บทที่ 64 การแสดงที่ดี

หมอผีแม่ลูกติด

บทที่ 64

การแสดงที่ดี

“ที่แท้เจ้าก็ชื่อชวี่เอ๋อนี่เอง ข้าจะจำเอาไว้ก็แล้วกัน เจ้าออกไปได้แล้วล่ะ” หลินซีเหยียนยิ้มและให้ชวี่เอ๋อออกไป

หลังจากที่ชวี่เอ๋อออกไป หลินซีเหยียนก็ได้แอบพูดกับ จิ่งชุน “อย่าแตะต้องอาหารที่ชวี่เอ๋อจัดการเด็ดขาด แค่เอามาให้ข้าก็พอ”

จิ่งชุนที่พบว่าคุณหนูพูดเช่นนี้ ก็เข้าใจได้ว่ามีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับชวี่เอ๋อแน่ๆ แล้วจึงได้ตอบไปว่าจะระวังเอาไว้

หลังจากที่บอกกล่าวทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว หลินซีเหยียนก็ได้ไปที่โรงหมอหุยชุน ส่วนเทียนเอ๋อก็ไปที่โรงเตี๊ยมซื่อฟาง แล้วหลินซีเหยียนก็พบกับคนที่นางรู้จักเข้า

“ที่แท้พระชายาก็เป็นเถ้าแก่ของที่นี่นี่เอง!” สวี่เฉินจู๋กล่าวอย่างตกใจ

หลินซีเหยียนเองก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับสวี่เฉินจู๋เข้าที่นี่ นางจึงได้ถามกลับไป “แล้วท่านหมอสวี่มาทำอะไรที่ โรงหมอหุยซุน มีธุระอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่ทราบว่าองค์หญิงยังรับคนเพิ่มอยู่หรือไม่? ข้าอยากที่จะมาเป็นหมอที่นี่น่ะ” สวี่เฉินจู๋ยิ้มขึ้นมาหน่อย ท่าทีของเขานั้นไม่ทั้งถ่อมตัวและอวดดีเกินไป ราวกับว่าเป็นต้นไผ่ที่ลู่ไปตามลมแรงได้

“เถ้าแก่เจ้าคะ ข้าได้ยินมาว่าท่านหมอสวี่นั้นมาที่นี่เพราะเขานั้นไม่สามารถอยู่ที่ร้านยาต่อได้ จึงได้มาที่นี่เจ้าค่ะ” สาวใช้ในโรงหมอหุยซุนก็ได้แอบมากระซิบอยู่ข้างหูของหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนจึงได้ยักคิ้ว “ทำไมท่านหมอสวี่ถึงได้อยากมาทำที่ร้านเล็กๆของเราอย่างโรงหมอหุยซุนล่ะ?”

สวี่เฉินจู๋ก็ดูเหมือนจะคาดไว้แล้วว่าเขาจะต้องถูกถามเช่นนี้นานแล้ว เขาจึงได้ตอบกลับทันที “เพราะที่เก่ามีคนอยู่มากเกินไป ข้าจึงได้ถูกไล่ออกมาเพราะหาว่ามือกับเท้าของข้าสกปรก ข้าจึงเกรงว่านอกจากโรงหมอหุยชุนแล้วคงไม่มีที่ไหนรับข้าอีกแล้ว”

หลินซีเหยียนจึงผงกหัว หลังจากที่อยู่ด้วยกันไม่กี่วันในชิงโจว หลินซีเหยียนก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่ใช่คนเช่นนั้นแน่ ดังนั้นนางจึงได้ให้สวี่เฉินจู๋ทำงานร่วมกันกับหมอจง

เพราะโรงหมอหุยชุนนั้นคอยรักษาผู้ป่วยไม่ว่าจะยากดีมีจน และราคาก็มิตรภาพ จึงได้มีลูกค้าเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในขณะที่หลินซีเหยียนอยู่ในห้องใต้หลังคาเพื่อคิดบัญชีอยู่นั้น นางก็ได้รับจดหมายมาจากสำนักหมอผี

“เสี่ยวเหยียนเอ๋อ ถ้าเจ้ายังไม่ไปที่นั่นอีก กว๋อกงจิ่งหยางคงได้คิดพังหอคว้าจันทร์ของข้าแน่”

จากข้อความที่ส่งมา ทำให้หลินซีเหยียนเข้าใจได้ว่าหลงเยว่นั้นร้อนรนแค่ไหน หลินซีเหยียนจึงได้เผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมา แล้วจากนั้นก็เขียนจดหมายตอบกลับไป “แล้ว กว๋อกงจิ่งหยางนำเงินมาให้ 1,000 ตำลึงทองแล้วหรือยัง?”

ถ้าไม่เตรียมเงินมาให้ ก็อย่างหวังจะให้หลินซีเหยียนไปรักษาเฮอเหวินจางเลย หลังจากที่หลินซีเหยียนตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว นางก็ได้ทำการคิดบัญชีต่อแต่พอนางได้เหลือบไปมองที่หน้าต่าง นางก็พบพ่อแสนเลวของนางเข้า มหาเสนาบดีหลิน

“เขามาทำอะไรที่นี่กันนะ?” หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางและแอบตัดสินใจตามไปสืบดู

เมื่อหลินซินเหยียนได้แอบตามมหาเสนาบดีหลินจนมาถึงเรือนเล็กๆที่ไม่มีใครสนใจแห่งหนึ่ง เขาก็ได้เคาะประตูแล้วจากนั้นก็มีเสียงคนดังมาจากในเรือนแห่งนั้น หลังจากนั้นสักพัก ก็ได้มีหญิงสาวที่ออกขี้อายและหน้าตาดีอยู่คนหนึ่งเปิดประตูออกมา

มหาเสนาบดีหลินก็ได้แอบเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นเช่นนี้หลินซีเหยียนจึงได้เรียกชิงอวี่ให้ออกมาจากความมืด แล้วจากนั้นชิงอวี่ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าของหลินซีเหยียน

หลินซีเหยียนจึงได้เผยรอยยิ้มออกมาแล้วกล่าว “พาข้าเข้าไปข้างในที

ชิงอวี่ก็ได้ผงกหัวแล้วจากนั้นก็พาหลินซีเหยียนเหาะเข้าไปในเรือนนั้น หลินซีเหยียนมองดูรอบๆแล้วก็ผงกหัว ถึงแม้ว่าเรือนนี้จะเล็กแต่ก็หรูหรามาก

หลินซีเหยียนไม่ได้วางแผนจะอยู่นานนัก จึงได้แอบไปที่หน้าต่างเงียบๆแล้วเงี่ยหูฟังเสียงด้านใน แล้วนางก็ได้ยินเสียงแปลกๆดังออกมาเป็นช่วงๆ หลินซีเหยียนก็คิ้วขมวดและเจาะรูที่หน้าต่าง

แล้วนางก็ได้เห็นภาพลอบเล่นชู้กันเกิดขึ้น นางพบว่ามหาเสนาบดีหลินนั้นกำลังขย่มขึ้นลงกับผู้หญิงที่ไม่รู้ที่มา ดูเหมือนว่าเขาจะนอกใจภรรยาตัวเองเสียแล้ว ถ้าเกิดนางปล่อยให้ฮูหยินอวี้รู้เรื่องนี้เข้า คงจะได้มีอะไรดีๆให้ชมแน่ๆ

ในขณะที่หลินซีเหยียนกำลังคิดที่จะกลับออกไปนั้นเอง นางก็ได้ยินเสียงของผู้ดังออกมาจากในห้อง “นายท่าน เมื่อไรนายท่านจะแต่งกับข้าล่ะเจ้าคะ?”

“ไม่ต้องกังวลไปนะอินเอ๋อ อีกไม่นานนี้แหละ” มหาเสนาบดีหลินตอบกลับไปพอเป็นพิธี

แล้วหญิงสาวที่ชื่อว่าอินเอ๋อนั้นก็ได้เผยแววตาคำนวณออกมาจากในดวงตาของนาง แต่ต่อหน้ามหาเสนาบดีหลินแล้ว นางจำต้องทำตัวเหนียมอายเข้าไว้ หลินซีเหยียนจึงได้ขมวดคิ้วขึ้นมาและถอนหายใจในใจ หญิงสาวคนนี้ร้ายกาจมาก ถ้าเกิดว่าได้นางเข้ามาในจวนมหาเสนาบดีเมื่อไร ฮูหยินอวี้คงได้เจองานหนักแน่ๆ

ไม่อยากที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว หลินซีเหยียนจึงได้ขอให้ชิงอวี่พานางกลับไป ซึ่งนางก็ได้แอบมีความคิดดีๆขึ้นมาหน่อยๆแล้ว

หนึ่งไปสองมา เวลาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว 7วันก็ได้ผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากที่จะไม่มีใครมาสร้างปัญหาให้นางเลยในช่วง 7 วันมานี้ ทำให้ชีวิตของหลินซีเหยียนเป็นไปอย่างง่ายดายมาก

ซึ่งในช่วงที่ผ่านมานี้ หลินซีเหยียนก็ได้ยินมาว่าฮูหยินอวี้นั้นป่วย ถึงแม้นางจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ แต่นางกลับคิดว่ากรรมตามสนองฮูหยินอวี้แล้วในใจของนาง

ในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ในขณะที่หลินซีเหยียนได้กลับมาที่จวนมหาเสนาบดี นางก็ไปพบกับหลินเฉิงอวี้เข้า หลินซีเหยียนนั้นไม่อยากที่จะคุยกับเขา แต่หลินเฉิงอวี้กลับรุดมาหาแล้วดุด่านาง

“หลินซีเหยียน เป็นผู้หญิงของบ้านนี้แท้ๆ แต่กลับออกไปนอกโชว์หน้าโชว์ตาตลอดทั้งวัน ช่างไม่รักนวลสงวนตัวอะไรอย่างนี้” หลินเฉิงอวี้ที่เหมือนกับตัวเองทำดีแล้วก็ได้พูดดุด่า หลินซีเหยียนอย่างไม่ปรานี

หลินซีเหยียนเองก็โมโหขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจึงได้เตะเขากระเด็นออกไป แล้วจากนั้นนางก็พบผู้คนมากมายจากเรือนหลักที่มองดูพวกนางด้วยความตกใจ

นางจึงได้ยิ้มแล้วกล่าว “ดูเหมือนบ้านมหาเสนาบดีในวันนี้ดูครึกครื้นจะเลยนะ?”

หลินหัวเยว่ก็ได้เดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับหัวเราะคิกคัก “คนเหล่านี้คือเพื่อนที่สนิทกับข้าน่ะ ข้าได้เชิญพวกนางมาในวันนี้เพราะข้าอยากที่จะให้น้องสาวของข้าได้ทำความรู้จักและเป็นเพื่อนกันในอนาคต”

หลินซีเหยียนเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่านางจะเป็นคนที่ใจดีเช่นนั้น นางจึงได้เดินเข้าไปหา “ขอบคุณสำหรับความใจดีของเจ้า แต่จงจำไว้ด้วยว่าข้าไม่เคยมีพี่สาว”

หลินหัวเยว่ที่เหมือนอยากจะพูดอะไรต่อก็ได้หยุดปากทันที ซึ่งเหล่าเพื่อนของนางก็ได้โกรธมากเมื่อนางเห็น หลินซีเหยียนทำร้ายน้องชายตัวเองและต่อว่าพี่สาวตัวเองเช่นนี้

“หลินซีเหยียน เป็นที่รู้กันดีว่าฮูหยินอวี้นั้นเป็นภรรยาของมหาเสนาบดีหลินและนางเองก็เป็นนายหญิงของบ้านนี้ ทำไมเจ้าถึงได้ทำตัวหยาบคายเช่นนี้?” หลี่ช่างหรูบุตรีของหลี่ช่างชูพูดออกมาอย่างโมโห และผู้คนรอบๆต่างก็พูดเช่นเดียวกัน

หลินซีเหยียนจึงได้มองไปรอบๆด้วยสายตาเย็นชา และเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา

ในชั่วขณะหนึ่งผู้คนรอบๆก็รู้สึกกลัวขึ้นมา แต่เพราะว่ามีคนอยู่เป็นจำนวนมากกว่าพวกเขาจึงได้รู้สึกกล้าขึ้นมา “อย่ามามองข้าเช่นนี้นะ ข้าพูดถูกใช่ไหมล่ะ?”

หลินซีเหยียนจึงได้ตอบอย่างดูถูก “มหาเสนาบดีหลินได้บอกเอาไว้ว่าจะมีกันแค่สองคนไปตลอดชีวิตในตอนที่เขาแต่งกับท่านแม่ของข้า ดังนั้นจึงไม่มีทั้งนายหญิงหรือนางสนมในบ้านหลังนี้”

หลี่ช่างหรูก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเพราะทุกคนเองต่างก็รู้เรื่องที่หลินซีเหยียนพูดดี

หลินหัวเยว่ก็ได้มีสายตาที่ดำมืดปรากฏอยู่ในดวงตาของนาง และน้ำเสียงของนางก็ได้แสดงถึงความบอบบางของนาง “ซีเหยียน เรื่องนั้นมันเป็นนายหญิงเยี่ยที่เห็นด้วยที่จะให้แต่งกับท่านแม่ของข้าเองนะ”

“นั่นเป็นเพราะฮูหยินอวี้ท้องก่อนแต่งต่างหาก แล้วนางก็ได้ใช้ลูกในท้องของนางเป็นข้ออ้าง แล้วท่านแม่ของข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?” หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่หลินหัวเยว่อย่างประชดประชัน

หลินหัวเยว่ก็ได้กัดริมฝีปากอย่างไม่พอใจ “ต่อให้เจ้าจะเกลียดพวกเรามากเพียงใด เจ้าก็ไม่ควรวางยาพิษใส่ท่านแม่ของข้านะ?”

คำพูดนี้ทำให้ทุกคนถึงกับอึ้ง ซึ่งหลินซีเหยียนเองก็ตกใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และจากนั้นนางก็เข้าใจว่าหลินหัวเยว่นั้นตั้งใจจะทำอะไร?

“หลินซีเหยียน ทำไมเจ้าถึงได้เลวร้ายเช่นนี้ นี่เจ้ากล้าลงมือวางยาพิษกับแม่เลี้ยงของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?” หลี่ช่างหรูก็ได้มองไปที่หลินซีเหยียนด้วยสายตาดูถูก

หลินซีเหยียนก็ได้มองไปที่หลินหัวเยว่แล้วกล่าว “ข้ายังไม่เคยได้พบกับฮูหยินอวี้เลย แล้วข้าจะไปวางยานางได้อย่างไร?”