ตอนที่ 55 สงสัยตั้งแต่แรกแล้ว!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

หลิงอวี่กลับมาอารมณ์ดีแล้ว เขาเห็นหลิงหลานมองปืนพกเลเซอร์อนุภาคตรงเอวเขาด้วยใบหน้าสงสัย เขาก็ชักปืนพกของตัวเองออกมาอย่างโอ้อวดก่อนจะส่งให้กับหลิงหลานและเอ่ยว่า “ชอบไหมครับ นี่เป็นปืนพกเลเซอร์อนุภาค ถึงแม้ว่าพลังทำลายจะสู้พวกปืนกลไม่ได้ แต่ว่ามันก็พอจะกำจัดพวกคนที่ไม่ได้สวมชุดป้องกันได้เหมือนกัน”

ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหลานเปล่งประกาย เธอรับปืนพกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น จากนั้นก็ก้มหน้าศึกษาดู ราวกับอยากรู้มากๆ ว่าปืนเลเซอร์ประกอบขึ้นมาอย่างไร

หลิงหัวอมยิ้มที่มุมปาก เวลานี้หลิงหลานกลับมาเป็นเด็กปกติที่เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับสิ่งของที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

มีเพียงหลิงฉินเท่านั้นที่เหลือบมองหลิงหลานด้วยสีหน้าแปลกๆ ควรทราบว่าหลิงหลานเคยเล่นของประเภทนี้มานานแล้ว แต่ทำไมเธอถึงได้ทำท่าทางแบบนี้ออกมา อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้พูดไป เขาเชื่อว่าหลิงหลานทำแบบนี้ย่อมต้องมีเหตุผลของเธอแน่นอน เขาตัดสินใจอดทนรอให้คำตอบประกาศออกมาในตอนสุดท้าย

เมื่อเห็นหลิงหลานเล่นปืนพกด้วยความงุ่มง่าม หลิงอวี่ก็เตือนด้วยใบหน้าเคร่งเครียดว่า “อย่าปลดเซฟตี้นะครับ ตรงนั้นเป็นสวิตช์ กดมั่วๆ จะเกิดเรื่องได้”

หลิงหลานมองหลิงอวี่อย่างตำหนิแวบหนึ่ง ราวกับโกรธที่เขาไม่ไว้ใจเธอ แต่เธอก็เล่นปืนพกเลเซอร์ในมือด้วยความจริงจังอย่างรวดเร็ว ไม่นานเธอก็เล่นจนพอใจและหมดความสนใจแล้ว ในตอนที่เธอคิดจะคืนปืนพกเลเซอร์ให้กับหลิงอวี่ เธอก็เห็นปืนพกที่เอวของหลิงหัวซึ่งแตกต่างกับปืนในมือเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอเอ่ยถามหลิงหัวด้วยความงุนงงว่า “ทำไมปืนพกเลเซอร์ของนายถึงไม่เหมือนกับอันนี้ล่ะ” หลิงหลานโบกปืนเลเซอร์ในมือ

หลิงหัวตอบด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมอยู่บนใบหน้า “นี่เป็นเพราะอาวุธที่จัดให้หัวหน้าจะไม่เหมือนกับสมาชิกทีมครับ”

“อ้อ? เป็นแบบนี้นี่เอง ฉันอยากดูปืนพกของนายจะได้หรือเปล่า” แววตาของหลิงหลานเผยความอยากรู้อยากเห็นออกมา ราวกับอยากรู้ว่าปืนพกของหัวหน้ากับลูกทีมแตกต่างตรงไหนกันแน่

หลิงหัวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ชักปืนพกเลเซอร์ที่เอวออกมาและยื่นให้หลิงหลาน แน่นอนว่าเขาไม่ลืมกล่าวเตือนว่า “อย่าเปิดเซฟตี้เด็ดขาดนะครับ อานุภาพของปืนพกกระบอกนี้ทรงพลังกว่าปืนพกเลเซอร์ทั่วไปสี่ห้าเท่า ไม่ด้อยไปกว่าพวกปืนกล คุณชายหลาน คุณอย่าทำร้ายตัวเองนะครับ”

หลิงหลานพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เธอไม่มีทางปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอยู่แล้ว หลังจากรับปืนพกที่เห็นได้ชัดว่าดูใหญ่กว่าหนึ่งรอบกระบอกนั้น เธอก็วางปืนสองกระบอกมาเปรียบเทียบกัน อันที่จริงรูปลักษณ์ภายนอกไม่แตกต่างกันมากนัก เพียงแต่ส่วนท้ายของปืนที่ไว้เสียบตลับพลังงานรวมไปถึงลำกล้องปืนดูหนากว่าปืนพกเลเซอร์ทั่วไป

หลิงหลานเล่นปืนพกสองกระบอกในมือรอบหนึ่ง ในขณะที่หลิงหัวกับหลิงอวี่คิดว่าหลิงหลานกำลังจะส่งปืนพกกลับคืนมา การกระทำต่อมาของหลิงหลานก็ทำให้ขอบตาของพวกเขาสองคนกระตุกอย่างรุนแรงทันที พวกเขาไม่คาดคิดว่า คุณชายหลานของพวกเขาจะหน้าไม่อายขนาดนี้ ยัดปืนสองกระบอกเข้าไปในชุดป้องกันของตัวเองอย่างเปิดเผย แล้วยังตบเบาๆ ด้วยความพอใจ สีหน้าและการกระทำนั้นบอกพวกเขาอย่างชัดเจนว่า ปืนเลเซอร์ทั้งสองกระบอกถูกเธอยึดไป กลายเป็นของสะสมของเธอแล้ว

หลิงหัวยิ้มขื่นด้วยความจนใจ เขามองไปที่หลิงฉิน หวังว่าพ่อบ้านหลิงฉินจะเอ่ยปากให้คุณชายหลานคืนปืนพกเลเซอร์กลับมาได้ ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นอาวุธมาตรฐานของพวกเขาที่ขาดไม่ได้

หลิงฉินกำลังคิดจะเอ่ยปากห้ามปราม ก็เห็นสายตาของหลิงหลานที่กวาดมองเข้ามา แววตานั้นดูแน่วแน่และยังคมกริบอีกด้วย ทำให้ในใจเขาสั่นสะท้านขึ้นมาฉับพลัน เขารีบเปลี่ยนความคิดทันที และบอกใบ้กับพวกหลิงหัวแทนว่า ต้องตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของคุณชายหลานให้ดี ส่วนเรื่องอาวุธของพวกเขา หลังจากกลับไปที่ตระกูลหลิงแล้วจะให้ฝ่ายพลาธิการชดเชยให้

หลิงหัวกับหลิงอวี่ทำเป็นมองไม่เห็นอะไรอย่างจนปัญญา ทว่าหลิงหลานกลับทำหน้าพออกพอใจ พวกเขาออกจากทุ่งกว้างรกร้างอย่างรวดเร็ว กลับไปยังจุดร่อนลงในตอนแรกของหุ่นรบพวกหลิงหัวกับหลิงอวี่ สิ่งที่อยู่ในสายตาหลิงหลานทั้งหมดคือหุ่นรบสูงใหญ่สองตัวนั้น ตอนนี้พวกมันกำลังยืนอย่างองอาจอยู่บนพื้น หลุบมองลงมาที่พวกหลิงหลาน หลิงหลานรู้สึกว่าเมื่ออยู่ตรงหน้าหุ่นยนต์สองตัวนี้ ตัวเธอเปลี่ยนเป็นเปราะบางมาก ราวกับว่าเธอสามารถถูกหุ่นรบบดขยี้ได้ง่ายๆ พลังโจมตีนี้แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว แววตาของเธออดเผยความรู้สึกตื่นเต้นออกมาไม่ได้ เหมือนกับมองเห็นของเล่นที่ตัวเองรักมากที่สุด

อันที่จริง หลิงหลานไม่ได้ชอบหุ่นรบเหมือนกับที่เธอแสดงออกขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม เวลานี้หุ่นรบเท่ๆ ที่เธอเห็นได้แค่ในอนิเมะเท่านั้นกลายมาเป็นของจริงปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ ทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังฝันไป แยกไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งว่าเธออยู่ในชาติก่อนหรือว่าชาตินี้ ดังนั้นหลิงหลานเลยไม่สามารถรักษาสีหน้าสงบนิ่งของตัวเองเอาไว้ได้

“นี่ก็คือหุ่นรบตระกูลหลิงของพวกเราเหรอ ทรงพลังมากเกินไปแล้ว” หลิงหลานอดร้องอุทานด้วยความตกใจขึ้นมาไม่ได้

หลิงหัวยิ้ม เขานึกถึงตอนที่ตัวเองเห็นหุ่นรบครั้งแรก ก็เหมือนกับหลิงหลานที่อุทานอย่างตื่นตะลึงแบบนี้

หลิงอวี่ยิ่งลำพองใจมากขึ้นไปอีก เขากล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ว่าหุ่นรบส่วนตัวจะเป็นพวกหุ่นรบมาตรฐานที่ใช้อย่างแพร่หลายในโลกภายนอก ถ้าหากสามารถเข้าไปกองทัพได้ บางทีก็อาจจะได้รับหุ่นรบที่ดีกว่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเกิดกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนสีหุ่นรบได้อย่างอิสระ…ผมอยากจะทาสีมันให้เป็นสีแดงที่ผมชอบมากที่สุด…”

“เลิกฝันกลางวันได้แล้ว พวกเราไม่มีโอกาสเปลี่ยนเป็นหุ่นรบระดับหัวหน้าด้วยซ้ำ” หลิงหัวแสดงความเสียใจของเขาออกมาเป็นครั้งแรก ผู้ควบคุมหุ่นรบแต่ละคนต่างก็อยากควบคุมหุ่นรบที่ร้ายกาจที่สุดเท่าที่ตัวเองจะควบคุมได้ โผบินอย่างอิสระอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวผืนนี้ สามารถสังหารศัตรูทุกคนที่อยู่ตรงหน้า และมีพลังอำนาจดุดันฝ่าทะลวงศัตรูได้อย่างกล้าหาญ

น่าเสียดายที่หุ่นรบในสหพันธรัฐยังคงเป็นอุปกรณ์อาวุธที่อยู่ในหมวดต้องห้าม ต่อให้เป็นตระกูลที่มีคุณสมบัติครอบครัว หุ่นรบส่วนตัวก็เอามาได้แค่หุ่นรบมาตรฐานธรรมดามากที่สุดเท่านั้น

หลิงอวี่ถูกหัวหน้าของตัวเองทำลายความฝันอันงดงามของเขาก็ได้แค่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ในฐานะที่เป็นผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง พวกเขาก็ได้ปฏิเสธเส้นทางในการสมัครเป็นทหารแล้ว

หลิงหลานไม่ได้สังเกตเห็นการกระทำของหลิงหัวกับหลิงอวี่เลย เธอเดินขึ้นหน้าไปด้วยสีหน้าลุ่มหลง ก่อนจะสัมผัสตรงจุดที่ตัวเองสามารถแตะได้ เย็นมาก ผิวชั้นนอกโลหะที่เธอคิดไว้นั้นเป็นอย่างที่เธอคิดไว้จริงๆ

เธอลูบตัวเดียวไม่พอ ก็ลูบไปที่หุ่นรบอีกตัว การกระทำที่ดูหยาบคายเล็กน้อยทำให้หลิงหัวกับหลิงอวี่รู้สึกหนาวยะเยือกไปทั่วร่าง พวกเขารู้สึกเหมือนตัวเองถูกลวนลาม ช่วยไม่ได้ ผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคนต่างรักทะนุถนอมหุ่นรบของตัวเองอย่างยิ่งราวกับรักร่างกายของตัวเองก็ไม่ปาน ดังนั้นพวกเขาสองคนถึงได้เกิดความเข้าใจผิดแบบนี้

ตอนนี้เอง เสียงกระหึ่มอย่างรุนแรงดังมาจากท้องฟ้า หลิงหลานเงยหน้าขึ้นก็เห็นหุ่นรบสามตัวกำลังลอยห่างจากรอบตัวเธอหนึ่งร้อยเมตร แต่ละตัวต่างเฝ้าระวังทิศทางที่ตัวเองรับผิดชอบ

หลิงหัวเดินไปที่ข้างกายเธอและเอ่ยถามว่า “คุณชายหลาน อยากเข้าไปดูหุ่นรบทำการบินใกล้ๆ ไหมครับ”

หลิงฉินขมวดคิ้ว ให้หุ่นรบเอาอกเอาใจเด็กในเวลาแบบนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วเหรอ ถึงอย่างไรตอนนี้พวกเขายังไม่แน่ว่าจะปลอดภัย

หลิงหัวเห็นดังนั้นก็อธิบายว่า “คนของกองทัพตามพวกเรามาด้วย ตอนนี้กำลังคุ้มครองพวกเราอยู่รอบนอก และเป็นเพราะได้เจอกับพวกเขา พวกเราถึงได้หลบหนีออกจากวิกฤติมาได้”

หลิงหลานมองไปทางหลิงฉินด้วยสีหน้าคาดหวัง ทำให้หลิงฉินเอ่ยคำพูดปฏิเสธไม่ออกอีก ช่างเถอะ ถือซะว่าเป็นการชดเชยละกัน ครั้งนี้หลิงหลานเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ทำให้เธอดีใจก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ด้วยเหตุนี้เองหลิงฉินก็พยักหน้า สื่อว่าเห็นด้วย

หลิงหลานเห็นหลิงหัวขยิบตาให้เธอ เธอก็ยิ้มทันที ดูท่าหลิงหัวอยากทำให้เธอดีใจ ถึงได้จงใจจัดการแบบนี้

หลิงหัวรีบเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารในข้อมือทันที “หลิงเจ๋อ พวกนายลงมาหน่อย ให้คุณชายหลานดูความองอาจห้าวหาญของพวกนาย แสดงให้ดีๆ ล่ะ!” หลิงหัวพูดสองแง่สองง่าม บอกพวกคนในทีมไม่ให้บินหนึ่งรอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทางที่ดีต้องเคลื่อนไหวผาดโผนพลิกแพลงสักหลายท่า ควรทราบว่าเด็กเล็กๆ ชอบดูเรื่องแบบนี้มากที่สุด

“ครับ!” หลิงเจ๋อเข้าใจแจ่มแจ้ง

หุ่นรบสามตัวขับเคลื่อนเครื่องยนต์พลังงานนิวเคลียร์ และเริ่มวนรอบหลิงหลานอยู่บนท้องฟ้า หลังจากนั้นก็เห็นหุ่นรบสามตัวเริ่มทำท่าบินพื้นฐานต่างๆ รวมไปถึงแสดงท่าต่อสู้ต่างๆ ออกมา ทำให้หลิงหลานที่อยู่ด้านล่างมองดูด้วยความตื่นเต้นอย่างหาใดเปรียบ เธออดตบมือกระโดดโลดเต้นไม่ได้

เมื่อทำการเคลื่อนไหวที่ผาดโผนสุดขีดแล้ว จู่ๆ หุ่นรบสามตัวก็ร่อนลงอย่างฉับไว ทำให้หลิงหลานตกใจจนร้องว้ากเสียงดัง หลังจากนั้นมันก็หยุดฉับพลัน แหย่หลิงหลานให้หัวเราะเสียงดังด้วยความเบิกบาน

หลิงฉินเห็นฉากนี้ ขอบตาก็พลันฉ่ำรื้นอยู่บ้าง หลิงหลานที่ทำตัวเหมือนโตก่อนวัยมาตลอดทำให้เขาใกล้จะลืมไปแล้วว่าหลิงหลานเป็นเพียงเด็กอายุหกขวบเท่านั้น เดิมทีเธอควรจะไร้เดียงสาและร่าเริงแบบนี้ น่าเสียดายที่ผู้นำตระกูลหลิงเซียวด่วนจากไปเร็ว ทำให้เธอต้องแบกภาระที่หนักหน่วงเท่าภูเขาของตระกูลหลิงนี้ ดังนั้นเขาจำเป็นต้องบีบให้หลิงหลานโตเป็นผู้ใหญ่…

เรื่องที่เดิมทีควรจะให้บิดาเป็นคนทำ ตอนนี้กลับได้แต่ให้ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงมาทำ ถ้าหากหุ่นรบที่บินอยู่ด้านบนเป็นหุ่นรบ IN ของผู้นำตระกูลหลิงเซียวละก็ มันจะดีงามขนาดไหนกัน

ในที่สุดหุ่นรบสามตัวก็ทำการแสดงของพวกเขาเสร็จและเริ่มบินลงมา พวกมันให้เครื่องยนต์ปล่อยการผลักดันต้านแรงโน้มถ่วงเพื่อไม่ให้พื้นเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง หุ่นรบค่อยๆ ร่อนลงมา แรงผลักดันมหาศาลที่เครื่องยนต์ปล่อยออกมาทำให้หลิงหลานที่อยู่ใกล้หุ่นรบมากที่สุดยืนไม่มั่นคง ทันทีที่จะล้มลงไปฉับพลันนั้น หลิงหัวก็มีปฏิกิริยาตอบสนองไวที่สุด มือของเขาคว้าหลิงหลานไว้แน่นทำให้หลิงหลานยืนนิ่ง ในขณะเดียวกันก็ขยับตัวไม่ได้เช่นกัน

หลิงหลานก้มหน้าลง ไอชั่วร้ายปล่อยออกมาวูบหนึ่ง แรงที่มือของหลิงหัวมากเกินไปหน่อยไหม

แววตาของหลิงหลานเย็นเยียบ การเคลื่อนไหวของมือ เท้า เอวและท้องเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบเชียบ..

หุ่นรบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ หลิงหลานแหงนหน้าเล็กๆ ของตัวเองด้วยความยากลำบาก ระดับความสูงของหลิงหัวสามารถมองเห็นสีหน้าของหลิงหลานได้ทั้งหมด ดูตื่นเต้นร่าเริง ไม่รู้เลยสักนิดว่าต่อไปเธอจะเกิดอะไรขึ้น

ร่องรอยความเสียใจและความรู้สึกทำใจไม่ได้ส่องวูบขึ้นมาในดวงตาของหลิงหัว…

ในขณะเดียวกัน หุ่นรบสามตัวที่เพิ่งจะยืนตรงได้มั่นก็ยื่นแขนขวาออกมาพร้อมกัน ปืนเลเซอร์เล็งไปที่หลิงหลานร่วมกัน ในตอนที่ทุกคนยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่นั้น หลิงหัวที่จับตัวหลิงหลานไว้ก็ยกตัวหลิงหลานขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะเหวี่ยงไปด้านบนอย่างสุดแรง…

หลิงหลานที่ลอยข้ามศีรษะของหลิงหัวก็มองเห็นด้านหลังตัวหลิงหัวได้อย่างชัดเจน หลิงฉินกระโจนเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นพรั่งพรึง ส่วนหลิงอวี่ที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยวเช่นกัน

น่าเสียดายที่สายไปแล้ว หุ่นรบสองตัวจากในสามตัวที่กำลังเล็งเป้าไปยังหลิงหลานเปลี่ยนทิศทางของปืนเลเซอร์ในมือฉับพลัน และแยกกันเล็งเป้าไปที่หลิงฉินกับหลิงอวี่สองคน…

การล็อกคออย่างเฉียบขาดที่รวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ!

แขนขวาของหลิงหลานฝืนบิดจนกลายเป็นแนวโค้งประหลาดๆ ซึ่งขัดต่อหลักฟิสิกส์เรื่องการบิดตัวของมนุษย์สุดขีด เธอล็อกคอของหลิงหัวไว้ และร่างกายก็ยืมแรงที่ทำการล็อกนี้ลอยขึ้นไปกลางอากาศและตีลังกาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ที่ด้านหลังหลิงหัว ในขณะเดียวกัน ปืนเลเซอร์กระบอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้นอยู่ในมือซ้ายของหลิงหลานและจ่อไปที่ข้างศีรษะของหลิงหัวอย่างดุดัน

“อย่าขยับ!” หลิงหลานตวาดอย่างรุนแรงทำให้หุ่นรบสามตัวหยุดการเคลื่อนไหว ถ้าหากช้าไปอีกนิด พวกเขาก็คงจะเหนี่ยวไกแล้ว

หลิงหัวที่ถูกจับตัวแทนก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างยิ่งในที่สุด เขาเอ่ยถามด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “เราเผยพิรุธตรงไหนครับ คุณชายหลาน”

หลิงหลานเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ตั้งแต่แรกแล้ว”

“หืม?” หลิงหัวฟังไม่เข้าใจ

“ตั้งแต่ที่พวกนายมาช่วยช้า ฉันก็สงสัยพวกนายแล้ว พอพวกนายกลับมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิดเดียว ฉันก็แน่ใจแล้ว” แต่ไหนแต่ไรมาหลิงหลานก็ไม่เคยไว้ใจหน่วยหุ่นรบของตระกูลหลิงเลย

……………………………………………..