“เปล่านี่ จื่อเซวียนเขียนต่อหน้าข้า ไม่มีใครบีบบังคับเขา! ท่านพ่อของข้าเป็นคนให้เขาเขียนเอง!”
เขาและบิดาของเขาล้วนดูอยู่ เซี่ยยวี่หลัวยืนอยู่ห่างๆ ไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว หลังจากเขียนเสร็จ นางไม่ได้ดูจดหมายด้วยซ้ำ!
เซียวยวี่กัดฟัน “นั่นก็เพราะนางอ่านไม่ออก!”
นางไม่รู้หนังสือ อาเซวียนเขียนอะไร นางอ่านออกสิถึงจะแปลก
เซียวยวี่ขยี้ตาอยู่หลายที ด้วยเกรงว่าช่วงหลายวันนี้ตัวเองอ่านตำราจนเสียสายตา อ่านตกหล่นไปหรืออ่านมากเกินไป หรืออาจเป็นเพราะเซียวจื่อเซวียนเขียนผิดไป
แต่หลังจากอ่านอยู่หลายหน ตัวหนังสือแต่ละตัวล้วนง่ายมาก อาเซวียนรู้จักทุกตัว เขียนเป็นทุกตัว เขาไม่มีทางเขียนผิด
ความหมายในจดหมาย บอกว่าพี่สะใภ้ใหญ่ดีต่อพวกเขามากจริงๆ
ดีมาก!
ดีถึงขั้นไหนกัน?
กินดี ได้กินเนื้อกินไข่ อาเซวียนกล่าวถึงเรื่องที่เขาได้กินเนื้อและไข่ ทั้งยังได้กินเกี๊ยว เช่นนั้นก็ได้กินดีจริงๆ
ภายในใจเซียวยวี่รู้สึกยินดี หลังจากยินดีก็กลายเป็นสงสัย
ตอนที่เขาไป ก็ได้กำชับกับเด็กสองคนอย่าได้ไปกวนใจเซี่ยยวี่หลัว อยู่ให้ห่างได้เท่าไหร่ก็ห่างเข้าไว้ เด็กสองคนล้วนเป็นเด็กว่าง่าย เพียงแต่เขาเพิ่งออกมาได้ไม่กี่วัน เหตุใดอาเซวียนถึงเอาแต่พูดเข้าข้างสตรีผู้นั้น!
ในบ้านเกิดอะไรขึ้นกันแน่!
วันนั้นตอนที่เขาออกเดินทาง นางตามถึงนอกหมู่บ้าน ทั้งยังกล่าวประโยคนั้นกับเขาตลอด ตอนนี้ยังดูแลเด็กสองคนอย่างดี นางคิดจะทำอะไรกันแน่?
เซียวยวี่สับสนเพียงชั่วครู่ คิ้วที่ขมวดเป็นปมมาตลอดก็คลายออก
คงคิดว่าครั้งนี้เขาจะสอบติด จึงพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเอาใจกระมัง
เซียวยวี่หัวเราะอย่างเย็นเยียบอยู่ในใจ ช่างเป็นสตรีมักใหญ่ใฝ่สูงไร้ยางอายสิ้นดี!
เขายังสอบไม่เสร็จ ยังไม่รู้ว่าครั้งนี้จะสอบติดหรือไม่ เช่นนั้นนางย่อมไม่ปฏิบัติไม่ดีต่อเด็กสองคน เมื่อเซียวยวี่คิดได้ดังนี้ ก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก
ที่เซี่ยยวี่หลัวยังมีเงินอีกห้าตำลึง สามคนใช้อย่างประหยัด ก็ยังพอใช้
เซียวยวี่สงบจิตใจ หยิบถุงเงินบนโต๊ะ
ทว่าเมื่อมือจับถุงเงินขึ้นมา สัมผัสถึงน้ำหนักของถุงเงิน เซียวยวี่ก็รู้สึกวิตกขึ้นมาอีก ในนี้ไม่ได้มีเงินแค่ห้าตำลึง!
เมื่อเห็นเซียวยวี่ตกใจอีกครั้ง เซียวเหลียงรู้ว่าตัวเองลืมพูดอีกแล้ว “อ่อ ในนี้มีเงินสิบห้าตำลึง!”
สิบห้าตำลึง?
เซียวยวี่ตกตะลึงจนแทบกระโดด ต่อให้ขายบ้านเก่าทรุดโทรมนั่นทิ้งก็ยังได้มาไม่ถึงสิบห้าตำลึง!
“เงินนี่ มาจากไหน?” เซียวยวี่ร่างสั่นสะท้าน น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
เขาผ่านเรื่องที่บิดามารดาด่วนจากไป จากคุณชายที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี กลายเป็นคนเรียนหนังสือยากไร้ ความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงเช่นนี้ ทำให้เขาใช้ชีวิตโดยไม่แปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงใดๆ อีก!
แม้จะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่หัวใจกลับตุบเต้นอย่างรุนแรงราวกับจะกระโดดออกมาจากอกได้เช่นนั้น
เอาเงินมาจากไหนกัน!
เซียวเหลียงตอบ “ภรรยาเจ้าเป็นคนให้มา!”
เช่นนั้นเงินนี่ ก็น่าจะเป็นของภรรยาเจ้า
เซียวยวี่ “อาเซวียนอาเมิ่งเป็นคนให้ไม่ใช่หรือ?”
เซียวเหลียง “เงินนี่ภรรยาเจ้ากับอาเซวียนและอาเมิ่งมอบให้พร้อมกัน” สามคนมามอบพร้อมกัน บอกว่าใครให้ก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ!
เซียวยวี่กุมขมับ “…” ท่านพูดให้หมดทีเดียวไม่ได้เชียวหรือ?
“พวกเขายังฝากบอกอะไรมาอีกหรือไม่?” มือของเซียวยวี่ที่กำถุงเงินไว้กำลังสั่นเทิ้ม
เขามอบเงินให้เซี่ยยวี่หลัวห้าตำลึง มอบให้จื่อเซวียนห้าตำลึง รวมกันก็มีแค่สิบตำลึง เงินสิบห้าตำลึงนี่ ได้มาอย่างไรกันแน่?
เซียวเหลียงกล่าว “ภรรยาเจ้ายังบอกอีกว่า ให้เจ้าวางใจไปสอบ ไม่ต้องเป็นห่วงที่บ้าน เงินนี่จุดที่ต้องใช้เจ้าก็อย่าประหยัด ที่บ้านมีนางอยู่ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
ไม่ห่วงสิแปลก!
เขาจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร
“อาเซวียนกับอาเมิ่งเป็นอย่างไร พวกเขาสบายดีหรือไม่?” เมื่อเซียวยวี่คิดถึงสตรีที่น่ากลัวผู้นั้น ก็เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องชายและน้องสาว
เงินนี่ไม่รู้ที่มาที่ไป หรือว่า… หรือว่าสตรีชั่วร้ายผู้นั้นจะนำน้องชายและน้องสาวของเขาไปขายแล้ว?
สีหน้าของเซียวยวี่พลันเปลี่ยนไป
เซียวเหลียงมองเซียวยวี่ จู่ๆ ก็เข้าใจว่าเซียวยวี่กำลังเป็นห่วงอะไร รีบกล่าว “คิดอะไรของเจ้า? นี่กลัวว่าภรรยาของเจ้าจะนำน้องชายน้องสาวของเจ้าไปขายหรือไง? จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าวางใจเถอะ ในหมู่บ้านยังไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หากนางกล้าคิดร้ายต่อจื่อเซวียนและจื่อเมิ่งจริง คนในหมู่บ้านไม่มีใครปล่อยนางไปแน่!”
เซียวยวี่ยังคงกังวล “เช่นนั้นเงินนี่…”
“ข้าได้ยินมาว่าจื่อเซวียนกำลังช่วยเซียวยิงคัดตำรา น่าจะเป็นเงินที่จื่อเซวียนได้จากการคัดตำรา!”
ช่วยเซียวยิงคัดตำรา?
เซียวยวี่เพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อก่อนเขาก็เคยช่วยเซียวยิงคัดตำรา
เพียงแต่ เมื่อเห็นลายมือในจดหมายที่เหมือนสุนัขคลานไปมาก็มิปาน คิ้วคมพลันขมวดเล็กน้อย ลายมือแบบนี้จะเข้าตาเซียวยิงหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้หนังสือเพียงไม่มาก จะสามารถคัดออกมาได้งั้นหรือ?
เซียวเหลียงส่งเงินให้แล้ว กลัวว่าเซียวยวี่จะไม่วางใจ จึงเอ่ยเตือน “เจ้าวางใจเรื่องที่บ้านเถอะ สอบให้ดี อย่าเป็นห่วงที่บ้าน จื่อเซวียนและจื่อเมิ่งโตแล้ว ข้าเห็นว่าภรรยาของเจ้าก็ดีต่อพวกเขามาก จื่อเมิ่งแต่งตัวสะอาดหมดจดดูงดงาม ผมก็หวีเป็นทรงอย่างดี เสื้อผ้าบนกายก็ใหม่ ข้ารู้สึกว่าดีมาก เจ้าอย่าเป็นห่วงเกินไป ตั้งใจสอบถึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
เซียวยวี่ไม่รู้ว่าสุดท้ายตนเองกล่าวลาเซียวเหลียงอย่างไร
เซียวเหลียงหากลุ่มพ่อค้าที่จะเดินทางไปในมณฑล ให้เขาตามกลุ่มพ่อค้าไปที่ตัวเมืองในมณฑล สามารถประหยัดทั้งเวลาและเงินได้ไม่น้อย
ตลอดการเดินทาง เซียวยวี่ไม่ได้กล่าวอะไรแม้แต่คำเดียว เงินสิบห้าตำลึงในอกเสื้อแนบกับอกเขาจนรู้สึกปวดใจ
เงินนี่ อาเซวียนได้มาจากการคัดตำราจริงหรือ?
ลายมือเหมือนสุนัขคลานนั่น จะเข้าตาเซียวยิงได้อย่างไร!
เซี่ยยวี่หลัว จะดูแลน้องชายน้องสาวของตนด้วยความจริงใจงั้นหรือ?
ท่านอาเซียวเหลียงย่อมไม่พูดปด เพียงแต่ เซียวยวี่ก็ยังรู้สึกกังวลไม่น้อย
แม้จะกังวลใจ แต่เมื่อออกบ้านมา ก็อยู่ไกลเกินไป ต่อให้กังวลแค่ไหนก็ไม่อาจทำอะไรได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือการสอบ
เซียวยวี่ได้แต่สะกดความกังวลทั้งหมดไว้ ไม่ว่าอย่างไร ตั้งใจสอบให้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน
เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าภายในใจเซียวยวี่จะมีความคิดน่ากลัวถึงเพียงนั้น ขายเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเพื่อแลกเงิน? เซียวยวี่เป็นราชบัณฑิตน้อยในอนาคต ขายน้องชายน้องสาวของเขา เท่ากับขุดหลุมฝังตัวเองล่วงหน้าไม่ใช่หรือ!
เซี่ยยวี่หลัวคนเดิมไม่รู้ฐานะในอนาคตของเซียวยวี่ อาจจะทำเช่นนั้น แต่นางในตอนนี้ย่อมไม่ทำ หากให้ขายตัวเองเพื่อหาเงินให้เซียวยวี่ไปสอบ ให้เซียวยวี่คิดถึงความดีของนางบ้าง นั่นยังอาจเป็นไปได้!
เมื่อเซียวเหลียงกลับไปถึงหมู่บ้านสกุลเซียวอีกครั้ง ก็ไปบอกเซี่ยยวี่หลัว ว่าเงินส่งถึงแล้ว
เด็กสองคนแย่งกันถามถึงสถานการณ์ของพี่ใหญ่ในตอนนี้ เซียวเหลียงจึงเล่าให้ฟัง ทั้งยังบอกว่าเขาหากลุ่มพ่อค้าให้พาเซียวยวี่เดินทางไปยังตัวเมืองในมณฑลแล้ว เซี่ยยวี่หลัวกล่าวขอบคุณ
ก่อนเซียวเหลียงจะไป มองเด็กสองคน พร้อมกำชับเซี่ยยวี่หลัวด้วยสีหน้าจริงจัง “เซียวยวี่เห็นเด็กสองคนนี้สำคัญยิ่งชีพ ในเมื่อเจ้าเป็นภรรยาของเซียวยวี่ ก็ควรให้ความสำคัญกับเด็กสองคนนี้เช่นกัน!”
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่าเขากำลังให้กำลังใจนาง นางลูบศีรษะของเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเบาๆ เมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของเด็กสองคนตอนแหงนหน้ามองตนเอง ก็รู้สึกจิตใจอ่อนยวบ
นางเป็นคนให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวมาก ทั้งยังใจอ่อน เด็กสองคนว่าง่ายและรู้ความถึงเพียงนี้ จะไม่ดีต่อพวกเขาได้อย่างไร!
“เซียวยวี่เป็นพี่ชายของพวกเขา ในเมื่อข้าเป็นภรรยาของเซียวยวี่ ก็เป็นพี่สะใภ้ โบราณว่าไว้ พี่สะใภ้เปรียบเสมือนมารดา ข้าจะดูแลเด็กสองคนให้ดีเหมือนเป็นมารดาของพวกเขา!”
เซียวเหลียงยิ้มด้วยความรู้สึกยินดี
มีแต่คนบอกว่าภรรยาของเซียวยวี่เป็นคนเหลวไหล แต่เหตุใดเขากลับมองว่าคนผู้นี้ไม่เพียงไม่เหลวไหล ทั้งยังมีความคิดเป็นของตัวเองอีก
ตอนที่ทั้งสามคนส่งเซียวเหลียงออกไป เด็กสองคนยืนอยู่ข้างกายเซี่ยยวี่หลัว จับมือของเซี่ยยวี่หลัวไว้เอง ทั้งสามคนยืนด้วยกัน สนิทสนมเหมือนสามคนแม่ลูกก็มิปาน
เซียวเหลียงหันกลับมาเห็น จึงคิดอยู่ในใจว่าเซียวยวี่กังวลโดยใช้เหตุ