ระบบแจ้งเตือน ‘นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอันได้เข้าร่วมกลุ่มแล้ว’
แต่ทว่า ดูเหมือนกลุ่มกำลังคุยเรื่องดุเดือดบางอย่างอยู่ ดันข้อความที่อันหลินเข้าร่วมกลุ่มขึ้นไปด้านบนแล้ว
อันหลินก็ได้ทีทำตัวเป็นมนุษย์ล่องหน แอบสังเกตการณ์อย่างสนุกสนานทันที
นักพรตมู่หนิว ‘ฉันไม่เชื่อว่าเลขที่ของงวดถัดไปจะเป็นเลขนี้!’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ ฝันบอกเหตุแบบนี้ ไม่เกิดขึ้นยังดี ถ้าเกิดขึ้น อัตราความแม่นยำสูงจนตัวฉันเองยังกลัว! ฉันนอนหลับคาลอตเตอรี่ทุกวัน ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว เพิ่งเคยฝันถึงตัวเลขที่ออก ยังไงซะฉันก็ซื้อไปร้อยชุดแล้ว ฉันจะกวาดเงินรางวัลมาให้หมด!’
อันหลิน “…”
เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘จะว่าไป ฝันบอกเหตุของเทพยากรณ์ผู้แม่นยำมีโอกาสแม่นสูงมากจริงๆ ครั้งก่อนเขาฝันว่าไปเที่ยวที่ทะเลบูรพา เจอแผ่นดินไหว จมน้ำตายเพราะคลื่นยักษ์ ตกใจจนฉี่รดที่นอน!
ผ่านไปไม่กี่วัน ริมทะเลของญี่ปุ่นก็เกิดแผ่นดินไหวบวกคลื่นยักษ์ระดับเก้า ยังไงซะเทพพยากรณ์ก็ให้โอกาสมู่หนิวซื้อลอตเตอรี่สิบชุด นี่มันให้เงินฟรีๆ เลยนะ มีใครบ้างที่ไม่อยากได้เงิน’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำพูดอย่างไม่พอใจว่า ‘นี่ ถึงจะชมฉัน แต่ก็อย่าเอาประวัติด่างพร้อยที่ฉันฉี่รดที่นอนมาเป็นตัวอย่างสิ!’
เซียนหญิงหยวนจื่อต้านส่งอิโมติคอนยิ้ม ‘เรื่องฉี่รอดที่นอน อาจารย์เป็นคนแฉเอง ไม่ใช่ความลับอะไรซะหน่อย ทุกคนในกลุ่มรู้กันหมด มีอะไรน่าอายกัน’
อันหลิน “…”
รู้กันทุกคนงั้นเหรอ ฉันไม่รู้เสียหน่อย!
จะว่าไปเซียนก็ฉี่รดที่นอนเป็นเหมือนกันเหรอ! แม้จะตกใจจนฉี่ราดมันก็ใช้ไม่ได้เอาเสียเลย!
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ “ช่างเถอะ นักพรตมู่หนิวไม่เอา ฉันจะยกโอกาสถูกรางวัลให้ผู้พิทักษ์โลก @ผู้พิทักษ์โลก อยู่หรือเปล่า”
จินอวี้จื่อ ‘ผู้พิทักษ์โลกไปขโมยเทคโนโลยีทางการทหารที่อเมริกาแล้ว ไม่ว่าง!’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำส่งอิโมติคอนหวาดกลัวมา ‘ตอนไปอเมริกาครั้งก่อนก็ไปทำอะไรบางอย่างกับขั้นตอนการปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ แถมยังติดตั้งค่ายกลที่ศูนย์ปล่อยจรวด ครั้งนี้คิดจะทำอะไรอีก!’
จินอวี้จื่อส่งอิโมติคอนยิ้มมา ‘ไม่รู้เหมือนกัน!’
นักพรตบางคนส่งอิโมติคอนเหงื่อพลั่กแตกมา บางคนกลับส่งรูปหัวเราะมา
ส่วนอันหลินนั้นมึนงงไปหมดแล้ว
ทำอะไรบางอย่างกับขั้นตอนการปล่อยอาวุธนิวเคลียร์ ติดตั้งค่ายกลในศูนย์ปล่อบจรวด ขโมยเทคโนโลยีทางการทหารงั้นเหรอ!
ให้ตายเถอะ นักพรตกลุ่มนี้พิทักษ์โลกจริงเหรอ ไม่ใช่ทุกคนร่วมมือกันทำลายโลกหรอกเหรอ!
อันหลินคิดว่าตัวเองเข้ากลุ่มนักพรตปลอม
เขาเลื่อนมือไปที่ปุ่ม ‘ออกจากกลุ่ม’ เงียบๆ…
ขณะนั้นเอง จู่ๆ ก็มีข้อความเด้งขึ้นมาในกลุ่ม
เถียนหลิงหลิง ‘ทุกคนเลิกคุยกันก่อน ต้อนรับ ‘นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน’ เพื่อนใหม่ของเรากันหน่อย!’
เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘อ้อ เมื่อกี้ฉันเห็นข้อความเข้าร่วมกลุ่มแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ถาม ไม่ทราบว่าสหายท่านนี้เป็นอัจฉริยะจากสำนักไหนเหรอ’
คนที่เข้ากลุ่มของสุดยอดนักพรตจีนได้ สถานะและความสามารถจะไม่ธรรมดา เซียนหญิงเมิ่งอินถึงได้ถามแบบนี้
ในเมื่อที่คนถามคำถามเขาแล้ว อันหลินย่อมต้องเอ่ยปากพูดแล้ว
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘เอ่อ ถ้าสำนักละก็…สรวงสวรรค์นับหรือเปล่า’
เซียนหญิงเมิ่งอิน “…”
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ “…”
นักพรตมู่หนิว “…”
เซียนหญิงหยวนจื่อต้าน “…”
จินอวี้จื่อที่พูดจาสั้นกระชับมาตลอดก็อดถามไม่ได้ว่า ‘สหายมาจากสรวงสวรรค์งั้นเหรอ’ นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘อืม ใช่แล้ว’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘คุณพระ! ทูตเซียนมาแล้ว!’
จากนั้นเหมือนเขาเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ รีบเปลี่ยนคำพูดทันที ‘ไม่สิ! ยินดีต้อนรับท่านทูตเซียนเข้ากลุ่มเพื่อชี้แนะภารกิจ!’
เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘ยินดีต้อนรับท่านทูตเซียน!’
เซียนหญิงหยวนจื่อต้าน ‘ยินดีต้อนรับท่านทูตเซียน!’
จินอวี้จื่อ ‘ยินดีต้อนรับท่านทูตเซียน!’
ผู้รู้แจ้งหลิวหลี ‘ยินดีต้อนรับท่านทูตเซียน!’
…
เพื่อนในกลุ่มนับไม่ถ้วนที่ซ่อนตัวพากันโผล่หัวออกมากันระนาว เริ่มทำพิธีต้อนรับอย่างพร้อมเพรียงกัน…
กลุ่มสนทนานี้มีนักพรตร่วมร้อยคน ตอนนี้เกือบครึ่งแล้วที่ตกใจจนต้องโผล่หน้ามา
คาดว่าคนอื่นน่าจะกักตนบำเพ็ญเพียร หรือไม่ก็ติดธุระอย่างอื่น จึงไม่โผล่มา
อันหลินสะดุ้งโหยงกับความเป็นมิตรของกลุ่ม มักจะมีนักพรตจากสรวงสวรรค์ลงมาทำภารกิจที่แดนมนุษย์อยู่บ่อยๆ เรื่องที่ต้องสื่อสารกับกองทัพของประเทศรวมถึงนักพรตในแดนมนุษย์ก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาเป็นมิตรแบบทุกครั้งเลยเหรอ
สิ่งที่เขาไม่รู้คือ เถียนหลิงหลิงเชิญเขาเข้าร่วมกลุ่ม ที่จริงแล้วเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
นักพรตของสรวงสวรรค์ที่ผ่านมา ถ้าไม่ชอบใช้วีแชท ก็จะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังของนักพรตแดนมนุษย์ น้อยคนที่จะยอมเข้าร่วมกลุ่ม คนที่ถูกเชิญเข้ากลุ่มอย่างเขา แต่ละปีไม่เคยมีเลย
ผู้รู้แจ้งหลิวหลี ‘ไม่ทราบว่าฉายานามของท่านทูตเซียนคืออะไร’
แม้นักพรตหลายคนในกลุ่มจะตั้งชื่อด้วยฉายานาม แต่เห็นได้ชัดว่า ‘นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน’ ไม่ใช่ฉายานาม
อันหลินกะพริบตาปริบๆ เรื่องฉายานามเขาไม่เคยนึกถึงเลย
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน “ฉันไม่มีฉายานาม ทุกคนเรียกฉันว่าอันหลินก็พอ”
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ “เยี่ยมเลย ผู้อาวุโสอันเพิ่งเคยมาโลกมนุษย์ครั้งแรกสินะ มีอะไรไม่เข้าใจถามพวกเราได้เต็มที่เลย พวกเราจะตอบท่านอย่างใจเย็นแน่นอน!”
นักพรตทั้งหลายในกลุ่มเห็นพ้องต้องกัน เห็นได้ชัดว่ายกย่องอันหลินเป็นเซียนที่ปราศจากโลกีย์ไปแล้ว
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน “สหายเทพพยากรณ์ อย่าเรียกฉันว่าผู้อาวุโสเลย ฉันเพิ่งอายุสิบเก้า! ที่จริง ฉันก็ใช้ชีวิตในโลกมนุษย์มาสิบแปดปีกว่าแล้ว เพิ่งไปบำเพ็ญเพียรในสรวงสวรรค์เมื่อไม่นานมานี้นี่เอง!”
เมื่อทุกคนในกลุ่มได้ฟังก็ตะลึงงัน
ผู้รู้แจ้งหลิวหลี ‘นักพรตแดนมนุษย์ที่ไปเล่าเรียนในสรวงสวรรค์ ฉันเพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก…’
เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำพูดเสริมว่า ‘อีกอย่างไม่คิดว่าสหายอันหลินจะอายุน้อยแบบนี้! วีรบุรุษหนุ่มชัดๆ!’
ได้รับหน้าที่ทูตเซียน ล้วนเป็นบุคคลที่มีความสามารถแก่กล้า นักเรียนในสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนมากมาย ตั้งแต่เข้าเรียนยันจบการศึกษาไม่มีโอกาสได้มาเยือนแดนมนุษย์เลย จะเห็นได้ว่าเงื่อนไขของระดับความสามารถไม่ได้สูงธรรมดา
หากจะถามว่า ทำไมนักพรตที่ไม่มีโอกาสมาเยือนแดนมนุษย์เหล่านี้ต้องเรียนก ‘วิชาแดนมนุษย์’ ล่ะ มันเปล่าประโยชน์ สิ้นเปลืองเวลาไม่ใช่เหรอ
อันหลินคิดว่าคำถามนี้ สามารถอธิบายได้ด้วยระบบการศึกษาของจีน
นักเรียนมากมายเรียนภาษาอังกฤษมาสิบกว่าปี พวกเขาจะมีโอกาสได้สื่อสารกับต่างชาติกี่ครั้งกัน
อย่างมากก็แค่ชาวจีนด้วยกันเองพูดภาษาอังกฤษใส่กันเพื่อความเพลิดเพลิน หรือไม่ก็เพลิดเพลินกับการดูละครดูหนังต่างชาติ รวมถึงเพลิดเพลินกับการสอบภาษาอังกฤษ
คนที่สามารถนำภาษาอังกฤษไปใช้ได้จริง เป็นส่วนน้อย…
เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘งั้นก่อนสหายอันหลินจะไปสรวงสวรรค์ ร่ำเรียนที่ไหนเหรอ’
ทุกคนในกลุ่มต่างก็รอคอยคำตอบของอันหลินด้วยความแปลกใจ
ได้สอนสั่งอัจฉริยะหนุ่มแบบนี้ สำนักนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
อีกอย่างนับว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับวงการนักพรตแดนมนุษย์แล้ว
เมื่ออันหลินเห็นข้อความ ก็เกาหัวอย่างจนปัญญา ก่อนไปสรวงสวรรค์ร่ำเรียนที่ไหนงั้นเหรอ
จะบอกว่าศาตราจารย์เฉินของมหาวิทยาลัยชิงหัวงั้นเหรอ
หรือจะไล่ชื่อคุณครูตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงมหาวิทยาลัย
ชัดเจนว่า พวกเขาไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้…
ดังนั้น อันหลินจึงทำได้แค่ตอบตามความจริง
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘อืม ก่อนไปสรวงสวรรค์ ฉันยังไม่เคยบำเพ็ญเซียนเลย ฮ่าๆ ตอนนี้พอมาคิดๆ ดูแล้ว ฉันเพิ่งเข้าสู่การบำเพ็ญเซียนได้แค่ครึ่งปี’
อันที่จริงอันหลินก็ค่อนข้างลำบากใจเหมือนกันที่ต้องพูดแบบนี้ คนที่เพิ่งสัมผัสการบำเพ็ญเซียนไม่ถึงครึ่งปีอย่างเขา กลับเป็นที่เคารพของนักพรตมากมายแบบนี้ แม้ว่าเขาจะหน้าด้านหน้าทน แต่ก็รับไม่ค่อยไหวเหมือนกัน
แต่ทว่า ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขาหรอก ทุกคนพากันจดจ้องที่คำคำนั้น ‘ครึ่งปี!’
จินอวี้จื่อ ‘ขอบังอาจถามว่า ตอนนี้พลังยุทธ์ของสหายอันหลินถึงขั้นไหนแล้ว’
นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘เอ่อ ไม่สูงมากหรอก แค่กายแห่งมรรคขั้นเก้า’
เมื่อจินอวี้จื่อเห็นประโยคนี้ เลือดก็แทบพุ่งใส่หน้าจอ
ไม่สูงกับผีอะไร!
กลุ่มที่คึกคักครื้นเครงเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นเงียบกริบทันใด
นักพรตทุกคนต่างก็จดจ้องข้อความ ‘ครึ่งปี’ กับ ‘กายแห่งมรรคขั้นเก้า’ อย่างเหม่อลอย
เถียนหลิงหลิงโยนมือถือทิ้ง ถามสวีเสี่ยวหลานที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างตื่นเต้นว่า “พี่หลานหลาน ขอถามอะไรอย่างสิ ตอนที่อันหลินไปสรวงสวรรค์พลังยุทธ์เป็นยังไงบ้าง แล้วตอนนี้ล่ะเป็นยังไง”
สวีเสี่ยวหลานได้ฟังก็ยิ้ม “ตอนที่มาเป็นกายแห่งมรรคขั้นศูนย์ ตอนนี้กายแห่งมรรคขั้นเก้าแล้ว เขาเป็นคนดังในสำนักบำเพ็ญเพียรความร่วมมือของเราเลยนะ เจ้าอย่าได้ดูถูกเขาเชียว!”
อันหลินส่ายหน้า เจ้าตัวอยู่นี่แท้ๆ แต่เถียนหลิงหลิงกลับไปถามสวีเสี่ยวหลานงั้นเหรอ!
คำพูดของเขา เชื่อถือไม่ได้ขนาดนี้เชียวเหรอ
เทียบกับความระอาใจของอันหลิน เถียนหลิงหลิงมึนงงไปหมดแล้ว
เธอบำเพ็ญเพียรมาสิบกว่าปี เลื่อนขั้นมาจนถึงกายแห่งมรรคขั้นแปด เหนือกว่านักพรตรุ่นเดียวกัน ทำให้เธอมั่นใจกับพรสวรรค์ของตัวเองเป็นอย่างมาก
แต่ว่า อันหลินกลับเลื่อนขั้นถึงกายแห่งมรรคขั้นเก้าในเวลาแค่ครึ่งปี!
ดวงตาของเถียนหลิงหลิงชื้นแฉะ อันหลินทำลายความภาคภูมิใจทั้งหมดของเธออย่างไม่เหลือชิ้นดี
ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอถึงได้พิมพ์ข้อความในมือถืออย่างสั่นเทา
‘สหายทุกคน ฉันเพิ่งถามทูตเซียนอีกท่านหนึ่ง
ทราบจากปากเธอว่า อันหลินพูดความจริง! เขาบำเพ็ญเพียรแค่ครึ่งปี ก็เลื่อนจากกายแห่งมรรคขั้นศูนย์เป็นขั้นเก้าแล้ว!’
คำพูดของเถียนหลิงหลิง เป็นเหมือนระเบิดที่ตกลงไปในทะเลสาบอันเงียบสงบ
เหล่านักพรตที่ตกใจกับคำพูดของอันหลินจนตกอยู่ในภวังค์ของความเงียบ แตกตื่นในพริบตา!
…………………………..