค้วนซูหนานไม่นาน ไม่แปลกที่นางไม่เข้าใจ
อีกอย่าง เจียงหลียังมีเรื่องกังวลอยู่ว่า…
“แล้วข้าในฐานะทาสหญิง จะเข้าร่วมได้ไหม”
หม่าหยวนจย่าพูด “การแข่งขันงานประลองชิงเจียวของแคว้นซูหนาน เหมือนเดิมทุกครั้ง เริ่มจากการประลองพร้อมกันทั้งหมด ผู้ชนะสิบคนสุดท้าย จะต่อสู้กันแบบสองต่อสอง เพื่อคัดเลือกห้าอันดับแรก ส่วนฐานะของคุณหนู งานประลองชิงเจียวไม่ดูคนที่ฐานะ เพียงเจ้าบ้านอนุญาต ก็สามารถเข้าร่วมได้”
เจียงหลีเข้าใจในบัดดล
นางไม่ได้สนใจสำนักหลิงอู่หรือสถาบันไป๋หยวนอะไรทั้งนั้น สิ่งที่นางสนใจอย่างเดียวคือจะทรมานเย่ว์หนานซีไอ้คนหน้าไม่อายนั้นอย่างไร
…
วันต่อมา งานประลองชิงเจียวได้เริ่มขึ้น งานประลองชิงเจียวใช้เวลาทั้งหมดสิบวัน เจ็ดวันแรกประลองพร้อมกันทั้งหมด สามวันหลังเป็นการประลองรอบชิง
ท้องฟ้าเริ่มสาง ในเมืองซูหนานครึกครื้นเพราะงานประลองชิงเจียว เจียงหลีตื่นตั้งแต่เช้า เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดต่อสู้ที่ลู่เจี้ยได้จัดเตรียมไว้ เสื้อสีดำกระชับรัดรูปสวมอยู่บนร่างบางเจียงหลี เผยให้ตัวนางดูดุเดือด
นำกริชใส่ไว้ที่อก เจียงหลีเอามือไขว้หลัง แล้วหันหลังเดินออกจากห้อง หม่าหยวนจย่ากำลังรออยู่ที่นอกเรือน
เมื่อเห็นนางเดินออกมา รีบเดินเข้าไปหาพร้อมกล่าวว่า “คุณหนู พวกเราต้องรีบไปสมัครก่อน งานประลองชิงเจียวอณุญาติให้เฉพาะผู้ที่มีอายุสิบสองปีถึงสิบเก้าปีและเป็นผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับหลิงเจี้ยงเท่านั้นที่สมัครได้ มีแต่ผู้เข้าแข่งขันเท่านั้นที่จะสามารถเข้าสู่พื้นที่ทดสอบการแข่งขัน ตลอดการแข่งขัน จะมีผู้เก่งกาจเฝ้ามองดู”
เจียงหลีพยักหน้า ออกจากจวนตระกูลลู่พร้อมหม่าหยวนจย่า มุ่งสู่สถานที่จัดงานประลองชิงเจียว
เมื่อเดินออกมาถึงหน้าประตูจวนลู่ เจียงหลียังไม่ลืมที่จะหันกลับไปมอง นางคิดในใจ ไม่รู้ว่าลู่เจี้ยจะไปดูงานงานประลองชิงเจียวหรือไม่ อีกอย่างนางกลับบ้านเป็นเวลาถึงสองวันแล้ว แต่กลับไม่พบเขา หรือว่าร่างกายเขาจะไม่สบายอีกแล้ว
พอนึกถึงร่างกายของลู่เจี้ยที่อาจจะไม่สบาย เจียงหลีรู้สึกอดใจรอไม่ไหว อยากจะอยู่เคียงข้างเขาไม่ไปไหน
ช่วยไม่ได้ ใครให้ร่างกายเขามีพลังลึกลับที่มีประโยชน์ต่อนางมาก มันไม่เพียงจะสามารถบรรเทาอาการข้างเคียงที่เกิดจากกลืนกินวิญญาณแล้ว ยังสามารถกระตุ้นเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ ให้นางเข้าไปฝึกฝนข้างในได้
เจียงหลีเม้มปากรู้สึกว่า หากพลาดโอกาสครั้งนี้ไป จะน่าเสียดาย
บนท้องถนนเต็มไปด้วยเสียงผู้คนที่คึกคักเป็นพิเศษ ใบหน้าทุกคนแสดงความตื่นเต้น และมีการพูดถึงแต่เรื่องงานประลองชิงเจียว
ในที่สุดเจียงหลีก็มาถึงสถานที่ลงชื่อสมัครของงานประลองชิงเจียว มีคนล้นหลาม
“คนที่มาสมัครไม่น่าจะน้อยกว่าพันคน” เจียงหลีตกใจ ในพันกว่าคนนี้จะมีเพียงสิบคนที่ได้เข้าเส้นชัย ช่างเป็นคลื่นซัดทรายจริงๆ หม่าหยวนจย่าที่ยืนอยู่ข้างนางเตือนด้วยเสียงเบา เจียงหลีมองตาม พลันเห็นบุคคลที่คุ้นเคยกำลังต่อแถวเพื่อลงแข่งขันอยู่ ชายคนนี้สวมชุดต่อสู้สีขาว มีความหล่อเหลา แต่สีหน้าแสดงถึงความเย็นชา ด้านหลังเขายืนไปด้วยข้ารับใช้ตระกูลเย่ว์ เป็นใครไม่ได้ นอกจากเย่ว์หนานซี
เย่ว์หนานซี! เจียงหลีหรี่ตาลง ฉายแววเย็นชา
ราวกับว่าสัมผัสถึงสายตาของนาง เย่ว์หนานซีหันมามองทางนี้ช้าๆ ปะทะสายตากับเจียงหลี…
—–