บทที่ 653 แกล้งกันชัดๆ

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

บทที่ 653 แกล้งกันชัดๆ โดย Ink Stone_Fantasy

เพลิงโทสะในใจของซ่งจินเซิน ตอนนี้กำลังเดือดดัง “ปุด ปุด ปุด”

ความสามารถพิเศษของเจ้าหมอนั่นคืออะไรกันแน่?!

หายตัวไปอย่างกับภูตผี ไม่เห็นแม้แต่เงาร่าง นี่มันความสามารถพิเศษประเภทไหนกันแน่?

แต่ถ้าไม่ใช่ผู้มีพลังจิต เขาก็ไม่มีทางฆ่าหมายเลข 0 ได้

ไม่ใช่ทั้งภาพหลอน แล้วก็ไม่ใช่ภาพลวงตา แล้วถ้าอย่างนั้นเขาใช้วิธีอะไรกันแน่!

ซ่งจินเซินคลั่ง หากยังคิดเรื่องนี้ไม่ออก พวกเขาทุกคนก็จะต้องถูกหลิงม่อปั่นหัวกันต่อไป

เขาแค่คนเดียว เล่นงานพวกเขา 9 คน!

ถึงอีกฝ่ายจะมีพลังแกร่งกล้า แต่นี่มันก็น่าอายเกินไปแล้ว!

ถ้าหากเรื่องนี้ถูกพูดต่อกันจนถึงหูคนในสำนักงานใหญ่ เขาคงจะเงยหน้ามองใครไม่ได้แล้ว

แค่นึกถึงคำดูถูกและเยาะเย้ยของคนพวกนั้น ซ่งจินเซินก็รู้สึกคลุ้มคลั่งขึ้นมา

“ใจเย็น ใจเย็น! ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ ฐานะของฉันกับหมอนั่นก็ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว มันเป็นใครกันล่ะ? ก็แค่ขยะที่แม้แต่จะกินข้าวปกติซักมื้อยังทำไม่ได้!”

“ถึงจะเป็นผู้รอดชีวิตเหมือนกัน แต่ฉันกับมันมันคนละระดับกัน!”

พอความคิดนี้แล่นผ่านเข้ามาในสมอง ซ่งจินเซินก็พ่นลมหายใจออกมาแรงๆ

ถูกต้องแล้ว หลิงม่อแสดงฝีมือได้ร้ายกาจในระดับหนึ่ง แต่เขาไม่มีทางเหมือนเจ้าพวกโง่เง่านั่น ที่หวาดกลัวกับเรื่องเพียงเท่านั้น

และสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้ ก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้หวาดกลัวด้วย

นิพพานสำนักงานใหญ่ ที่แห่งนั้นคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันอันดุเดือด…

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างสมาชิกหรือลำดับขั้นในสำนักงานใหญ่และสาขาย่อย ล้วนมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

ลำดับขั้นของสมาชิกในสาขาย่อยนั้นค่อนข้างต่ำ จะเลื่อนขั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

แต่คนที่สำนักงานใหญ่จะรับนั้น ล้วนเป็นสมาชิกระดับ 5 ขึ้นไปทั้งนั้น ระดับความดีความชอบที่จะทำให้เลื่อนขั้นได้ ก็อยู่ในระดับที่สมาชิกของสาขาย่อยไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ

แต่เมื่อได้เลื่อนขั้นแต่ละขั้น การถูกปฏิบัติที่จะได้รับก็ย่อมแตกต่างกัน

ถึงแม้มักจะมีคนทำตัวเป็นเศษเดนไปวันๆ แต่คนประเภทนี้มักถูกคนอื่นแทนที่ในการแข่งขันอันดุเดือด และมักพบกับจุดจบไม่ดีเสมอ

และคนส่วนมากมักเหมือนซ่งจินเซิน ที่จะไขว่คว้าทุกโอกาสเพื่อปีนป่ายขึ้นไปยังตำแหน่งสูงๆ อย่างรวดเร็ว และจะไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นเหยียบย่ำตัวเองอยู่ใต้เท้าเด็ดขาด

ครั้งนี้ที่เขาพาหมายเลข 1 มาที่เมืองตงหมิง สำหรับซ่งจินเซินที่ไม่ได้สร้างความดีความชอบมานาน ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากมาก

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้หมายเลข 1 จะเคยถูกพาไปมาหลายที่แล้ว แต่มันกลับยังไม่ก้าวข้ามเป็นร่างสมบูรณ์เสียที จนเป็นเหตุให้หลายๆ คนคิดว่านี่เป็นภารกิจที่สิ้นเปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์ แต่ซ่งจินเซินก็ยังต่อสู้จนได้ภารกิจนี้มาในที่สุด

อาจยุ่งยากอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้ไม่มีอันตรายอะไรอยู่แล้ว ก้าวข้ามไม่สำเร็จก็ไม่ถูกลงโทษ แต่หากก้าวข้ามสำเร็จ มันก็จะกลายเป็นผลงานชิ้นใหญ่!

เขาโอบอุ้มความหวังจากการเดิมพันนี้ และพาหมายเลข 1 กับเฉินเล่อมายังสาขาย่อยเมืองตงหมิงที่ซึ่ง “แม้แต่นกยังไม่อยากจะมาอึ (หมายถึงสถานที่รกร้าง ที่วังเวงจนแม้แต่สัตว์ยังไม่อยากเข้ามาอยู่) แต่ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นสนามทดลอง” แห่งนี้

ตอนแรกก็คิดว่า แค่ลองดูคงไม่ถึงขั้นตั้งท้อง (ลองดูคงไม่เสียหาย) ผลปรากฏว่าท้องน่ะไม่ท้อง แต่ตัวทดลองดันมาตายขณะอยู่ในความดูแลเขา!

ตอนที่เขาเห็นศพของหมายเลข 1 ตกอยู่ข้างล่างตึก ซ่งจินเซินถึงกับสติหลุดทันที

นี่มันแกล้งกันชัดๆ!!

เขาควรทำอย่างไรดี!

หลังจากใจเย็นลง ซ่งจินเซิงก็คิดวิธีแก้ไขเพียงหนึ่งเดียวออก : สร้างผลงานทดแทนความผิด

และต้องเป็นผลงานชิ้นใหญ่ด้วย!

ถ้าหากเพียงฆ่าตัวทดลองกับเฉินเล่อ ค่าหัวของหลิงม่อก็จะต่ำกว่านี้มาก

แต่ตอนนี้สาขาย่อยในเมืองตงหมิงแทบจะล่มสลายเพราะเขาเป็นเหตุ ดังนั้นสำนักงานใหญ่ต้องมองเขาต่างออกไปแน่นอน!

ถึงสาขาย่อยในเมืองตงหมิงจะไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ร้ายดีอย่างไรก็เป็นส่วนหนึ่งของนิพพาน!

“ฉันรู้นานแล้วว่ามันไม่ง่าย แต่ว่า ฉันไม่เชื่อว่าใช้ชีวิตมากมายขนาดนี้มาแลกชีวิตแกคนเดียว จะยังล้มเหลวได้ ฉันอยากรู้นักว่าแกจะทนไปได้อีกซักกี่น้ำ!”

เขาคำรามเกรี้ยวกราดอยู่ในใจ แต่ว่าจะทำให้หมอนั่นเผยตัวออกมาได้อย่างไรล่ะ?

เดี๋ยวก่อน!

ซ่งจินเซินกัดบุหรี่แน่น ทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นมาว่า “อย่าหลงกลแผนการก่อกวนอย่างนี้ของมัน มันอดทนได้อีกไม่นานหรอก!”

เขาตะโกน พลางทำสัญญาณมือส่งไปให้คนที่เหลือเงียบๆ

ในคนกลุ่มนี้ก็มี “ตัวสำรองใช้” ที่เขาพามาจากสำนักงานใหญ่ด้วยเหมือนกัน ถึงแม้ก่อนหน้านั้นจะถูกคำพูดของหลิงม่อทำให้สงสัยในตัวเขาเหมือนกับสมาชิกของสาขาย่อย แต่ตอนนี้เมื่อหลิงม่อแสดงให้เห็นพลังที่แกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก เป้าหมายของคนกลุ่มนี้ก็พลันเป็นหนึ่งเดียวกันขึ้นมาทันที

พวกเขาถูกใช้เป็นตัวกันกระสุนไหมไม่รู้ แต่สิ่งสำคัญคือตอนนี้แม้แต่โอกาสเป็นตัวกันกระสุนพวกเขาก็ยังไม่มี!

ผู้มีความสามารถพิเศษด้านศักยภาพร่างกายไม่เข้าใจพลังพิเศษของหลิงม่อ ผู้มีพลังจิตในกลุ่มตัวเองก็ไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับหลิงม่อ ถึงแม้ตอนนี้หลิงม่อจะมีพลังจำกัด แต่ไม่ว่าใครก็กลัวว่ารายต่อไปจะเป็นตัวเอง!

พอเห็นซ่งจินเซินทำสัญญาณมือ ผู้มีความสามารถพิเศษสองคนที่ยืนอยู่ด้วยกันพลันมองตากันเงียบๆ

หนึ่งในนั้นทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานสายตาของเขาก็ฉายแววโหดเหี้ยมขึ้นมา เขาพยักหน้ารับเบาๆ

ชายอีกคนก็ทำสีหน้าเดียวกัน ทั้งสองส่งสายตาให้ซ่งจินเซินพร้อมๆ กัน จากนั้นก็วิ่งพุ่งไปทางมุมเลี้ยวถนนด้วยความเร็วสูง

ซ่งจินเซินพลันหมุนกายหันหน้าไปทางสองคนนั้น สองมือยกขึ้น นึกไม่ถึงว่าเขาจะเล็งปืนไปยังแผ่นหลังของสองคนนั้น

เขาจะทำอะไร?!

เหตุการณ์กะทันหันนี้ ทำเอาคนอื่นตะลึงไปตามๆ กัน!

แต่พวกเขายังไม่ทันทำอะไร ซ่งจินเซินก็ได้ลั่นไกออกไปอย่างไม่ลังเลแล้ว

สองคนนั้นยังคงวิ่งพุ่งไปข้างหน้า ราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

จบกัน…

ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาในสมองของคนว่วนใหญ่ แต่ไม่ช้าพวกเขาก็ค้นพบว่า ถึงแม้มือทั้งสองข้างของซ่งจินเซินจะกระตุกสั่นไม่หยุด แต่เขาก็ไม่เคยหยุดยิง ทว่ากระสุนทุกนัดของเขา กลับไล่ยิงตามหลังของสองคนนั้นอยู่

สะเก็ดไฟผสมกับเศษดินกระเด็นไล่หลังฝีเท้าของสองคนนั้นไปติดๆ แต่กลับไม่ได้สร้างบาดแผลให้สองคนนั้นเลยแม้แต่น้อย

แค่ความแม่นในการยิงก็น่ากลัวมากแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะจับมุมได้ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ สำหรับคนอย่างซ่งจินเซินที่ไม่ได้มีเบื้องหลังเกี่ยวกับการทหาร ก็มีเพียงต้องพึ่งพาความสามารถพิเศษและการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง ถึงจะทำได้ถึงขั้นนี้

เห็นชัดว่าเขาทำอย่างนี้เพื่อห้ามหลิงม่อไม่ให้ยื่นมือเข้ามาขัดขวาง สองคนนั้นจะได้พุ่งไปยังมุมเลี้ยวถนนได้อย่างปลอดภัย

ในเมื่อหลิงม่อไม่ยอมออกมา ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าเพื่อนของเขาซะ!

เหล่าคนที่เพิ่งตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ทำหน้าตะลึงพรึงเพริด พวกเขามัวแต่ระวังหลิงม่อ แต่กลับลืมไปว่ามีวิธีทำให้สถานการณ์พลิกอย่างนี้อยู่ด้วย!

ทันใดนั้น หลายๆ คนพากันวิ่งพุ่งเข้าไปเสริมทัพ สู้หลิงม่อไม่ได้ แล้วยังจะสู้เพื่อนของเขาไม่ได้หรือ?

ถ้าเก่ง ก็คงไม่เอาแต่ซ่อนตัวไม่ยอมออกมาอย่างนี้

ทว่าสองคนนั้นเพิ่งจะวิ่งเลี้ยวเข้าไปหลังกำแพงด้วยความเนื้อเต้น ก็ต้องอึ้งไปทันที

ไม่มีใครอยู่!

หลังกำแพงทางเลี้ยวนี้ ไม่มีใครอยู่เลยซักคน!

มีเพียงเสียงคำรามของซอมบี้และเสียงกรีดร้องของมนุษย์ที่ดังมาจากอีกฝั่งหนึ่งของถนน เสียงเหล่านั้นดังแว่วมาเป็นระยะๆ ฟังดูน่ากลัวมาก นึกภาพออกเลยว่า เหยื่อล่อที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังพวกนั้นกำลังดิ้นรนขนาดไหนเพื่อที่จะเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ทว่า แม้เสียงกรีดร้องเหล่านั้นจะทำให้สองคนนี้ละอายใจ แต่พวกเขากลับพร้อมใจกันนิ่งเฉยและไม่คิดจะยื่นมือเข้าไปช่วย

ทั้งสองคนหันหลังกลับทันที แล้วตะโกนบอกว่า “ไม่เห็นใครเลย เพื่อนของมันไม่ได้อยู่ที่นี่”

ผู้มีความสามารถพิเศษคนเดิมกุมใบหน้าโชกเลือกแล้วตะโกนลั่น “เป็นไปไม่ได้ เมื่อกี้ฉันสัมผัสได้”

“พวกมันหนีไปแล้ว!”

ซ่งจินเซินตั้งสติได้ทันที “ถูกหลอกซะแล้ว เมื่อกี้มันโจมตีเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเรา!”

คราวนี้เขาร้อนรน รีบตะโกนสั่ง “ปล่อยให้พวกมันหนีไปไม่ได้! เวลาสั้นๆ แค่นี้พวกมันหนีไปได้ไม่ไกลแน่ๆ น่าจะยังอยู่แถวๆ นี้ ไปตามหาพวกมันให้เจอ!”

คนอื่นๆ พากันมองหน้ากันอย่างลังเล อันที่จริงในสถานการณ์อย่างนี้ การที่หลิงม่อเป็นฝ่ายหนีไปก่อน กลับทำให้พวกเขาโล่งใจเสียมากกว่า

“มันก็แค่วางมาดใหญ่ให้พวกเรากลัว! ถ้าเก่งจริง จะหนีทำไม! พวกแกอยากจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนแมลง ที่ผ่านไปหลายเดือนก็ยังไม่ได้อาบน้ำซักครั้งจริงๆ ใช่ไหม?” ซ่งจินเซินคำรามเดือด

นี่มันเวลาไหนแล้ว คนพวกนี้ยังจะทำตัวขลาดเขลาอีก!

“มีเหตุผลนะ…”

“ไปตามหากันเถอะ”

“เออ มีปัญญาจริงคงไม่หนีหรอก”

คนพวกนี้ไขว้เขวอีกแล้ว หลังจากพึมพำอย่างลังเลอยู่ไม่นาน พวกเขาก็รีบแยกย้ายกันออกไปตามหา

หากจะตามหาคน ก็ต้องแยกย้ายออกไปคนละทางเพื่อค้นหาอย่างละเอียด ในเมื่ออีกฝ่ายคิดหนี ก็เท่ากับว่ามีความเสี่ยงน้อยลงมาก

ผู้มีความสามารถพิเศษคนนั้นมองซ้ายมองขวา แล้วเขาก็เลือกเส้นทางที่ดูค่อนข้างกว้าง จากนั้นก็เดินเข้าไปช้าๆ

เวลาอย่างนี้นอกจากต้องสัมผัสรู้ถึงตำแหน่งพวกหลิงม่อแล้ว ก็ต้องระวังซอมบี้ด้วย

“นึกว่าเกือบจะถูกมันฆ่าตายซะแล้ว ที่แท้ก็แค่วางมาดเท่านั้น…” ผู้มีความสามารถพิเศษคนนี้ยกมือกุมแก้มไว้ หางตาเขากระตุกเป็นครั้งคราวเพราะความเจ็บ

“รอให้โผล่หัวออกมาก่อนเถอะ ฉันจะฉีกหนังหน้าแกออกมาทั้งเป็นซะ”

เขาคิดอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลังจิตของเขาพลันแผ่ออกไปยังสองข้างทาง เพื่อค้นหาดูอย่างละเอียด

ถึงแม้หลิงม่อจะรอดพ้นจากการค้นหาของเขา แต่เพื่อนของหลิงม่อไม่มีปัญญาทำอย่างนั้นได้แน่…

—————————————————————————–