ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว นาทีถัดมาพลังสีดำกลุ่มนั้นก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันมุ่งหน้าไปหาเหล่าผีดิบที่หลงเหลืออยู่ พลังสีดำกลุ่มนั้นแปรเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายสีดำที่คมราวกับมีด ก่อนจะกลืนกินผีดิบทั้งหมดภายในหอ เพียงชั่วครู่ ผีดิบทั้งหมดก็ถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น หลงเหลือเพียงแต่ซากที่โดนสูบจนแห้งไป
พวกมันไม่มีแม้แต่ที่จะหลบ เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นทุกทิศ เสียงดังยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับตอนที่เหล่าเจ้าสำนักสวีโจมตี บนใบหน้ายังคงหลงเหลือสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อ และสุดท้ายก็ถูกดูดพลังไปจนหมด
“เทพแห่งสวรรค์…ทำไม…” เสียดายพวกเขาคงไม่ได้รับคำตอบอีกตลอดไป
เรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ผีดิบทั้งหมดถูกกำจัดจนหมดเกลี้ยง
“แย่แล้ว!” เจ้าสำนักสวีสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนจะเข้าใจในทันที “สิ่งที่อยู่ในนั้นกลืนกินวิญญาณของผีดิบเหล่านี้ มันคิดจะเกิดก่อนเวลา!”
ทุกคนต่างมีหน้าเปลี่ยนไปตามๆ กัน ถึงแม้จะไม่ว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคืออะไร แต่คงไม่ใช่สิ่งที่ดีอะไรเป็นแน่
“เร็ว เราต้องหาวิธีควบคุมมัน!” เจ้าสำนักสวีพูดเสียงดัง เขารีบคว้ายันต์ม่วงออกมาหลายใบแล้วโยนออกไปอย่างไม่เสียดาย ท่านอาวุโสคนอื่นๆ ก็รีบทำตามทันที ต่างคนต่างท่องคาถาขึ้นมา
เสียดายที่ไม่ทันการเสียแล้วพวกเขาได้ยินเพียงเสียงหนึ่งที่ดังก้องขึ้นมา ก่อนที่จะมีพลังสีดำมากมายพุ่งทะยานขึ้นฟ้า หอบรรพบุรุษพังทลายลงไปในพริบตา พลังสีดำพุ่งตรงขึ้นฟ้า ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่ แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ท้องฟ้ากลับมืดลงอย่างเห็นได้ชัด ราวกับก้าวผ่านเวลาอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงครึ่งเค่อ บริเวณรอบด้านก็มืดสนิท
พื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งขึ้น พลังสีดำเริ่มรวมตัวกันก่อนที่จะมีร่างยักษ์ของอะไรบางอย่างปรากฏต่อหน้าทุกคน มันเป็นร่างที่สูงใหญ่ราวภูเขา พลังสีดำแผ่ขยายอยู่รอบตัว ทำให้มองใบหน้าของมันได้ไม่ชัด ทุกคนรู้สึกได้เพียงแรงกดดันมหาศาลที่ส่งออกมา ทำให้ผู้คนอยากจะก้มลงไปไม่กล้าที่เงยหน้าขึ้นมอง
เจ้าสำนักสวีกัดฟันต้านแรงกดดันนั้น พร้อมพูดเสียงดังว่า
“ท่านอาวุโสทั้งหลาย ตามข้าไปสร้างผนึกมาร”
พูดจบก็กัดนิ้วของตัวเอง ก่อนจะท่องคาถา ท่านอาวุโสคนอื่นเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบยืนเรียงราย ก่อนจะเริ่มวาดยันต์และท่องคาถาพร้อมกัน
“เสวียนชิงอยู่เหนือ บรรพบุรุษยวนคุ้มครอง ทุกอย่างคืนสู่ทางสว่าง สรรพสิ่งชั่วร้ายไม่อาจเข้าใกล้ ปิดผนึกมารปราบปีศาจ!”
ทันใดนั้นแสงสีขาวสว่างขึ้นทั่วทั้งท้องฟ้า ก่อนจะปรากฏโซ่เหล็กสีทองมากมายกลางอากาศ มุ่งตรงไปยังร่างสีดำที่สูงราวกับภูเขาของอีกฝ่าย ก่อนจะพันกันแน่นหนา เมื่อเห็นว่าโซ่กำลังจะรัดแน่น ทันใดนั้นก็มีเสียงชายหนุ่มที่แฝงไปด้วยความเย็นชาดังขึ้น
“โง่เขลา” เสียงนั้นไม่ดังมาก ราวกับพูดอยู่ข้างหู ดังก้องอยู่ภายในหัวของทุกคน
นาทีถัดมา ผนึกวิญญาณชั่วร้ายที่เหล่าท่านผู้อาวุโสทั้งสิบวางไว้ยังไม่ทันเสร็จสมบูรณ์ ทันใดนั้นก็แตกออกเป็นชิ้นๆ เสียงดัง ทุกคนรู้สึกเพียงเลือดที่กระอักออกมา พลังลมปราณนั้นสะท้อนกลับมาโดยตรง ร่างของทุกคนโยกไปมา ก่อนจะคายเลือดออกมาเต็มปาก
“เจ้าสำนักสวี!” ศิษย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังร้องออกมาอย่างตกใจ แม้แต่ท่านผู้อาวุโสของสำนักเทียนซือร่วมมือกันยังรับมือไม่ได้ มันคืออะไรกันแน่
อวิ๋นเจี่ยวเอื้อมมือไปพยุงท่านอาวุโสเจียวด้านข้าง ก่อนที่แตะมือลงบนชีพจรของอีกฝ่าย พบว่าลมในร่างกายของเขาวิ่งมั่วมาก และเส้นชีพจรเดินถอยหลัง เหมือนถูก…อะไรบางอย่างสะท้อนกลับ?
“เป็นไปได้อย่างไร” เจ้าสำนักสวีสะดุดไปสองก้าว เกือบจะยืนไม่อยู่ เขามองไปยังด้านหน้าด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ ทำไมผนึกจึงไม่มีผลเลย อีกทั้งยังถูกสะท้อนกลับ หรือว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่ปีศาจ?
เสียงเย็นเยือกดังขึ้นอีกครั้ง ดังก้องไปทั่วท้องฟ้าราวกับเสียงสวรรค์ “ข้าคือเทพแห่งแดนบน มนุษย์ปุถุชนผู้โง่เขลากล้าดีอย่างไรที่จะล่วงเกินข้า! หากพวกเจ้าถวายข้าด้วยใจจริง ข้าสามารถยกโทษให้เจ้า และมอบชีวิตอันชั่วนิรันดร์ให้”
ชีวิตนิรันดร์! สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป ทันใดนั้นพวกเขาก็นึกถึงกลุ่มผีดิบที่ตายอย่างน่าสลดใจ รู้สึกไม่สบายขึ้นมาทันที
“เจ้าผู้ชั่วร้าย อย่าได้สร้างความสับสนให้ผู้คนที่นี่” เจ้าสำนักสวีโต้กลับด้วยเสียงอันดัง “พวกข้าล้วนเป็นศิษย์ เสวียนเหมิน และข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำร้ายมนุษย์อีก” หลังจากพูดจบ เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเอง คว้ายันต์สะกดมารออกมาอีกครั้ง
ท่านอาวุโสคนอื่นๆ ก็ลงมือพร้อมกัน ในทันใดพลังที่แปรเปลี่ยนจากยันต์หลายสิบใบก็กลายเป็นผนึกขนาดใหญ่และลอยไปหาอีกฝ่าย
แต่ก็ไม่มีผลใดๆ เลย ยันต์ที่เดิมมีพลังอย่างมากนั้น เมื่อกระทบกับเงาดำ ช่างเหมือนไม้ขีดที่โยนลงไปในน้ำ ดับลงไปอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามันกำลังแผ่พลังชั่วร้ายออกมา เหตุใดยันต์ปราบมารชั่วจึงใช้ไม่ได้หรือว่า…เขากลายเป็น “เทพ” จริงๆ ?
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนหน้าซีดเผือดลง
“ฮึ!” ร่างใหญ่ส่งเสียงเยาะเย้ย ความรู้สึกบีบคั้นที่อธิบายไม่ถูกในบริเวณโดยรอบยิ่งเพิ่มมากขึ้น ศิษย์บางคนไม่สามารถต้านทานได้ถึงกับคุกเข่าลง แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายก็แทบต้านไม่ไหวเช่นกัน อีกฝ่ายพูดขึ้นมาทีละคำ “ศรัทธาข้า หรือ…ตาย!” ทันทีที่พูดจบ เส้นด้ายสีดำหลายเส้นก็ถูกส่งออกมาจากเงาดำขนาดใหญ่ ก่อนที่จะพุ่งเข้าโจมตีที่พวกเขา
ท่านอาวุโสทั้งหลายตาเบิกกว้างอย่างรวดเร็ว ตระหนักได้ว่านี่เป็นวิธีที่เขาใช้กับผีดิบเมื่อครู่นี้ ใจของพวกเขาหยุดนิ่งไป ทุกคนต่างหยิบยันต์ป้องกันออกมาสกัดกั้นการโจมตี ยกเว้นแต่…อวิ๋นเจี่ยว!
ท่านอาวุโสทั้งหลายยืนอยู่แถวหน้าอยู่แล้ว แต่อวิ๋นเจี่ยวยืนอยู่ข้างเจียวเหิงอีตลอดเพราะต้องไปวางข่ายพลัง จึงทำให้นางยืนอยู่แถวหน้าในตอนนี้ด้วย อีกทั้งยันต์ป้องกันทั้งหมดบนตัวนางถูกแปะไว้ที่บ้านก่อนหน้าเพื่อสกัดกั้นผีดิบ นอกจากนี้นางไม่มีเส้นชีพจรเสวียน นางจึงไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย
“เจ้าหนู!” ชายแก่เป็นคนพบปัญหาคนแรก เขาตะโกนออกมาอย่างตกใจ อยากจะวิ่งเข้าไปแต่ก็ไม่ทันการ
“สหายอวิ๋น!” เจียวเหิงอีก็ตกใจ เนื่องจากเชื่อใจนาง จึงไม่ได้ทำการปกป้องนางด้วย
อวิ๋นเจี่ยว “…” เอ็มเอ็มพี!
เมื่อเห็นพลังงานสีดำใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนกระทั่งจะทะลุตัวนางไป ทันใดนั้นนางกัดฟันคว้าเอายันต์ที่อาจารย์ปู่ให้มาก่อนออกจากอาราม ยังไม่ทันมองยันต์ให้ละเอียด นางก็โยนมันออกไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นแสงสีทองก็สว่างขึ้นทันที ราวกับใบมีดที่แหลมคม แสงสีทองนั้นบังคับให้พลังงานสีดำทั้งหมดถอยกลับไปในทันที
“อ๊าก!!!” ร่างยักษ์ทางนั้นร้องโหยหวนขึ้นมา ก่อนจะก้าวถอยหลังออกไปอย่างทุลักทุเล “นี่มันอะไรกัน”
เห็นเพียงแต่ยันต์ที่อวิ๋นเจี่ยวโยนออกมานั้นลอยขึ้นกลางอากาศ อีกทั้งยิ่งลอยยิ่งสูง และส่องแสงสีทองอร่ามตาออกมา
“หรือนี่จะเป็น…” เจ้าสำนักสวีมองไปยังแสงสีทองที่ปรากฏขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ภายในใจปรากฏความคิดที่ไม่อาจเป็นไปได้ขึ้นมา “หรือว่า…”
“ยันต์เชิญเทพ!” ท่านอาวุโสเจียวชิงพูดออกมา เห็นได้ชัดว่านี่คือแสงของสวรรค์! มีเพียงยันต์เชิญเทพเท่านั้นที่จะส่องแสงแบบนี้ออกมา
ยันต์เชิญเทพแปลตรงตัวก็คือยันต์วิเศษสำหรับเชิญเทพ แต่กลับเป็นยันต์ระดับต่ำสุด เนื่องจากเทพนั้นก็ต้องอยู่สวรรค์ที่ห่างไกล ไม่ได้อยากเชิญก็เชิญมาได้ มีข่าวลือว่าจะมีเฉพาะผู้ที่โชคดีเท่านั้นที่จะได้รับคำตอบรับจากเทพ แต่ตั้งแต่มีเสวียนเหมินก่อตั้งมาก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จ ดังนั้นยันต์นี้จึงไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เมื่อเวลาผ่านไป จึงไม่มีใครที่จะสามารถวาดยันต์นี้ได้อีก เพราะอย่างไรก็ตามก็ไม่สามารถเชิญมาได้อยู่ดี
แต่สถานการณ์ตอนนี้… ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด!
(⊙ o ⊙)
เจ้าสำนักสวีและผองเพื่อนตกตะลึง! เมื่อเห็นว่าแสงกำลังจะหายไป เขาจึงพูดเตือนเสียงดังทันที “ท่านสหายอวิ๋น ท่องคาถาเร็วเข้า!” หากรอจนแสงสีทองหายไป มันก็สายเกินไป
อวิ๋นเจี่ยวผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นท่องคาถาเสียงดัง “ประตูสวรรค์และปฐพี สิ่งมีชีวิตใต้หล้า ลงโทษวิญญาณชั่วร้าย อัญเชิญพระเจ้า!”
ทันทีที่เสียงของนางจบลง แสงสีทองพร่างพรายก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที ทะลุผ่านเมฆสีดำหนาทึบ ก่อเป็นลำแสงพุ่งตรงสู่ท้องฟ้า วินาทีต่อมาร่างหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เขาแต่งกายด้วยชุดสีขาวไร้การแปดเปื้อนและใบหน้าที่ไร้ที่ติ เขามาพร้อมกับอำนาจที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองตรงมาที่เขา
เขาลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ทำอะไรแม้แต่น้อย แต่วิญญาณชั่วร้ายรอบๆ ดูเหมือนจะหวาดกลัวเขาอย่างมาก พวกมันถอยกลับไปทุกทิศทุกทาง ดวงตาของเขากวาดมองผู้คนที่อยู่บนพื้น มือหนึ่งถือของวิเศษลักษณะเรียวยาวสองอัน อีกมือหนึ่งถือ…ชาม! ?
Σ(°△°|||)︴
อวิ๋นเจี่ยว “…”
ไป๋อวี้ “…”
-_-|||
ฝึกฝนทางเต๋าอะไรกัน รู้สึกไม่อยากทำแล้ว!
ขายหน้าชะมัดเลย!