ตอนที่ 59 ตบหน้าสองครั้ง

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ

ทักษะการเล่นไวโอลินของเธอถือเป็นระดับมืออาชีพแล้ว 

 

 

เธอเล่นไวโอลินเก่งมากและเป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจ 

 

 

เธอเป็นเช่นนั้นมาตลอดและยังคงเป็นอยู่ 

 

 

“แม่คะ หนูกลับมาแล้ว…” เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นจากข้างนอกขัดจังหวะความคิดของคุณสวี่ 

 

 

คนขับเปิดประตูรถให้และฉินอวี่ก็เดินขนกองหนังสือเข้ามา เธอเห็นหนิงฉิงนั่งอยู่กับคุณสวี่ในศาลาทางซ้ายจึงหันมาพูดเบาๆ ว่า “แม่คะ เพื่อนแม่มาเหรอ” 

 

 

ฉินอวี่ไม่เคยเห็นคุณสวี่มาก่อน เธอมองสำรวจเขาแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร 

 

 

เขาคงไม่สนิทกับตระกูลหลินมากนัก 

 

 

ไม่งั้นหลินหว่านคงออกมาต้อนรับเขาเองแล้ว 

 

 

ฉินอวี่ลอบมองบัตรเอทีเอ็มในมือหนิงฉินและเดาได้ทันที “หรือนี่จะเป็น…พ่อของสวี่เซิ่น” 

 

 

ภายในห้อง หลินหว่านดื่มชาไปครึ่งถ้วยก่อนกระชับผ้าคลุมไหล่และเยื้องย่างออกมา ท่วงท่าของเธอดูสง่างาม 

 

 

คนรับใช้คนอื่นไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมอง แต่พวกเขาก็หูผึ่งคอยแอบฟังอยู่ 

 

 

หนิงฉิงรู้สึกได้ว่าคนรับใช้คอยลอบมองด้วยสายตาแปลกๆ อยู่เป็นระยะ 

 

 

ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ ข่าวของสมาชิกในตระกูลหลินวิ่งเต้นเรื่องฉินหร่านที่ถูกตำรวจควบคุมตัวไปเพราะทะเลาะวิวาทได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งตระกูลหลิน 

 

 

เธอใช้เวลาสิบสองปีในการสร้างภาพลักษณ์สตรีชั้นสูงด้วยตนเอง แต่แค่เพียงเดือนเดียว เธอกลับกลายเป็นตัวตลก 

 

 

 

 

 

“คุณสวี่ ถ้าข่าวนี้รั่วไหลไปจะไม่ดีต่อใครทั้งนั้น ถ้าเป็นไปได้ สะสางกันเป็นการส่วนตัวจะดีกว่านะคะ มันจะดีต่อชื่อเสียงของตระกูลเราทั้งคู่ด้วย” หลินหว่านพูด 

 

 

หลินหว่านไม่มีเจตนาจะเข้าไปยุ่งเรื่องลูกสาวของหนิงฉิงหรืออยากจะเข้ามายุ่งกับเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่นัก 

 

 

เธอไม่รู้ว่าทำไมหลินฉีและหลินจิ่นเซวียนต้องปกป้องฉินหร่าน ลูกเลี้ยงคนนี้ที่มีดีแค่หน้าสวยด้วย แต่เมื่อหลินจิ่นเซวียนมาขอให้เธอช่วย เธอก็ไม่อาจยืนดูอยู่เฉยๆ ได้ 

 

 

“อาสวี่คะ พี่สาวหนูเพิ่งมีโอกาสได้เข้าเรียนที่โรงเรียนอีจง พี่เรียนช้ามาปีนึงแล้ว จะพักการเรียนอีกไม่ได้แล้ว” ฉินอวี่ส่งกระเป๋านักเรียนของเธอให้คนรับใช้ 

 

 

เธอไม่ชอบฉินหร่านก็จริง แต่เธอก็รังเกียจที่จะมีพี่สาวเป็นคนคุก 

 

 

“ผมก็อยากจบเรื่องนี้เงียบๆ เหมือนกัน” คุณสวี่รีบหยิบเช็คออกมาและพูดด้วยความกระดาก “นี่สำหรับที่ลูกชายผมก่อเรื่องไว้ ในฐานะที่ผมเคยสอนหร่านหร่านมาก่อน ช่วยบอกเธอว่าขอให้อธิบดีเลิกกดดันลูกชายผมที เธอไม่อยากเจอหน้าผมแน่ เพราะงั้นคุณนายหลิน ช่วยให้เช็คนี้กับเธอแทนผมทีได้ไหมครับ” 

 

 

เขาก้มหัวลงด้วยความอับอายขณะที่พูดเช่นนี้ “นี่คือค่าชดเชยหนึ่งล้านดอลลาร์ ผมได้ยินว่าหร่านหร่านเองก็บาดเจ็บเหมือนกัน มือของเธอ…” 

 

 

มือเธอไม่ได้เป็นอะไร 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทั้งห้องก็เงียบสนิท แม้แต่หนิงฉิงเองก็ไม่ตอบอะไร 

 

 

ฉินอวี่มองคุณสวี่ด้วยความตกใจ 

 

 

จู่ๆ เรื่องก็พลิกสุดขั้วขนาดนี้ได้ยังไง 

 

 

คุณสวี่ยื่นเช็คให้หนิงฉิงแล้วก็กลับไป 

 

 

 

 

 

หลินหว่านเหลือบมองคุณสวี่จากด้านหลังอยู่นาน จากนั้นก็มองหนิงฉิงที่ยังนิ่งราวกับรากงอก เสียงของเธอชัดและตรงไปตรงมาพอๆ กับคำถาม “ลูกสาวเธอรู้จักอธิบดีเหรอ” 

 

 

หนิงฉิงเองก็ช็อกไม่แพ้กัน 

 

 

กว่าสติของเธอจะคืนมาก็พักนึง งั้นเรื่องนี้ฉินหร่านก็ไม่ผิดเหรอ 

 

 

ตั้งแต่ตอนแรกที่เธอรู้เรื่องนี้ เธอก็เอาแต่กล่าวหาเธออย่างขาดสติ เธอไม่ได้ฟังคำอธิบายและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือของลูกเจ็บ 

 

 

เมื่อมองเช็กหนึ่งล้านดอลลาร์ในมือ หัวใจก็หนิงฉิงก็สั่นสะท้าน แม้แต่คุณสวี่ยังรู้ว่ามือของฉินหร่านบาดเจ็บ แต่เธอที่เป็นแม่แท้ๆ ยังไม่เคยรู้เลยจนตอนนี้… 

 

 

ฉินอวี่มองภาพตรงหน้าแล้วกำมือแน่นจนเล็บจิกลงไปบนฝ่ามือ เธอจึงเอ่ยปาก “คุณอาคะ หนูเรียบเรียงทำนองใหม่เมื่อคืนนี้ อยากลองฟังดูไหมคะว่าครูเว่ยจะชอบไหม” 

 

 

หลินหว่านอยู่ในตระกูลหลินมานานพอจะเห็นฉินอวี่ฝึกซ้อมไวโอลิน 

 

 

มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเธอ 

 

 

** 

 

 

คาบศึกษาด้วยตัวเอง 

 

 

ฉินหร่านนั่งพิงกำแพงแล้วโยนสมุดลงบนโต๊ะของหลินซือหราน เธอนั่งอมลูกอมใจลอยอยู่ 

 

 

“นี่อะไรน่ะ” หลินซือหรานพลิกสมุด มันเป็นสมุดจดวิชาฟิสิกส์และเธอก็อ้าปากอย่างช้าๆ 

 

 

เธอเปิดสมุดและมองดูลายมือสามคำที่เขียนอยู่บนปกสมุด 

 

 

เธออ่านออกเพียงว่าคำหนึ่งคือ “เพลง” และอีกคำคือ “กฎหมาย” 

 

 

เปลือกตาของฉินหร่านหรี่ลง นั่นอาจเป็นเพราะมือของเธอ แต่เธอดูซีดเซียวนิดๆ และเสียงของเธอก็แหบ “มีคนให้ฉันมา เธอจะดูก็ได้” 

 

 

“อ้อ” หลินซือหรานพยักหน้า 

 

 

เธอตอบรับน้ำใจของฉินหร่านและพลิกดูสองสามหน้า แต่ไม่ได้ใส่ใจมากนัก 

 

 

เธอจึงแค่วางมันไว้ข้างๆ 

 

 

ฉินหร่านวางมือถือไว้บนโต๊ะและพลิกหน้าหนังสือในมือขณะคิด คิ้วของเธอดูสับสนและเธอเคี้ยวลูกอมในปากจนแตกละเอียด 

 

 

หลินซือหรานช่วยเธอเปิดขวดน้ำและเทให้ 

 

 

“หร่านหร่าน มือถือเธอดังน่ะ” เธอชี้ไปยังโทรศัพท์มือถือของฉินหร่านที่ตอนนี้ยังสั่นไม่หยุด 

 

 

“ช่างมันเถอะ” ฉินหร่านไม่มองด้วยซ้ำ เธอหรี่ตาและพูดเสียงเนือยๆ 

 

 

หนิงฉิงโทรมาและเธอขี้เกียจเกินกว่าจะรับ 

 

 

หลังจบคาบศึกษาด้วยตัวเอง 

 

 

ฉินหร่านไม่ได้กลับเข้าหอพักพร้อมกับหลินซือหราน เธอกระแอมและเอียงหัวเล็กน้อย “ฉันจะไปซื้อของหน่อย” 

 

 

“ให้ฉันไปช่วยไหม” หลินซือหรานมองที่มือของเธอ 

 

 

“ไม่ต้อง” ฉินหร่านเดินตรงไปยังประตูโรงเรียน โบกมือให้หลินซือหรานและยิ้ม “เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” 

 

 

ในโรงเรียนมีนักเรียนที่เพิ่งเลิกเรียนคาบศึกษาด้วยตัวเองอยู่เต็มไปหมดและนักเรียนที่เพิ่งกลับเข้ามาเรียนอีกเล็กน้อย 

 

 

ข้างนอกโรงเรียนจึงวังเวงและมืด 

 

 

 

 

 

ในทีแรกฉินอวี่ตั้งใจจะฝึกซ้อมไวโอลินที่บ้าน แต่เธอเอาแต่คิดเรื่องของฉินหร่านจนไม่อาจสงบใจลงได้ เธอซ้อมไวโอลินได้ไม่ดีนักและกลัวว่าหลินหว่านจะได้ยิน เธอจึงหาข้ออ้างกลับมาที่โรงเรียน 

 

 

เธอรู้สึกว่าควบคุมฉินหร่านไม่ได้อีกแล้ว 

 

 

“คุณหนูครับ” คนขับรถตระกูลหลินเปิดประตูรถให้ฉินอวี่ลงไป 

 

 

ฉินอวี่พยักหน้าและกำลังจะลงจากรถแต่เธอเห็นรูปร่างของคนที่คุ้นตาอยู่ที่หางตา 

 

 

เธอแสดงท่าทางบอกคนขับให้รอและเดินเข้าไปในซอยที่พักอาศัยในเขตโรงเรียน 

 

 

ในซอยนั้นไม่มีแสงไฟเลย 

 

 

มีเพียงแสงไฟสีเหลืองมัวๆ ที่สี่แยกเท่านั้น 

 

 

ฉินหร่านซ่อนตัวอยู่ตรงสี่แยกแล้วมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง เธอเห็นรถเมอร์เซเดสสีดำที่ท้ายซอย 

 

 

ฉินหร่านยืนอยู่ข้างประตู 

 

 

ข้างๆ เธอมีผู้ชายคนหนึ่ง เพราะเขาหันหลังให้ฉินอวี่ เธอจึงไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เธอพอมองออกว่าเขามีอายุแล้ว ใบหน้าด้านข้างนั้นก็ดูคุ้นๆ เหมือนกับ… 

 

 

ฉินอวี่ตกใจ 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

ประกาศ โปรโมชันอ่านฟรี 

 

 

เรื่อง ‘เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ’ จะเปิดโปรอ่านฟรีตั้งแต่ตอนที่ 1-60 โดยทีมงานจะอัปเดตนิยายถึงตอนที่ 61 ในวันที่ 18 มี.ค. 64 และจะเปิดให้อ่านฟรี 60 ตอนแรก ตั้งแต่วันที่ 18-22 มี.ค. 64 (ระยะเวลา 5 วัน) 

 

 

จากนั้นจะเริ่มติดเหรียญตั้งแต่ตอนที่ 51 เป็นต้นไป วันที่ 23 มี.ค. ในราคาตอนละ 300 เหรียญ ทั้งนี้ระหว่างที่มีโปรฯ อ่านฟรี ทางทีมงานจะยังอัปเดตตอนใหม่อย่างต่อเนื่องพร้อมติดเหรียญตามปกติค่ะ