บทที่ 57 คุยเล่นไม่เป็น[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 57 คุยเล่นไม่เป็น[รีไรท์]

คงซาง!

ถ้าหากว่าอยู่ ๆ ได้ยินสองคำนี้ ทุกคนจะคิดไม่ถึงเลยว่ามันเกี่ยวข้องกับเหล้า และยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่านี่คือชื่อร้าน ผับกว้าง 20 ตารางเมตรที่นี่เรียกว่า คงซาง โต๊ะเก้าอี้ด้านในล้วนทำมาจากต้นไม้มัลเบอร์รี่และมีรูปร่างลักษณะไม่เหมือนใคร

และที่นี่ขายเพียงแค่เหล้าชนิดเดียวคือ เหล้าคงซาง! เจ้าของที่นี่ คือ คนที่เกิดในเมืองหนานเหอ อำเภอหยางลั่ว ที่นั่นมีสถานที่ที่เรียกว่าคงซางเจี้ยน มันเต็มไปด้วยต้นมัลเบอร์รี่และเหล้าคงซางก็ทำมาจากผลมัลเบอร์รี่

เหล้าคงซางของที่นี่ มีเจ้าของกลั่นเหล้าด้วยตัวเองและวิธีการกลั่นเหล้านั้นพิถีพิถันเป็นอย่างมาก กระบวนการทำมี 3 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่หนึ่งคือการดองเหล้าให้หอม

ขั้นตอนที่สอง เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น เหล้าขาวจะเฝื่อนต้องใส่ส่วนผสมช่วยให้กลิ่นให้เข้มข้น

ขั้นตอนที่สาม ยามเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ให้ผสมธัญพืช ให้กลิ่นเหล้าคงอยู่นาน ๆ

เล่ากันว่า มีบางครั้งที่เจ้าของดองเหล้าคงซาง 500 ไห เพียงเพราะตอนที่ใส่ไหเหล้ามีกากใบมัลเบอร์รี่ปนลงไป เขาเลยเอาเหล้าทั้งหมดเททิ้ง

และเพราะว่า เหล้าคงซางในเมืองกู่เจียง มีชื่อเสียงมากเป็นที่ชื่นชอบของคนใหญ่คนโต ในตอนกลางคืน ผับคงซางเลยมีลูกค้าทยอยกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย

“พี่เฉิน เดิมทีฉันคิดว่า พี่เป็นชาวบ้านที่ไม่มีการศึกษาจะไปรู้จักร้านเหล้าดี ๆ ได้ยังไง คิดไม่ถึงว่าพี่จะเสพสุขเป็นกับเขาด้วยที่นี่ไม่เลวเลยหลังจากนี้ คงต้องมาบ่อย ๆ ซะแล้ว”

ทุกคนเข้าไปในห้องส่วนตัวที่หรูหราของผับ ชุดเครื่องใช้ในการดื่มข้างในห้องล้วนทำมาจากต้นมัลเบอร์รี่ บรรยากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าคงซางที่เข้มข้นและหอมหวาน

ซูฟานลูบหน้าและมองไปมารอบข้างอย่างสนใจ

“ก็แค่เคยมาร่วมงานที่นี่” เฉินฮั่นหลงเริ่มโกรธอีกครั้ง ซูฟานคนนี้รสนิยมต่างกับเขามาก แถมมันยังคุยไม่ค่อยเป็นเอาซะเลย

“ลูกพี่ เดี๋ยวพวกเรามาแข่งกันดื่มเหล้ากัน แต่ขอพูดไว้ก่อนนะว่า ห้ามใช้พลังสลายเหล้าออกจากร่างกายนะ” ซูฟานพูดเสียงดังลั่น

ฉู่ชวิ๋นก็เห็นด้วยและพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการเล่นที่ไม่เลว เขาไม่ได้ดื่มเหล้าที่โลกนี้มา 3000 ปีแล้ว

“ไอ้คนไม่รู้เรื่อง” เฉินฮั่นหลงพูดด้วยท่าทางไม่พอใจ “เหล้าคงซางนี้หมักไม่ได้ง่าย ๆ ผลมัลเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่เก็บได้ตามฤดูกาล เพราะงั้นเหล้าคงซางจึงไม่สามารถผลิตจำนวนมากได้ ทุกคนที่เข้ามาในร้านดื่มได้แค่เพียงในปริมาณหนึ่งร้อยกรัมต่อคนเท่านั้น”

“หนึ่งร้อยกรัม?” ซูฟานโห่ร้อง “หนึ่งร้อยกรัมจะพออะไร? ยังไม่ลงถึงกระเพาะเลย เกรงว่าจะถูกลำไส้ดึงดูดซึมซับก่อนแล้ว”

“กฎของที่นี่ก็เป็นแบบนี้ละ” เฉินฮั่นหลงพูดจบก็มีพนักงานผู้หญิงคนหนึ่งที่รูปร่างหน้าตาดีถือถาดเหล้าเข้ามาพอดี

กาเหล้าเล็กทั้งห้าใบมีความละมุนละไมเหมาะกับเหล้าจริงๆ ซูฟานก็ถือกาเหล้าเล็ก ๆ มาอย่างกระวีกระวาดร้อนใจและยกดื่มกรอกเข้าไปในปาก

“คุณผู้ชายคะ กลิ่นของเหล้าคงซางหอมหวาน แต่ก็เป็นเหล้าที่แรงไม่น้อยดื่มแบบนี้คุณชายจะเมาได้ง่าย ๆ นะคะ” พนักงานเตือนเขาอย่างหวังดี

กาเหล้ามีเพียงแค่เหล้าคงซางหนึ่งร้อยกรัม เหล้าเข้าไปในกระเพาะซูฟานทันทีทันใด เขาได้ลิ้มชิมรสชาติก็ดึงพนักงานและพูดว่า “นี่ เอาเหล้านี้มาให้ฉันอีก 100 ชุด ฉันจะให้ราคา 3 เท่า”

พนักงานตอบกลับอย่างมีมารยาท “คุณผู้ชายคะ ทุก ๆ คนดื่มได้แค่ 100 กรัม นี่คือกฎของเจ้าของที่ตั้งไว้อยู่แล้ว ใครก็ไม่สามารถทำลายฝืนกฎได้”

“ราคา 5 เท่า!” ซูฟานพูด

พนักงานส่ายหน้า

“10 เท่า!”

พนักงานยังยิ้มอยู่และส่ายหน้า

ซูฟานอดไม่ได้ที่จะโมโหและลุกขึ้นมาพูด “ฉันว่าหัวหน้าของพวกเธอมีปัญหาแล้วละ? มีเงินก็ไม่เอากำไรล้วน ๆ เลยนะ แถมลูกค้าจะดื่มก็ไม่ให้ดื่มแล้วจะเปิดผับทำซากอะไร ฉันว่า……”

เสียงของซูฟานยิ่งพูดยิ่งเบาลง สุดท้ายเสียงก็ดับลง จากนั้นร่างกายก็ล้มลงไปบนพื้นดัง

“ปัง”

“เหล้านี้มีปัญหางั้นเหรอ!” นักพนันหญิงกวาดสายตาไปมองพนักงานอย่างรวดเร็ว

“ทุกคนอย่าพึ่งกระวนกระวายใจ เพื่อนของพวกคุณแค่เมา” พนักงานยิ้มอย่างอ่อนโยน

‘เมางั้นเหรอ?’ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซูฟาน พวกเขาเห็นใบหน้าที่แดงก่ำและหายใจเข้าออกอย่างปกติก่อนจะกรนออกมาเล็กน้อย ทุกคนอดไม่ได้ที่จะงงงันและพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“ฉันเตือนคุณชายแล้ว แต่เขาไม่ฟัง ถ้ายังไงทุกท่านค่อย ๆ ดื่มนะคะ” พนักงานยิ้มและพูดขึ้นหลังจากนั้นก็เดินถอยออกไป

“น่าขายหน้าจริง ๆ” นักพนันหญิงเตะหน้าซูฟานด้วยความโกรธ หลังจากนั้นก็นั่งยอง ๆ และเคลื่อนย้ายเบา ๆ ให้เขานอนท่าปกติ ก่อนจะถอดหน้ากากที่อยู่บนหน้าออก คิ้วโค้งได้รูป ดวงตากลมโตและมีหน้าตาที่สวยเมื่อเห็นสายตาของคนอื่น ๆ ใบหน้าอันงดงามของเธอก็แดงขึ้นมา

“สวยมาก สวยจนสามารถทำลายล้างได้ทุกอย่างจริง ๆ” เฉินฮั่นหลงยิ้มเยาะซูฟาน ตอนนี้เขาสบายใจมาก ๆ

“เคารพนายท่าน!” เฉินฮั่นหลงถือกาเหล้าขึ้นแล้วยกจอกเหล้าให้ฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นก็หยิบจอกเหล้าขึ้นมาแล้วชนจอกกับเฉินฮั่นหลง หลังจากดื่มเหล้าคงซางนี้ลงไป เขาอดเอาไปเปรียบเทียบกับเหล้าหมักของเทพเซียนที่ดื่มในต่างโลกไม่ได้ พอดื่มลงไปก็คิดว่าไม่เลวเลยบนโลกคงนับว่านี่เป็นเหล้าที่สุดยอดแล้ว

“เคารพนายท่าน!” ชายชราถือจอกเหล้าขึ้นมาเคารพนบนอบ

ฉู่ชวิ๋นชนจอกเหล้ากับชายชรา ชื่อของชายชราคนนี้ชื่อจริงว่า โม่ซิงเหอ เป็นชื่อที่ดูมีพลังมาก เขามาจากตระกูลที่เก่าแก่และร่ำรวย แต่บรรพบุรุษตายกันหมดแล้ว เขาไม่พูดถึงอดีตอะไรมากมาย ฉู่ชวิ๋นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเช่นกัน

นักพนันหญิงที่อยู่ด้านหลังก็เข้าร่วมดื่มเคารพให้ฉู่ชวิ๋น ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เธอไม่เคยพูดถึงชื่อของตัวเองออกมา ทุกคนก็ไม่ได้ถามเหมือนกัน เมื่อมีเหล้าดีทุกคนก็พูดคุยอย่างถูกคอกัน มีเพียงซูฟานเท่านั้นที่หลับไป

……

……

เช้าวันต่อมา แสงแดดที่ส่องแสงอ่อนเข้ามาในตอนเช้า ฉู่ชวิ๋น เจ็บปวดมาก ไม่ใช่เขาแฮงค์จากเหล้าแต่เพราะการฝึกตนของเขาถูกคนรบกวน

แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เฉินฮั่นหลง แต่เป็นผู้อาวุโสและฮวาชิงหวู่ ผู้อาวุโสมีสีหน้าที่กระสับกระส่ายเดินไปเดินมาอยู่นอกค่ายกล ฮวาชิงหวู่ก็ดูไม่เหมือนเคยสีหน้าซีดเซียวและดวงตามีน้ำตาคลอ

เมื่อมองเห็นฉู่ชวิ๋น ฮวาชิงหวู่ก็เหมือนมองเห็นผู้ที่ช่วยชีวิตให้รอดพ้นจากภัยอันตราย เธอก้าวขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซและล้มลงไปทำท่าคุกเข่า

“มีเรื่องอะไรก็ลุกขึ้นมาพูด” ฉู่ชวิ๋นพยุงฮวาชิงหวู่ให้ลุกขึ้น การให้ผู้หญิงนั่งคุกเข่าต่อหน้า มันทำให้เขารู้สึกว่าไม่สบายอกสบายใจ

“ขอร้องนายท่านช่วยแม่ฉันด้วย” พูดจบ ฮวาชิงหวู่ก็ร้องไห้ออกมา สีหน้าฮวาชิงหวู่ดูเลื่อนลอยและขาดสติ ผู้อาวุโสได้แต่เล่าเรื่องราวแทนฮวาชิงหวู่

เดิมที ฮวาชิงหวู่ไม่ใช่คนเมืองนี้ แต่เป็นคนเมืองหยุนหยานที่อยู่ไกลแสนไกล

เมื่อ 5 ปีก่อนแม่ของฮวาชิงหวู่เป็นโรคแปลกประหลาด ทุกครั้งที่อาการกำเริบ ร่างกายของเธอจะขับอากาศอันเย็นยะเยือกออกมา เธอเป็นเหมือนห้องเก็บน้ำแข็งและจิตเริ่มฟุ้งซ่าน โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงหลายแห่งก็หมดหนทางรักษา เมื่อวานคนที่บ้านโทรมาบอกว่าโรคแปลกประหลาดอาการกำเริบอีกครั้ง ครั้งนี้เกรงว่าจะทนความเจ็บปวดทรมานไม่ไหวแล้ว

หางคิ้วฉู่ชวิ๋นกระตุก ฟังจากที่ผู้อาวุโสพูดมาทั้งหมด ในจิตใจเขาก็เกิดคลื่นลูกใหญ่บางทีนี่ไม่ใช่โรคแต่เป็นร่างกายที่หาได้ยากชนิดหนึ่งที่เหมาะแก่การฝึกตน แต่ต้องได้เจอตัวจริงก่อนถึงจะสรุปได้ ในเมื่อฮวาชิงหวู่มาขอให้เขาช่วยเขาก็ไม่ปฏิเสธ ดูเหมือนว่าต้องไปดูสักรอบ

ฉู่ชวิ๋นรับปากกับฮวาชิงหวู่ว่าจะไปเมืองหยุนหยานด้วยกันกับเธอ ฮวาชิงหวู่รู้สึกขอบคุณมากและบอกฉู่ชวิ๋นว่า เธอได้จัดเตรียมตั๋วเครื่องบินไว้แล้วพร้อมบินพรุ่งนี้ตอนบ่ายโมง

ฉู่ชวิ๋นรู้สึกแปลก ๆ เกรงว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ ตอนเช้าฉู่ชวิ๋นจัดการเรื่องต่าง ๆ พึ่งพาอำนาจทุกอย่างที่ของเขามีสืบหาข่าวของพ่อแม่อย่างต่อเนื่อง เขาไม่ลืมเอาหยกไปให้ทุกคนเพื่อปกป้องทุกคนให้ปลอดภัยก่อนออกเดินทาง

……

……

ทั้งสามคนอยู่ในเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสที่แพงที่สุด ฉู่ชวิ๋นพอนั่งเครื่องบินก็สังเกตมองรอบ ๆ อย่างละเอียดด้วยความอยากรู้อยากเห็น การมีฉู่ชวิ๋นเป็นเพื่อนร่วมทาง ทำให้ฮวาชิงหวู่รู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย แม้เธอจะยังไม่ได้แต่งหน้า แต่ใบหน้าของเธอก็ทำให้หลายคนรู้สึกน่าตกตะลึงได้เหมือนกัน เธอดึงดูดผู้โดยสารโดยรอบอย่างทันทีที่ขึ้นเครื่อง

คนทั่วไปไม่ค่อยได้นั่งชั้นเฟิร์สคลาส ดังนั้นคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เธอส่วนมาก ล้วนเป็นคนร่ำรวย

“นายท่านเป็นครั้งแรกที่นั่งเครื่องบินเหรอ?” ฮวาชิงหวู่มองฉู่ชวิ๋นที่มองซ้ายมองขวาตลอดทางก่อนจะถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าไม่มีอะไรต้องปิดบัง เป็นครั้งแรกที่เขานั่งเครื่องบินจริง ๆ พูดตามความเป็นจริงแล้วบนเครื่องบินมันคับแคบและไม่สบายเท่าไร เขาคิดในใจว่าต้องรีบฝึกตนจะได้บินบนท้องฟ้าได้เอง

ไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากที่ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า ผู้โดยสารที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็มองด้วยสายตาที่ดูถูก

“คุณผู้หญิงบินไปเมืองหยุนหยานเหรอครับ?” ในที่สุดก็มีคนอดทนไม่ไหว ชายวัยกลางคนท่านหนึ่งที่แต่งตัวดูมีฐานะเริ่มชวนคุย

ฮวาชิงหวู่ชำเลืองมองเขาอย่างเรียบเฉยก่อนพูดว่า “สามารถลงเครื่องครึ่งทางได้เหรอคะ?”

คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็หัวเราะลือลั่น เพราะว่าเครื่องบินลำนี้บินตรงสู่เมืองหยุนหยาน ที่เดียวเท่านั้น ฉู่ชวิ๋นเองก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเบา ๆ

โชคดีที่ชายวัยกลางคนหน้าหนาพอ เขาไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด การจีบสาวที่น่ากลัวที่สุดคืออะไร? เขาไม่ได้กลัวฝ่ายตรงข้ามพูดเสียดสี แต่กลัวฝ่ายตรงข้ามไม่สนใจเลยต่างหาก

“คุณผู้หญิงเป็นคนเมืองหยุนหยานใช่ไหม? ฉันขอแนะนำตัวเองก่อน ฉันคือผู้จัดการใหญ่ของบริษัทชิ่งฮวา ฉันนามสกุลจู ขอถามได้ไหมว่าชื่อของคุณผู้หญิงชื่ออะไร?”

การจีบหญิงมีอยู่สองวิธีใหญ่ ๆ การเสนอหน้าแนะนำตัวเองและเงินทอง หากมีสองอย่างนี้จึงจะสำเร็จ ยิ่งหน้าตาที่ไม่เลว ทุกอย่างก็แทบจะราบรื่น

ฮวาชิงหวู่ย่นหางคิ้วอย่างไม่สนใจ เมื่อเห็นว่าฮวาชิงหวู่ไม่พูดไม่จา ผู้ชายวัยกลางคนก็ไม่ได้สนใจและยิ้มพูดขึ้น “คุณผู้หญิงอย่าคิดมาก ฉันก็แค่ชอบหาเพื่อน ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงไปทำงานหรือว่ากลับไปเยี่ยมญาติเหรอครับ?”

“คุณมาจีบสาวหรือว่าสำรวจสำมะโนครัวกัน?” ฮวาชิงหวู่พูดอย่างเหยียดหยาม

“จีบสาวก็ไม่ได้เรื่องเลยนะตาแก่” คนบริเวณรอบ ๆ หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

ชายวัยกลางคนหยุดชะงักในใจรู้สึกหดหู่และแอบพูดในใจว่า ฮวาชิงหวู่พูดคุยเล่นไม่เป็นเลย แบบนี้จะให้เขาไปยังไงต่อ

บรรยากาศภายในเครื่องบินลำนี้ไม่จืดชืดอีกต่อไป หลังจากชายวัยกลางคนที่ยอมพ่ายแพ้และถอยไป ก็ยังมีคนอื่น ๆ เข้ามาชวนคุย แต่ก็ถูกฮวาชิงหวู่พูดตอกกลับอย่างรุนแรงออกไป จนร้องไห้ขี้มูกโป่ง

……

เมื่อเครื่องบินลำนี้บินมาถึงสนามบินหยุนหยานอย่างปลอดภัย คนทั้งสามเดินออกมาจากประตูสนามบิน ผู้คนมากมายเดินไปเดินมาเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก เพราะต่างก็ทยอยพากันไปในแต่ละทิศทาง

 “น้องสาวที่รักของฉัน ยินดีต้อนรับกลับบ้าน!”

ชายคนหนึ่งเดินมาหยุดอยู่ด้านหน้าพร้อมกับถอดแว่นตากันแดดออก ปรากฏใบหน้าที่หล่อเหลา เพียงแต่ใบหน้าเขาซีดเล็กน้อยและดวงตาดูมืดมน

ฮวาชิงหวู่ขมวดคิ้วและปริปากถามอย่างไม่เกรงใจ “มาทำไม?”

ชายคนนั้นเช็ดฝุ่นที่ไม่มีอยู่บนแว่นกันแดดของเขาและหัวเราะเบา ๆ “แน่นอนว่าต้องมารับน้องสาวที่รักของฉันกลับบ้านสิ” ในขณะเดียวกันที่ผู้ชายคนนั้นพูดก็จ้องมองฮวาชิงหวู่ด้วยแววตาความอยากได้อยู่แวบหนึ่ง

“ไม่ต้อง พวกเรากลับไปเองได้” ฮวาชิงหวู่พูดอย่างไม่เกรงใจ

“น้องสาวที่รัก ท่านน้ามีเวลาไม่มากแล้วนะ เธออยากเสียเวลาเหรอ?” ฮวาชิงหวู่ตกใจก่อนจะมองไปยังฉู่ชวิ๋นอย่างไม่รู้ตัว

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าอย่างไม่ได้สนใจอะไร ชายผู้นี้มองไปตามสายตาของฮวาชิงหวู่ จึงทำให้เห็นฉู่ชวิ๋นที่อยู่ด้านข้าง

“นี่เขาคือ?” ชายผู้นี้ถามออกมาทันที

“เขา…” ฮวาชิงหวู่ไม่รู้ว่าจะตอบยัง

“พวกเราเป็นเพื่อนกัน” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย

แววตาของผู้ชายมีสายตาที่อิจฉาเปล่งออกมาอยู่แวบหนึ่งพร้อมคิดในใจว่า “เพื่อน? เชื่อก็บ้าแล้ว บางทีคงจะเป็นเด็กหนุ่มที่อีบ้านี่เลี้ยงไว้แน่ ๆ”

เขายิ้มแล้วยื่นมือไปทางฉู่ชวิ๋นก่อนพูดว่า “สวัสดี! ฉันพี่ชายของฮวาชิงหวู่ ฉันชื่อฮวารุ่ย”

ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกมากำลังเตรียมจะพูด แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงสิ่งแหลมคมสัมผัสโดนผิวเลยก้มหน้าลง แล้วจ้องไปที่แหวนรูปทรงประหลาดบนนิ้วของฮวารุ่ย

แววตาที่อำมหิตของฮวารุ่ยเปล่งประกายออกมาแวบหนึ่ง แหวนของเขาถูกสร้างขึ้นเป็นมาอย่างพิเศษ ในแหวนวงนี้มียาปลุกเซ็กซ์อยู่ เพียงแค่กดไปที่กลไกก็จะมีเข็มเล็ก ๆ ที่เหมือนเส้นผมพุ่งออกมา มีผู้หญิงมากมายที่เขาเคยใช้แหวนวงนี้ด้วยและทุกครั้งที่ใช้ก็ไม่เคยพลาด

เขายังตั้งชื่อให้มันว่า ‘ห่วนอวี้’ มีความหมายว่า กระตุ้นความอยาก!

ฮวาชิงหวู่ ยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้จะไม่ใช่สินค้าที่บรรจุอยู่ในหีบห่ออีกแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าหนุ่มที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนี้เปิดซิงไปก่อน ทำให้เขาที่อยากได้ฮวาชิงหวู่มาตลอดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในใจก็รู้สึกอิจฉาและหึงหวง

ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจที่จะสั่งสอนบทเรียนให้ฉู่ชวิ๋นลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต!