จิ้งจอกเฒ่านี่! มังกรดำแอบด่า อันที่จริงในตอนแรกเขามีแผนเช่นนั้น ขอแค่คนกลุ่มนี้ช่วยเหลือเขา เขาก็จะจัดการมนุษย์ที่ต่ำต้อยเหล่านี้ให้แหลกไปทันที แต่เขาเพิ่งเปลี่ยนใจ มนุษย์เป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจไร้ยางอาย และเจ้าเล่ห์ที่สุดมาโดยตลอด การติดตามนางไปเพื่อไปเรียนรู้สิ่งเหล่านี้และกลับไปจัดการกับพี่ชายของเขาเป็นเรื่องที่ดี 

 

 

แคลร์หรี่ตา ความคิดของคลิฟตรงกับนางเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามังกรดำตัวนี้จะไม่ฆ่าพวกเขาอย่างแน่นอน 

 

 

คลิฟร่ายคาถาบนคริสตัล จากนั้นก็ส่งให้แคลร์ เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาและโบกสะบัดขึ้นไปในอากาศแล้วเริ่มร่ายคาถาที่ซับซ้อน ไม้กายสิทธิ์ส่องแสงตรงไปที่ด้านบนของหัวมังกรดำ จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสี่ดวงพุ่งลงไปกระทบลูกบอลแสงสี่ลูกที่มัดมังกรดำอยู่ 

 

 

ลูกบอลแสงทั้งสี่สั่นสะเทือนอย่างช้าๆ จากนั้นก็สั่นสะเทือนรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เม็ดเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของคลิฟ แต่เขาก็ยังไม่หยุดท่องคาถาของและกลับเร่งเร็วขึ้น 

 

 

มังกรดำส่งเสียงคำรามยาว จากนั้นก็ใช้อุ้งเท้าหน้าทั้งสองดึงโซ่แสงและกระตุกอย่างรุนแรง 

 

 

เสียงโซ่แตกดังก้อง แสงสีขาวพราวปกคลุมมังกรดำ ปีกของเขากระพือทำให้เกิดคลื่นอากาศจนคนตรงนั้นแทบจะลืมตาไม่ขึ้น 

 

 

ในเวลาต่อมา เสาทั้งสี่เหล่าถูกมังกรดำทำลาย แสงสีขาวสลายหายไป มังกรดำยืดตัวของเขาเพื่อรับอิสรภาพ! มังกรดำคำรามขึ้นฟ้า ระบายความแค้นภายในใจ และความสบายตัวหลังได้รับการปลดปล่อยออกมา 

 

 

คลิฟค่อยๆ ลืมตาขึ้นและเช็ดเหงื่อที่เกาะอยู่บนหน้าผาก แคลร์รีบไปช่วยพยุงคลิฟนั่งลง 

 

 

มังกรดำมองพวกเขา และทันใดก็มีมีแสงกระพริบ จากนั้นมังกรดำก็กลายร่างเป็นมนุษย์ ผมของเขาสีดำ ตาสีดำ และสวมเสื้อผ้าสีดำ ใบหน้าหล่อเหลามีความดุร้าย ยิ่งส่วนลึกในดวงตาของเขาก็ยิ่งดุร้าย 

 

 

“แคลร์ ฟันไง ฟัน” ซัมเมอร์เตือนแคลร์ด้วยเสียงต่ำ 

 

 

“หากเจ้าได้รับฟันในตอนนี้ เจ้าก็กลับไปทำการทดสอบให้สำเร็จงั้นหรือ? ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ขาดทุนน่ะสิ หากเจ้าหายตัวไปเลยเช่นนี้” แคลร์หันไปพูดกับซัมเมอร์ตรงๆ ผีสาวผู้นี้ แคลร์รู้นิสัยของนางเป็นอย่างดี 

 

 

“โธ่ อย่าพูดเช่นนั้นสิ ข้าจะกลับมาทันทีหลังจากทดสอบเสร็จสิ้น ข้าจะติดตามเจ้าไปที่ป่าเอลฟ์ ข้ายังไม่ได้ตอบแทนเจ้าเลย” ซัมเมอร์ให้สัญญาอย่างรวดเร็ว 

 

 

“เช่นนั้น เจ้าชาย ข้าคิดข้อตกลงประการที่สามของข้าได้แล้ว” แคลร์ไม่สนใจซัมเมอร์แล้วหันไปมองมังกรดำ 

 

 

“ข้าชื่อเบน เบอร์นา อเล็กซา เบทอีฟ แอทฟิลด์……” มังกรดำผู้มีผมและดวงตาสีดำบอกชื่อของเขาราวกับกำลังร่ายคาถา พูดนานและดูเหมือนจะไม่หยุดสักที ชื่อมังกรยาวขนาดนี้เลยหรือ? 

 

 

“ข้าจะเรียกเจ้าว่าเบนก็พอแล้ว” แคลร์ขัดคำพูดที่เหลือของมังกรดำเบน “ฟันของเจ้าที่สัญญากับข้าเอาไว้ เจ้าจงเอาให้กับสาวน้อยผู้นี้ไป จากนั้นเจ้าก็พานางไปที่ตระกูลไอล์แล้วพานางกลับมาพบเราหลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบ เจ้าไปตั้งที่พักรอนางสักหนึ่งคืนก็เพียงพอแล้ว ถ้าหญิงผู้นี้ไม่กลับมา เจ้าก็จัดการตระกูลของนางไม่ต้องให้เหลือซากไปเลย” 

 

 

หลังจากที่ซัมเมอร์ได้ฟังคำพูดของแคลร์ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จริงๆ แล้วนางมีความคิดที่จะไม่กลับมาอีก แคลร์อันตรายเกินไป สัมผัสที่หกของผู้หญิงทำให้ซัมเมอร์รู้สึกว่าตราบใดที่นางอยู่กับแคลร์ อันตรายจะตามมาโดยอัตโนมัติ ในอนาคตซัมเมอร์จะได้พิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าสัมผัสที่หกของผู้หญิงนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย! 

 

 

“ข้าขอปฏิเสธ” ใบหน้าของเบนแสดงความดูถูก “ข้าไม่สามารถยอมให้มนุษย์ต่ำต้อยนั่งบนหลังของข้าได้” 

 

 

สีหน้าของซัมเมอร์มีความสุข แต่ทันใดนั้นรอยยิ้มของนางกลับนิ่งค้างไปเมื่อได้ยินคำพูดต่อไปของแคลร์ 

 

 

“ข้าไม่ปล่อยให้นางขี่เจ้าหรอก เจ้าก็แค่ใช้กรงเล็บเกี่ยวนางไว้ให้นางห้อยไปกับตัวเจ้าเท่านั้น” แคลร์ขัดจังหวะเบนอย่างไม่สบอารมณ์ 

 

 

“อืม ถ้าเช่นนั้นก็ได้” ครั้งนี้เบนพยักหน้าให้ความร่วมมือ 

 

 

“คะ… แคลร์… ไม่จริงใช่ไหม… ” ซัมเมอร์ถามด้วยเสียงสั่นเครือ ขณะที่มองมังกรดำกลับร่างเดิมด้วยความหวาดกลัว กรงเล็บนั้น ให้นางอยู่ในกรงเล็บของเขาแล้วขึ้นไปในอากาศงั้นหรือ? ไม่เอานะ! 

 

 

“ไปสิ” เบนไม่สนใจเรื่องนี้ เขาเหยียดอุ้งเท้าออกไปแล้วจับร่างของซัมเมอร์ไว้ เขากระพือปีกลอยขึ้นไปในอากาศท่ามกล่างเสียงร้องของซัมเมอร์ ร่างของเบนก็ค่อยๆ หายไปในท้องฟ้า 

 

 

ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกลจนพวกเขาหายไปก่อนที่จะกลอกตา 

 

 

“แคลร์ เจ้าคิดว่าพวกเขาจะกลับมาหรือไม่? ข้าคิดว่ามังกรดำตัวนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย” เฟิงอี้เซวียนถามด้วยความกังวล 

 

 

“เขาจะทำอะไรที่ไม่ดีกับเจ้าหัวขโมยน้อยนั่นหรือไม่? เขาจะปล่อยให้เจ้าหัวขโมยนั่นตกลงไปตายในขณะที่บินข้ามน้ำหรือเทือกเขาสูงที่ไหนหรือไม่? ” สุ่ยเหวินโม่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว 

 

 

“ไม่หรอก” แคลร์ตอบแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่น นางดูเหมือนจะเข้าใจนิสัยของเบนเป็นอย่างดี เขาหุนหันพลันแล่นและขี้หงุดหงิดเกินไปแต่เขาไม่มีกลอุบายอะไรจึงได้ถูกใส่ร้าย ตอนนี้หากได้รับอิสรภาพและเรียนรู้ที่จะฉลาดขึ้น เขาคงจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปหรอก 

 

 

เขาต้องการที่จะเรียนรู้ความไร้ยางอายและเจ้าเล่ห์จากนาง คิดแล้วแคลร์ก็ลูบคางของตนเอง 

 

 

“งั้นวันนี้เราตั้งที่พักที่นี่กัน พ่อหนุ่ม เจ้าไปหากิ่งไม้ พ่อหนุ่มที่ถือดาบนั่น ไปหาอาหาร เจ้าที่หน้านิ่ง ก็เจ้านั่นแหละ เจ้าไปทำที่พักอาศัยซะ” คลิฟนั่งสบายๆ แล้วสั่งการ จากนั้นเขาตบที่ว่างข้างเขาเบาๆ “มาเลย ศิษย์รัก มานั่งพักกันเถอะ” 

 

 

เฟิงอี้เซวียนออกไปหากิ่งไม้ สุ่ยเหวินโม่ถือดาบออกไปล่าสัตว์ ส่วนจินเหยียนก็เริ่มตั้งกระโจมที่พัก 

 

 

“อาจารย์ ท่านเคยไปป่าเอลฟ์มาก่อนหรือไม่? ” แคลร์ถาม 

 

 

“เคยไป ข้าเคยไปส่งเอลฟ์ผู้นั้นกลับบ้าน เอลฟ์ผู้นั้นอยากรู้อยากเห็นมากว่าโลกนี้เป็นอย่างไรแล้วก็อยากเห็นมนุษย์ด้วย” คลิฟเงยหน้าขึ้นมองไปข้างหน้า ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็สับสนเล็กน้อย ราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นอดีตที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วได้ 

 

 

แคลร์เงียบรอฟังคำพูดของคลิฟ เพราะนางเห็นความเศร้าจางๆ ในดวงตาของเขา เอลฟ์ที่อาจารย์เคยช่วยไว้นั้นต้องเป็นผู้หญิงอย่างแน่นอน! แน่นอนเลย 

 

 

“เอลฟ์ผู้นั้นสวยงามและอ่อนโยนมาก นางบริสุทธิ์ราวกับกระดาษสีขาว นางอยากรู้ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร นางจึงแอบออกจากป่าเอลฟ์เดินทางผ่านเส้นเลือดมังกรและมายังโลกของมนุษย์ที่รุ่งเรือง” คลิฟพูดเบาๆ ราวกับกลัวว่าจะรบกวนคนน่ารักในความทรงจำของเขา 

 

 

“อาจารย์ของเจ้าและเอลฟ์ผู้นั้นต้องมีความสัมพันธ์ชู้สาวกันแน่ๆ ” เสียงของวัลโดดังขึ้นในหัวของแคลร์ 

 

 

แคลร์ก็เห็นด้วยกับความคิดของวัลโด 

 

 

“แต่ความโลภและความปรารถนาที่น่าเกลียดของมนุษย์นั้นห่างไกลจากจินตนาการของนางมากนัก ดังนั้นนางจึงถูกมนุษย์จับขังไว้และพานางไปถวายให้กับจักรพรรดิที่เจ้าชู้และชั่วร้าย…” การแสดงออกของคลิฟเปลี่ยนเป็นความโกรธขึ้นมา 

 

 

ณ จุดนี้คลิฟไม่ได้พูดอะไรอีกและเงียบลง ความเศร้าจางๆ ยังคงมีอยู่บนใบหน้าของเขา 

 

 

“ไม่ต้องบอกก็รู้ อาจารย์ของเจ้าต้องเป็นวีรบุรุษไปช่วยสาวงาม แล้วก็ตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น แต่เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์และเอลฟ์จะแต่งงานกัน เอลฟ์มีอายุมากกว่ามนุษย์หลายเท่า อีกทั้งเอลฟ์ไม่ยอมให้มนุษย์ลบล้างเชื้อสายที่บริสุทธิ์และสูงส่งของตนอย่างแน่นอน ดังนั้นสุดท้ายมันจึงเป็นเรื่องเศร้าจริงๆ …” วัลโดพูด 

 

 

แคลร์ก็คาดเดาเช่นนี้เหมือนกัน 

 

 

ทันใดนั้นเสียงร้องก็ดังขึ้นจากส่วนลึกของป่า มันคือเสียงของสุ่ยเหวินโม่ 

 

 

เกิดเรื่องแล้ว! 

 

 

แคลร์ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและวิ่งไปตามทิศทางของเสียง 

 

 

“ว้าว ใครร้องขนาดนั้นกัน? หรือว่าสุ่ยเหวินโม่จะได้พบกับสาวสวย อยากจะปล้ำนาง แต่นางไม่ทำตามและก็จะฆ่าตัวตาย จากนั้น…” วัลโดใช้จินตนาการของเขาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว 

 

 

“หุบปาก” แคลร์หยุดวัลโดด้วยความโกรธและวิ่งไปตามทิศทางของเสียง 

 

 

“บ้าเอ๊ย! บ้าเอ๊ย! ” ทันใดนั้นวัลโดก็ตะโกนด้วยความรำคาญ “แคลร์ มันเป็นลมหายใจแห่งแสง ให้ตายสิ สุนัขรับใช้ของวิหารแห่งแสง เยอะมาก อย่างน้อยห้าคน! ไม่สิ ยังมีอีกหนึ่ง” 

 

 

อะไรนะ? คนจากวิหารแห่งแสง? พวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไรกัน? 

 

 

“แคลร์” ในตอนนี้ เสียงของเฟิงอี้เซวียนก็ดังมาจากด้านหลังแล้วเขาก็รีบมา ในไม่ช้าจินเหยียนก็มาจากอีกทิศทางหนึ่งเพื่อมาหาพวกเขาเช่นกัน 

 

 

“คนจากวิหารแห่งแสง” แคลร์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม 

 

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไร? ” เฟิงอี้เซวียนถามด้วยความประหลาดใจ 

 

 

“เพราะชุดเกราะของพวกเขาเป็นสีขาวทั้งหมดและมีตราของวิหารแห่งแสง” แคลร์พูดอย่างไม่พอใจ 

 

 

“หือ? ” เฟิงอี้เซวียนเงยหน้าขึ้น อัศวินศักดิ์สิทธิ์ห้าคนในชุดเกราะสีขาวแกว่งดาบและกำลังปิดล้อมสุ่ยเหวินโม่ไว้ แต่เขาก็พยายามต่อสู้อย่างยากลำบาก และไม่ยอมให้อัศวินศักดิ์สิทธิ์ผ่านตัวเขาได้ แคลร์มองไปด้านหลังสุ่ยเหวินโม่ ทันใดนั้นนางก็เห็นอัศวินอีกคน ชุดเกราะสีขาวบนร่างกายของเขาดูสกปรก มันเปื้อนไปด้วยโคลนและเลือด ในอ้อมแขนของเขามีเด็กผู้หญิงหน้าซีดเปื้อนเลือดอยู่! หญิงสาวกอดอัศวินแน่น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวล เพราะอัศวินใกล้จะเป็นลมแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา 

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? 

 

 

สุ่ยเหวินโม่ร่วมมือกับคนในวิหารแห่งแสงได้อย่างไร? 

 

 

“บ้าเอ๊ย ห้าต่อหนึ่ง! พวกเลว!” เฟิงอี้เซวียนพูดด้วยโกรธ เขาไม่สนใจว่าวิหารแห่งแสงเป็นอย่างไร ในสายตาเขามีเพียงไอ้พวกห้าคนนี้ที่รุมล้อมเพื่อนของเขาอยู่ การเคลื่อนไหวของการเฟิงอี้เซวียนนั้นว่องไวและโหดเ**้ยม แท่งน้ำแข็งที่น่ากลัวหลายอันพุ่งไปที่พวกเขาทันที ก่อนที่เหล่าอัศวินพวกนั้นจะมีปฏิกิริยาใดๆ แท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็พุ่งใส่พวกเขาไปแล้ว 

 

 

“จินเหยียน เจ้าภักดีต่อข้ามากกว่าที่เจ้าศรัทธาในวิหารแห่งแสงหรือไม่? ” แคลร์ถามจินเหยียน 

 

 

“คุณหนูคือความศรัทธาของข้า” จินเหยียนยิ้มเรียบๆ แล้วตอบกลับอย่างนุ่มนวล 

 

 

………………………………………………………………………………