“เฉินฝานซิง เธอรังแกคนอื่นมีเหตุผลหรือเปล่า” 

 

 

หลินเฟยเฟยเห็นเฉินเชียนโหรวแสดงอาการหวาดกลัวอย่างปิดไม่มิด จึงอดไม่ไหวที่จะชี้หน้าด่าอย่างเดือดดาล 

 

 

สายตาเย็นชาเหลือบมองเธอ แววตาเยือกเย็นนั้นทำเอาหัวใจของหลินเฟยเฟยสั่นกลัวไม่กล้าก้าวเข้าไปต่อ 

 

 

“พี่คะ วันนี้ที่สกุลซู…พี่เหิงเขาแค่อย่าให้พี่เย็นลงสักหน่อยแล้วค่อยตัดสินใจ พี่เข้าใจเขาผิดแล้ว…” 

 

 

เฉินฝานซิงกระตุกริมฝีปาก “เธอพูดแก้ตัวแทนซูเหิงต่อหน้าฉันแบบนี้ต้องการอะไร อยากให้ฉันนึกได้ว่าเขาดีกับฉันยังไง หลังจากนั้นก็ไปแย่งเขากลับมางั้นเหรอ” 

 

 

เฉินเชียนโหรวได้ยินถึงกับขบริมฝีปากทันที 

 

 

“พี่คะ ฉันก็แค่หวังว่าพี่จะสนับสนุนเราจากใจจริง…ยังไงซะพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันและฉันกับพี่เหิงหวังว่าจะได้รับการอภัยและคำอวยพรจากพี่…” 

 

 

นัยน์ตาของเฉินฝานซิงฉายแววความเย็นชาและเหลืออด 

 

 

“เชียนโหรว จะมัวพูดกับเขาให้มากความทำไม ไม่มีเขาสักคนโลกจะโลกจะหยุดหมุนเชียวเหรอ” 

 

 

“เธอนี่ก็จริงๆ เลยนะ คิดจะตั้งตัวเป็นคู่แข่งของเชียนโหรวใช่ไหมล่ะ พอเชียนโหรวชอบอะไรเธอก็จะชอบอย่างนั้น!” 

 

 

“ใครที่สนิทกับเฉินเชียนโหรวเห็นชุดราตรีนี้แวบแรกก็รู้แล้วว่าชุดราตรีชุดนี้มันเกิดมาเพื่อเขา ถามจริงๆ นะ…ตอนแรกเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้หยิบมันมาสวม” 

 

 

“เธอคงชอบแย่งของที่เชียนโหรวชอบจนเป็นนิสัยล่ะสิ” 

 

 

คำพูดบิดเบือนข้อเท็จจริงของหลินเฟยๆ ทำเอาเฉินฝานซิงปวดขมับขึ้นมาทันที สายตาเย็นชาดุจดาบคมของเธอพุ่งตรงไปยังหลินเฟยเฟย 

 

 

“นี่เธอตาบอดหรือจิตไม่สมประกอบ ฉันแย่งของเชียนโหรว? ไหนลองว่ามาซิว่าฉันไปแย่งอะไรของเชียนโหรวมา” 

 

 

เมื่อต้องเผชิญกับสีหน้าโกรธเกรี้ยว หลินเฟยเฟยถึงกับหน้าถอดสี 

 

 

ร่างของเธอถอยกรูไปหลบหลังเฉินเชียนโหรวโดยอัตโนมัติ ความดูถูกได้ผุดขึ้นจากเบื้องลึกนัยน์ตาของเฉินเชียนโหรว ทว่าใบหน้ายังคงอบอุ่นดุจสายธาร 

 

 

“เอาเถอะเฟยเฟย ตรงนี้ไม่ใช่ที่พูดคุยกันนะ ชุดราตรีก็ว่าจะมีแค่ชุดเดียว…” 

 

 

ตอนนี้เอง อีกด้านหนึ่งหญิงชราได้หันไปสั่งกับไหลหรงที่ยืนอยู่ข้างกายว่า 

 

 

“รีบไปคิดเงินก่อน!” 

 

 

“ค่ะ!” 

 

 

“ยังไงซะฉันกับพี่ก็เป็นพี่น้องกัน ชอบอะไรเหมือนๆ กันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก อยากลองใส่ชุดราตรีเหมือนกันกับพี่สาวไปออกงานดูเหมือนกัน คงจะดูเป็นพี่น้องที่สนิทกับมาก” 

 

 

เฉินเชียนโหรวพูดเองเออเองหันไปสั่งกับพนักงาน 

 

 

“ขอชุดแบบนี้ไซส์ s มาให้ฉันอีกชุดค่ะ” 

 

 

“ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณผู้หญิง ชุดราตรีมีระดับแบบนี้มีแค่ไซส์ละตัว ไซส์ s ก็คือชุดที่คุณผู้หญิงท่านนี้สวมอยู่! และก็ได้ชำระเงินไปแล้วค่ะ!” 

 

 

พนักงานตอบด้วยสีขอโทษ 

 

 

เฉินฝานซิงตกใจเล็กน้อย เธอชะโงกหน้ามองไปยังจุดนั่งพัก แม่บ้านไหลหรงค่อยๆ โน้มศีรษะให้กับเธอ 

 

 

เธอเก็ทแล้ว 

 

 

หน้าของเฉินเชียนโหรวนิ่งลง 

 

 

ชุดราตรีคอลเลคชั่นนี้สวยจริงๆ แถมเมื่อได้สวมใส่อยู่บนร่างของเฉินฝานซิงแล้วยังดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร 

 

 

ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมให้เฉินฝานซิงแย่งความสนใจจากเธอไปได้ อย่างเฉินฝานซิงน่ะต้องเป็นผู้หญิงทื่อๆ น่าเบื่อๆ แบบนั้นถึงจะถูก! 

 

 

เธอลังเลอยู่สักพัก จดจ้องเฉินฝานซิงอย่างลำบากใจแล้วเอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว 

 

 

“พี่คะ พี่จะต้องไปร่วมงานเลี้ยงเร็วๆ นี้เปล่า” 

 

 

“ว่าตามตรง ค่ำวันเสาร์นี้ ฉันต้องไปร่วมงานเลี้ยงสำคัญงานหนึ่ง…หากพี่ไม่รีบล่ะก็ ชุดราตรีชุดนี้ให้ฉันใส่ก่อนได้ไหม…แล้วฉันจะเอาชุดราตรีตัวอื่นมาแลก! จะสองชุด สามชุด ห้าชุดก็ได้ทั้งนั้น! ตกลงไหมคะพี่สาว?” 

 

 

เฉินเชียนโหรวมองเธออย่างระแวดระวังด้วยสีหน้าเว้าวอน 

 

 

เฉินฝานซิงกระตุกยิ้มเย็น “ไม่ตกลง”