EP.54 ขั้นบรรพชนสงครามที่สามสิบ

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

EP.54****ขั้นบรรพชนสงครามที่สามสิบ

แพง! แพงเกินไปแล้ว! 

      ค่าใช้จ่ายทั้งปีของครอบครัวที่มีสมาชิกสี่คนก็แค่สิบเหรียญทองเท่านั้น แต่ตำราฝึกกระบี่แค่นี้กลับขายตั้งหนึ่งพันสองร้อยเหรียญทอง บนโลกนี้ไม่ใช่ว่าคนจะไม่อยากเป็นยอดฝีมือ แต่บางครั้งถึงอยากจะเป็นยอดฝีมือแค่ไหน ก็ไม่มีปัญญาซื้อตำราดีๆ มาฝึกฝน 

       “งั้นข้าเอาคัมภีร์ทักษะกระบี่พื้นฐานหนึ่งเล่ม!”

       หลินมู่อวี่ควักเหรียญทองหนึ่งเหรียญออกมาหน้าตาเฉย ความรู้ด้านทักษะกระบี่ของเขา นอกจากท่าพิฆาตอสนีบาตแล้วเขาก็ไม่รู้อะไรสักอย่าง ซื้อตำราทักษะกระบี่พื้นฐานสักเล่มก็ไม่เลว ของมาถึงมืออย่างรวดเร็ว ตำราทักษะกระบี่พื้นฐานเล่มนี้ทำให้เขานึกถึงเกมเก่าแก่เกมหนึ่งที่ชื่อว่า ‘เลเจนด์’ ดูเหมือนทักษะแรกที่นักรบในเกมเรียนรู้ก็คือทักษะกระบี่พื้นฐาน ซึ่งช่วยเพิ่มการโจมตีให้ถูกเป้าหมายได้ ตอนนี้พอเห็นคัมภีร์ทักษะกระบี่พื้นฐานเป็นๆ มาอยู่ในมือก็เต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายจริงๆ

        แน่นอนว่าฉู่เหยาไม่เข้าใจว่าหลินมู่อวี่ถอนหายใจเรื่องอะไร แต่พ่อค้ายังถือคัมภีร์หน้าปกสีครามซีดมาเล่มหนึ่ง แล้วเปิดหน้าแรกให้ดูพร้อมพูดขึ้น “วิชากระบี่วายุ เป็นทักษะกระบี่ที่อาศัยกฎแห่งลมควบคุมการโจมตี จอมยุทธ์น้อยท่านไม่ซื้อสักเล่มจริงๆ หรือ”

       หลินมู่อวี่เหลือบตามอง เคล็ดวิชาบนนั้นมีประโยคนึงเขียนว่า “กระบี่ออกดั่งสายฟ้า กลับมาเหมือนอัสนี” ก็อยากได้มาครอบครองทันที แต่ว่าเงินดันไม่พอ!

      “ว่าไง ไม่อยากได้หรือ” พ่อค้าแสยะยิ้ม

       หลินมู่อวี่ส่ายหน้า “เงินไม่พอน่ะ”

       “อ้าว ที่แท้ก็เป็นพวกคนจน งั้นข้าไปล่ะ” พ่อค้าเปลื่ยนสีหน้าไวนัก

      หลินมู่อวี่ไม่ได้ใส่ใจ ยิ้มพูด “พี่ฉู่เหยา พวกเราไปดูตรงที่ที่ขายโอสถกัน ข้ามีโอสถสองขวดจะขาย”

       “ได้สิ”

       หอประมูลไป่จ้านตั้งอยู่ทางตะวันออก ทั้งสองคนเดินไม่กี่นาทีก็มาถึง พนักงานคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นมา แล้วยิ้มถาม “ทั้งสองท่านต้องการซื้ออะไรหรือขอรับ”

       “ข้าต้องการขายโอสถสองขวดนี้”

       “เอ๋?” พนักงานมองเข็มกลัดตรงหน้าอกของเขาอย่างตกใจ “พ่อหนุ่ม เจ้าเป็นคนของสมาพันธ์โอสถใช่ไหม คนจากสมาพันธ์โอสถมาขายโอสถที่หอประมูล เจ้ายังมีศักดิ์ศรีของสมาชิกสมาพันธ์โอสถอยู่บ้างไหม!” 

       “พวกท่านรับซื้อ ส่วนข้ามาขาย เป็นเรื่องปกติ” หลินมู่อวี่พูดเรียบๆ “ท่านจะรับหรือไม่รับ ถ้าไม่รับข้าก็จะไปถามหัวหน้าของท่านเสียหน่อย”

       “รับสิๆ นำโอสถของเจ้าออกมาได้เลย”

       หลินมู่อวี่ล้วงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดสองขวดออกมาจากถุงที่เอวแล้ววางไว้บนโต๊ะ “ประเมินดูเถอะ!”

      พนักงานหยิบขวดโอสถฝันคืนสู่สูงสุดขึ้นมาดม พูดอย่างตะลึง “นี่มันโอสถอะไร ทำไมข้า…ดมไม่ออก”

        “ฝันคืนสู่สูงสุด โอสถระดับเจ็ด”

       “อะไรนะ” ร่างของพนักงานสั่นเทิ้มราวกับเห็นผี “เป็นไปได้ยังไง ฝันคืนสู่สูงสุดหายสาบสูญไปนานแล้วไม่ใช่หรือ”

       ในตอนนี้เอง ไม่ไกลนักก็มีนักปรุงโอสถอาวุโสเดินเข้ามาถาม “เสี่ยวซาน เจ้าจะตกใจอะไรกัน”

       “ท่านอาจารย์ ท่านรีบมาดูนี่ขอรับ!”

       ตอนที่นักปรุงโอสถอาวุโสดมฝันคืนสู่สูงสุดนั้น สีหน้าพลันเปลื่ยน “กลิ่นนี้เป็นฝันคืนสู่สูงสุดของแท้…สวรรค์ ทำไมโอสถนี้ถึงมาปรากฏขึ้นบนแผ่นดินอีกครั้งล่ะนี่!”

       เขาพูดพลางมองไปทางหลินมู่อวี่ “พ่อหนุ่ม นี่คือโอสถที่เจ้าปรุงเองหรือ”

       “ใช่แล้ว ข้าเห็นสูตรตำรับโอสถนี้บนตำราขาดๆ เล่มหนึ่ง เลยปรุงออกมา”

       “เจ้ารอก่อน!”

      นักปรุงโอสถอาวุโสมองเขาด้วยสายตาที่ลุ่มลึก แล้วพูดขึ้น “หากเป็นฝันคืนสู่สูงสุดของจริง ชื่อของเจ้าจะต้องกู่ก้อง เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าตามข้าไปห้องโถงด้านหลัง ข้าจะไปเชิญท่านเถ้าแก่หอประมูลออกมา!”

       “ได้!”

       ฉู่เหยากังวลใจเล็กน้อย แต่หลินมู่อวี่กลับจูงมือนางเดินดุ่มๆ เข้าไปที่ห้องโถงด้านหลังของหอประมูล เขามั่นใจในโอสถฝันคืนสู่สุดของเขามาก โอสถชนิดนี้หากขายได้ ก็จะมีเหรียญทองจำนวนมากมาให้ใช้แล้ว

       หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชายอายุราวสี่สิบปีรีบเดินเข้ามายังห้องโถงด้านหลัง เขาแต่งกายด้วยชุดพ่อค้าอย่างพิถีพิถัน ตาโตคิ้วเข้ม ดูก็รู้ว่าเป็นคนฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง เขามองหลินมู่อวี่กับฉู่เหยาอย่างประหลาดใจ “สวัสดีสหายน้อยทั้งสอง ข้าคือเหลยไป่จ้านเถ้าแก่หอประมูลไป่จ้าน ฝันคืนสู่สูงสุดสองขวดนี้เป็นเจ้าปรุงออกมาหรือ เจ้ามีนามว่าอันใด”

       “หลินมู่อวี่!”

      “หืม?” นัยน์ตาของเหลยไป่จ้านเปล่งประกาย ยิ้มออกมา “ที่แท้เจ้าก็คือหลินมู่อวี่ผู้ที่ชนะเจ้าเมืองน้อยฮว๋าหวัน ฮ่าๆ ช่างประจวบเหมาะจริงๆ คือ…ตำรับโอสถฝันคืนสู่สูงสุดเจ้าได้มาอย่างไรกัน”

       หลินมู่อวี่แต่งเรื่องขึ้น “ข้าเจอมันในถ้ำของสัตว์วิญญาณที่ป่าสัตตะดารา หลังจากศึกษามันแล้ว ระหว่างทางกลับมาฝนตกหนัก มันจึงถูกน้ำเละเป็นเศษกระดาษแล้ว”

       “อย่างนี้นี่เอง” เหลยไป่จ้านเป็นคนฉลาด รู้ว่าหลินมู่อวี่ไม่ยอมบอกความจริง จึงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ด้วยเงินทุนและชื่อเสียงของหอประมูลไป่จ้าน สามารถทำให้ราคาโอสถฝันคืนสู่สูงสุดพุ่งสูงได้ อย่างน้อยขวดละสองพันเหรียญทอง แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ จอมยุทธ์น้อยต้องทำข้อตกลงกับทางเราก่อน หากเจ้าปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดขึ้นมาอีก ต้องวางขายที่หอประมูลไป่จ้านเท่านั้น ว่าอย่างไร”

       “แล้วข้าจะได้ประโยชน์อันใด” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม

       เหลยไป่จ้านก็ตรงไปตรงมา ล้วงป้ายหยกสีขาวอันหนึ่งออกมาจากอก “นี่คือป้ายหยกสำหรับลูกค้าพิเศษของหอประมูลไป่จ้าน ป้ายนี้สามารถซื้อของทุกชิ้นในหอประมูลไป่จ้านได้ในราคาเจ็ดส่วนของราคาเต็ม ทั้งยังใช้ป้ายนี้เบิกเงินได้สูงสุดถึงสองพันเหรียญทอง เป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่ชอบพูดมาก ความจริงใจข้าก็แสดงให้เห็นแล้ว”

       หลินมู่อวี่ยิ้มน้อยๆ “ตกลง!”

       “ดี! ”

        เหลยไป่จ้านยินดีเป็นพิเศษ “วันนี้ข้าจะประกาศข่าวออกไป พรุ่งนี้เช้าในเวลานี้จะเปิดประมูลฝันคืนสู่สูงสุดสองขวด รายรับทั้งหมดให้จอมยุทธ์น้อยน้อยแปดส่วน อีกสองส่วนเป็นของหอประมูล ตกลงไหม”

       “งั้นท่านก็ต้องตกลงเงื่อนไขข้อหนึ่งของข้า ช่วยข้ารักษาความลับ ไม่เปิดเผยต่อภายนอกว่าฝันคืนสู่สูงสุดสองขวดนี้เป็นของใคร”

       “ตกลง ทำการค้าก็ต้องเป็นเช่นนี้ จอมยุทธ์น้อยโปรดวางใจ ข้าขอรับรอง”

        “ขอบคุณ”

      หลินมู่อวี่ลงมาชั้นล่าง ใช้ป้ายหยกสำหรับลูกค้าพิเศษเบิกเงินออกมาหนึ่งพันเหรียญทอง จากนั้นก็ไปซื้อตำราวิชากระบี่ต้านลม ตอนเที่ยงก็ไปกินอาหารอร่อยที่ภัตตาคารกับฉู่เหยา ตอนบ่ายกลับไปเยี่ยมพวกจ้าวซินและหลัวไคที่ร้านโอสถไป่หลิง แล้วทิ้งเงินไว้สิบเหรียญทองเป็นค่าใช้จ่ายดูแลร้านโอสถ แล้วจึงกลับไปทำงานที่สมาพันธ์โอสถให้เสร็จ รีบกลับที่พักเพื่อฝึกต่อ

      หลังจากชกหมัดเสียงปีศาจออกไปหลายชุดแล้ว หลินมู่อวี่จึงเริ่มฝึกทักษะกระบี่ ทักษะกระบี่ขั้นพื้นฐานนั้นง่ายมาก ด้วยความสามารถของเขาแล้วไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง ทักษะกระบี่พื้นฐานที่จริงแล้วก็คือสอนวิธีการรุก การรับ การเคลื่อนตัวหลบแบบง่ายๆ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มซ้อมวิชากระบี่วายุ แก่นของวิชากระบี่ชุดนี้ก็คือการควบคุมพลังลม เปลี่ยนพลังลมให้กลายเป็นปราณกระบี่แล้วไปผสานอยู่ในตัวกระบี่ หากเชี่ยวชาญมากพอ อานุภาพของกระบี่นี้สามารถตัดภูเขาทลายศิลาได้เลย

       ฝึกจนใกล้จะถึงพลบค่ำ จู่ๆ หลินมู่อวี่ก็รู้สึกว่าที่อกมีพลังปะทุขึ้นมา ไม่ระบายออกก็ใคร่ไม่สบายตัว

       หลินมู่อวี่รู้ชัดว่าตนเองกำลังจะทะลวงระดับไปอีกขั้น ไม่รู้ตัวเลยว่าช่วงสองสามวันที่ฝึกซ้อมจะทำให้ระดับของเขาเพิ่มจากยี่สิบเจ็ดเป็นยี่สิบเก้าแล้ว กำลังจะเข้าสู่ขอบเขตปฐพีชั้นที่หนึ่งแล้ว ความเร็วในการเลื่อนระดับขนาดนี้เกรงว่าหากเป็นคนอื่นคงตกใจตายไปแล้ว จริงๆ แล้วหลิ่นมู่อวี่เองก็แอบสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าทำไมความเร็วการในเลื่อนระดับของตนเองนั้นเร็วขนาดนี้!

       อันที่จริงหากอิงตามคำพูดของชวีฉู่ เป็นเพราะในร่างกายเขามีปีศาจหลับใหลอยู่แค่นั้นหรือ

       ในเมื่อใกล้จะเลื่อนขั้นแล้ว เช่นนั้นก็ต้องมีวิญญาณสัตว์อย่างดีที่เพียงพอ ตอนนี้ออกไปหาที่นอกเมืองก็ดูจะไม่สอดคล้องกับความจริงเท่าไหร่ แต่ในย่ามของหลินมู่อวี่มีศิลาวิญญาณของพยัคฆ์กระหายเลือดสามพันปีอยู่หนึ่งก้อน กลั่นพลังจากศิลาวิญญาณมีค่าเท่ากับการกลั่นพลังจากวิญญาณสัตว์ ลดความยุ่งยากไปได้มากเลย หลังจากหลินมู่อวี่ไปบอกฉู่เหยาแล้ว เขาก็ขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อฝึกพลัง

       หลินมู๋อวี่หยิบศิลาวิญญาณออกมาวางที่ขอบเตียง แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียงอย่างระวัง โคจรพลังปราณเงียบๆ วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวปรากฏออกมา พร้อมกับภูตระบบลู่ลู่ ร่างเล็กของลู่ลู่กระพือปีก หัวเราะบินฉวัดเฉวียนอยู่รอบตัวหลินมู่อวี่ แล้วยิ้มพูด “ยินดีด้วยพี่ชาย ท่านใกล้จะเลื่อนขั้นแล้ว!”

       หลิ่นมู่อวี่พูด “ลู่ลู่ เจ้าไปไหนมา สองสามวันมานี้ข้าไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าเจ้าหลับอยู่ในร่างกายของข้า”

       ลู่ลู่ยิ้ม “พี่ชาย ข้าเป็นแค่ร่างพลังงาน สองสามวันนี้ข้าบินไปทั่วแผ่นดินนี้ รวบรวมข้อมูลต่างๆ ไม่เช่นนั้นจะช่วยพี่ชายให้มากขึ้นได้อย่างไรกันล่ะ!”

       “งั้นเจ้าช่วยข้าดูหน่อย กลั่นก้อนศิลาพยัคฆ์กระหายเลือดนี้ต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้าง”

       ลู่ลู่มองแล้วพูด “ไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบอื่น กลั่นตรงๆ ได้เลย ศิลาวิญญาณก้อนนี้มีพลังที่มีอานุภาพสูงของวิญญาณพยัคฆ์กระหายเลือดแฝงอยู่ มันน่าจะให้ทักษะดูดซับพลังงานให้วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีเขียวของท่านด้วย ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นข้าก็ไม่ทราบเหมือนกัน”

       “อืม”

      หลินมู่อวี่หลับตาทั้งสองข้าง เริ่มรวบรวมสมาธิเพื่อกลั่นพลัง ติ่งหลอมอาวุธปรากฏออกมา ตอนที่ศิลาวิญญาณของพยัคฆ์กระหายเลือดเข้าไปอยู่ในติ่งนั้น ติ่งก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวก็ดูดซับพลังงานจากศิลาวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง และศิลาวิญญาณที่ถูกกลั่นอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ก็ค่อยๆ สลายตัวออกมาทีละนิดๆ พลังงานมหาศาลไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายของหลินมู่อวี่ แล้วถูกเขาดูดซับไปใช้ต่อ

 

      ขั้นตอนนี้ดำเนินต่อเนื่องเกือบหนึ่งชั่วโมง เมื่อหลินมู่อวี่ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ มองเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น และในร่างกายก็มีคลื่นพลังที่ถ้าไม่ระบายออกจะทำให้อึดอัด เขาจึงแบมือออก “วิ้ง” ปราณปรากฏขึ้นและก่อตัวเป็นโล่ปราณ นั่นเป็นทักษะประจำตัวของยอดฝีมือขอบเขตปฐพีชั้นที่หนึ่ง “โล่ปราณ” เป็นทักษะที่ช่วยเพิ่มพลังการป้องกันให้มากขึ้น

       หลินมู่อวี่ดูวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวอีกครั้ง ตอนที่เขามองเข้าไปในทะเลจิตของตนเองก็มองเห็นเถาวัลย์ของน้ำเต้าสีเขียวมีหนามแหลมงอกขึ้นมา ลู่ลู่บินพูดอยู่ข้างๆ “ทักษะนี้น่าจะเรียกว่าพุ่มหนามได้ แค่ถูกพุ่มหนามแทงก็แย่แล้ว”

       “แย่ยังไง” หลินมู่อวี่ไม่สบอารมณ์ ทักษะนี้น่าผิดหวังยิ่งนัก

      ลู่ลู่ยิ้ม “เพราะหนามของมันแฝงพลังของพยัคฆ์กระหายเลือดเอาไว้ หากถูกหนามแทงเข้าละก็ จะทำให้ปราณของคนผู้นั้นไหลออกมานอกกายได้”

       “เป็นอย่างนี้นี่เอง!” แบบนี้ค่อยน่าพอใจหน่อย 

      หลินมู่อวี่ลุกขึ้นยืน กำหมัดสะสมพลัง ทันใดนั้นพลังงานที่ทรงพลังก็ไหลเวียนอยู่รอบๆ หมัด พลังงานนี้ห่างไกลจากเมื่อก่อนมาก ดูท่าตนเองมาถึงขั้นบรรพชนสงครามระดับสามสิบแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ไปให้วิหารศักดิ์สิทธิ์รับรองเท่านั้นเอง มิเช่นนั้นก็คงจะได้รับเหรียญทองไม่น้อยมาเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน

      ในตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เซียงเซียงผู้เย้ายวนก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง “คุณชาย เซียงเซียงนำสำรับอาหารเย็นมาส่งให้ท่านกับแม่นางฉู่เหยาเจ้าค่ะ”