ตอนที่ 97 คำสั่งสังหาร! + ตอนที่ 98 รัตติกาลสีเลือด!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 97 คำสั่งสังหาร! + ตอนที่ 98 รัตติกาลสีเลือด! Ink Stone_Romance

ตอนที่ 97 คำสั่งสังหาร!

แต่ขณะที่พวกเขามาถึงด้านนอก เมื่อท่านผู้นำตระกูลสวี่เห็นเหตุการณ์ กลับแทบจะเป็นลมล้มไป

จวนตระกูลสวี่อันใหญ่โตโอ่อ่า มีองครักษ์อยู่อย่างต่ำร้อยกว่าคน ทว่าตอนนี้คนพวกนี้แต่ละคนต่างล้มอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย เหลือเพียงผู้อาวุโสสองท่านและหัวหน้ากองระดับปรมาจารย์นักรบในจวนตระกูลสวี่อีกสี่ท่าน

และบนกำแพงประตูนั้น เงาร่างสีแดงมองลงมาเบื้องล่างจากบนที่สูง ชุดสีแดงทรงเสน่ห์ราวเปลวไฟโหมพลิ้วไหวอยู่ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืน หน้ากากลายดอกลำโพงสีทองยิ่งดูลึกลับและแปลกตาภายใต้เปลวเพลิงส่องสว่างไสว

ทว่า เมื่อเห็นหน้ากากสีทองลายดอกลำโพงบนใบหน้านาง รวมถึงชุดสีแดงบนร่าง ท่านผู้นำตระกูลสวี่กลับมีสีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย “เจ้า เจ้าคือภูตหมอ!”

ภูตหมอ!

บุคคลลึกลับที่ทุกคนต่างยำเกรง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาเป็นชายหรือหญิง กลับรู้ว่าเขามักจะสวมชุดสีแดงดูเปิดเผยร้ายกาจ อีกทั้งยังสวมหน้ากากสีทองที่มีดอกลำโพงเบ่งบานอยู่!

คนของตระกูลใหญ่ทั้งหลายในเมืองอวิ๋นเยวี่ยต้องการจะขอพบเขา ก็ถูกปฏิเสธ!

เจ้าเมืองอวิ๋นเยวี่ยอยากพบเขา ก็ถูกปฏิเสธมาเช่นกัน!

กองกำลังตลาดมืดที่กระจายอยู่ตามแต่ละแว่นแคว้นต่างให้ความเคารพยิ่งนัก จึงมองเขาเป็นเช่นแขกผู้สูงศักดิ์!

เล่าลือกันว่าเขามีฝีมือการรักษาที่ฟื้นชีวิตคนตายได้!

ลือกันว่ายาขวดหนึ่งของเขาทำให้พละกำลังของนักรบท่านหนึ่งเพิ่มขึ้นมาได้ชั่วขณะ!

ลือกันว่า…

ลือกันไปมากมาย แต่ว่า คนที่อยู่เพียงในคำเล่าขานสำหรับพวกเขา วันนี้กลับมาเยือนถึงบ้านตระกูลสวี่ ซ้ำยังมาปรากฎตัวที่นี่ด้วยวิธีการเช่นนี้อีก จะไม่ทำให้เขาหวั่นใจไปพักหนึ่งได้เช่นไร…

เขาเป็นผู้ที่กองกำลังตลาดมืดต่างต้องคอยปกป้อง หากกองกำลังนั้นรู้เข้า ตระกูลสวี่ก็ไม่มีที่ตั้งหลักปักฐานในเมืองอวิ๋นเยวี่ยแน่แล้ว!

ทว่า ขณะที่ความสั่นเครือแวบผ่านในหัวใจ ความคิดอันบ้าคลั่งก็ท่วมท้นขึ้นตามมา

ฆ่านางซะ! ขอแค่นางตาย คนของกองกำลังตลาดมืดก็จะไม่รู้ว่าเขาเคยทำอะไรนาง! ขอเพียงนางตาย ตระกูลสวี่ก็ไม่ต้องกังวลใจว่าจะถูกกองกำลังตลาดมืดตามแก้แค้น!

“ฆ่านางซะ! ฆ่านางให้ข้าเสีย!”

ทันทีที่เขาคืนสติ ก็ตะโกนร้องลั่น นิ้วมือชี้ไปยังเงาร่างสีแดงที่ยืนอยู่บนที่สูง น้ำเสียงทั้งดุร้ายและเต็มไปด้วยความอาฆาตที่บ้าระห่ำ

“จะให้นางมีชีวิตรอดออกจากที่นี่ไปไม่ได้แน่!”

ชายชราชุดเทาข้างกายขมวดคิ้วกวาดมองท่านผู้นำตระกูลสวี่ จากนั้นจึงละสายตาออก ขณะที่จับจ้องไปบนเงาร่างสีแดงนั้น ในแววตาก็มีประกายความตื่นเต้นและเฝ้ารอโลดแล่นอยู่

“ไม่ได้! กระผมต้องการนางแบบเป็นๆ!”

ผู้อาวุโสสองท่านเร่งฝีเท้ามาข้างกายท่านผู้นำตระกูล เสื้อคลุมบนตัวพวกเขาถูกไฟเผาไปบ้าง เพราะหนีออกมาจากกองเพลิง เส้นผมยุ่งเหยิง ใบหน้าเปรอะเปื้อน เวลานี้ทั่วทั้งตัวดูแล้วน่าขายหน้าอยู่เล็กน้อย

“ท่านผู้นำตระกูล ในเปลวเพลิงมียาหลงพราย! คนด้านในจวนที่ระดับต่ำกว่าปรมาจารย์นักรบล้วนหมดสติไปแล้วขอรับ!”

“ฆ่า นาง ซะ!”

ท่านผู้นำตระกูลสวี่กล่าวทีละคำๆ ด้วยน้ำเสียงหมนหมอง ตะโกนสั่งให้ปรมาจารย์นักรบทั้งสี่ท่านร่วมกันสังหารเงาร่างสีแดงนั้น ขณะเดียวกันแววตาก็กวาดมองที่ชายชราชุดเทาข้างกาย ก่อนจะตั้งคำถามด้วยความโมโหโกรธาและเสียสติเล็กน้อย

“ท่านบอกว่านางไม่อาจก้าวออกจากค่ายกลกระบี่ได้ไม่ใช่หรือ?”

“ท่านบอกว่าพอนางเข้ามาจะต้องรับรู้ได้ไม่ใช่หรือ?”

“นางวางเพลิงทำลายจวนตระกูลสวี่ข้าที่ลงรากปักฐานกันมาเป็นร้อยปี! วันนี้หากไม่เด็ดหัวนางร่วงพื้นและใช้เลือดล้างจวนตระกูลสวี่ ข้าสาบานว่าจะไม่หยุด! อั่ก!”

เมื่อสิ้นสุดคำพูด เขาก็กระอักเลือดออกมาทันใด ทั้งร่างถูกหมัดโจมตีกระเด็นออกไปชนเข้ามุมกำแพงอย่างรุนแรง กลิ้งร่วงลงพื้นหล่นลงในกองเพลิง ถึงกับไม่ทันได้กู่ร้อง ก็ได้ยินเสียงครืนดังลั่น ทั้งผืนกำแพงล่มทลายลง กลบฝังท่านผู้นำตระกูลสวี่ไว้ด้านใน

“ท่านผู้นำตระกูล!”

…………………………………………………….

ตอนที่ 98 รัตติกาลสีเลือด!

ผู้อาวุโสสองท่านกู่ร้องเสียงหลง หัวหน้าระดับปรมาจารย์นักรบทั้งสี่ก็เปลี่ยนสีหน้ายกใหญ่ สายตาหวาดกลัวมองไปยังชายชราชุดเทาผู้นั้นที่ลงมืออย่างกะทันหัน

ทว่าชายชรากลับหรี่สายตาลงน้อยๆ กลิ่นอายกระหายเลือดดุร้ายเอ่อล้นอยู่ทั่วร่าง น้ำเสียงปรามาสเยือกเย็นดังออกมาจากปากอย่างเนิบๆ

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ถึงกล้ามาย้อนถามข้า?”

แววตาอำมหิตกราดมอง ทำให้ผู้อาวุโสสองท่านข้างกายใจสั่นสะท้านขึ้นมาทันใด ก่อนจะเผลอถอยหลังไปสองก้าวอย่างไม่รู้ตัว

หมัดเดียว!

หมัดเดียวก็สังหารท่านผู้นำตระกูลที่มีพละกำลังระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้แล้วรึ? เพียงหมัดเดียวก็ทำให้ผู้นำตระกูลพวกเขาต้องจบชีวิตลงในเงื้อมมืออย่างไม่มีแม้แต่โอกาสจะยืนขึ้นมาด้วยซ้ำ!

ในกองเพลิงโหมกระหน่ำ ใต้กองหินผุพังนั้น ท่านผู้นำแห่งบ้านตระกูลสวี่ที่ก่อตั้งมาเป็นร้อยปี ก็หมดลมหายใจไปอย่างสิ้นท่าและคาดไม่ถึงเช่นนี้…

เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่บนที่สูง เรียวคิ้วภายใต้หน้ากากยกขึ้นน้อยๆ นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ

สองคนนี้เป็นพวกเดียวกันไม่ใช่หรือ? นึกไม่ถึงว่าจะลงมือฆ่าท่านผู้นำตระกูลสวี่ไปเสียแล้ว?

สังหารในหมัดเดียว…

สายตาเธอจับจ้องไปบนร่างชายชราชุดเทา เห็นกลิ่นอายพลังเร้นลับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าผสานกันอยู่บนฝ่ามือ

มหาปรมาจารย์นักรบ!

พละกำลังของชายชราชุดเทาผู้นี้อยู่ในระดับมหาปรมาจารย์นักรบที่เหนือชั้นกว่าระดับปรมาจารย์นักรบทั่วไปเสียอีก! ซ้ำยังกำราบปรมาจารย์นักรบขั้นสูงสุดได้ในหมัดเดียว พลังแท้จริงจึงสูงกว่าผู้นำตระกูลสวี่อยู่มากเป็นธรรมดา

แต่ว่า มหาปรมาจารย์นักรบ…

เธอในตอนนี้ จะจัดการคนระดับเช่นผู้นำตระกูลสวี่ท่านนั้นก็ไม่มีปัญหา แต่การต่อกรกับมหาปรมาจารย์นักรบ หนำซ้ำเหมือนจะเป็นมหาปรมาจารย์นักรบที่มีพละกำลังมากกว่าพลังเร้นลับขั้นเริ่มต้น เห็นได้ชัด ว่าต่อให้เธอมีสองคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายอยู่ดี

“ไปซะ จับนางมาให้ข้า จำไว้ ว่าข้าต้องการแบบเป็นๆ”

ชายชราชุดเทายืนนิ่งไม่ไหวติง สองมือประสานเก็บไว้ในแขนเสื้อ ยืนอยู่ด้านล่างเงียบๆ เช่นนั้น พลางมองเงาร่างสีแดงแพรวพราวร้ายกาจด้วยแววตาที่มีความตื่นเต้นและเฝ้ารอ แววตานั้น น่าแปลกเสียจนรู้สึกขนพองสยองเกล้า

“ขอรับ ขอรับ”

ไม่ว่าจะเป็นท่านผู้อาวุโสทั้งสอง หรือหัวหน้ากองระดับปรมาจารย์ แม้จะเห็นท่านผู้นำตระกูลถูกเขาฆ่าตาย ก็ไม่กล้าทวงแค้น เพราะรู้ดีอยู่ลึกๆ ว่าพลังแท้จริงของอีกฝ่ายเหนือชั้นไปไกลนัก หากไม่เชื่อฟัง ที่ต้องตายเป็นรายต่อไปก็คือพวกเขา!

เมื่อเห็นพวกเขาที่ล้อมโจมตีมาหาเธอ ดวงตาก็เป็นประกายน้อยๆ ดึงมีดสั้นออกมาพลิกจับไว้ในมือ เรียกพลังขึ้นกระโดดลงบนหลังคาบริเวณไม่ไกล

คนพวกนั้นเร่งตามกันมา ไร้อาวุธในมือ คล้ายว่าเพราะเกรงกลัวชายชราท่านนั้น จึงไม่กล้าใช้อาวุธกับเธอ แต่กลับไม่รู้เลย ว่านี่เป็นโอกาสให้เธอปลิดชีวิตพวกเขาได้ง่ายดายยิ่งขึ้น

“จะหนีไปไหน!”

ผู้อาวุโสท่านหนึ่งตะคอกมา ยื่นมือคว้าไปที่หัวไหล่เฟิ่งจิ่ว กลิ่นอายพลังเร้นลับที่พรั่งพรู และแรงกดดันของปรมาจารย์นักรบต่างจู่โจมออกมาพร้อมๆ กันในเวลานี้ เดิมคิดว่าหลังจากทำให้นางตกตะลึง จะลงมือจับกุมได้ง่ายขึ้น นึกไม่ถึงว่ามือกลับถูกพลิกจับหักบิดไปด้านหลัง ท่วงท่ากายราวกับภูตผี อีกทั้งท่ามือแปลกตาพิกล ทำให้เขาตกอยู่ในเงื้อมมือนางอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง

ในสถานการณ์ที่ยังไม่ทันได้ถอยออก มีดสั้นเย็นเยียบก็จี้อยู่บนลำคอเขาอย่างง่ายดาย

เมื่อคนอื่นๆ เห็น หัวใจก็หยุดนิ่งลงเล็กน้อยด้วยความตกใจและเหลือเชื่อ พวกเขาต่างรู้ถึงพลังแท้จริงของผู้อาวุโสสาม ทว่าตอนนี้ กลับถูกนางพลิกจับไว้อย่างง่ายดายเสียแล้ว? ซ้ำยังตกอยู่ในเงื้องมือนาง จะเป็นหรือตายอยู่ที่นางตัดสิน?

“อย่า อย่าฆ่าข้าเลย…”

ผู้อาวุโสสามเสียขวัญอยู่บ้าง ไม่กล้าเชื่อว่าเพียงในชั่วพริบตา ภาพเช่นนี้ที่อยู่ในจินตนาการก็เกิดขึ้น แต่คนที่ถูกจับกุมไว้เป็นเบี้ยล่างกลับกลายเป็นเขา

“สายไปแล้ว”

เฟิ่งจิ่วเอ่ยเสียงเย็น พอดึงลากมีดสั้นในมือ ก็เห็นเลือดสดทะลักออกมาจากปากแผลปาดลึกบริเวณลำคอ

…………………………………………………….