บทที่ 63: ฉันเชื่อใจเธอมากกว่าที่เธอคิด

ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END

บทที่ 63: ฉันเชื่อใจเธอมากกว่าที่เธอคิด

โรเอลรู้สึกได้ว่านอร่าเองก็เป็นคนดี

เด็กชายเชื่อว่าการได้กินอาหารดี ๆ และนอนหลับสบาย ๆ ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ คือความสุขพื้นฐานสำหรับมนุษย์ และใครก็ตามที่สามารถมอบปัจจัยแห่งความสุขนี้ให้กับเขาได้ล้วนเป็นคนดี

มันก็จริงอยู่ที่ว่าโรเอลต้องลำบากเป็นครั้งคราว เนื่องจากนอร่านั้นเป็นคนซาดิสม์ แต่ไม่มีมนุษย์คนไหนที่จะสมบูรณ์แบบไปเสียหมด ในกรณีนี้ อย่างน้อย ๆ เธอก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่เขารับได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยอาหารรสเลิศต่าง ๆ ที่วางอยู่เบื้องหน้าเขาในตอนนี้

เนื้อปลาที่โรเอลกำลังเคี้ยวอยู่ มีเนื้อสัมผัสอันนุ่มนิ่มยืดหยุ่น เรียกได้ว่าพ่อครัวบนโลกนี้รู้จักวิธีการปรุงวัตถุดิบของพวกเขาจริง ๆ นอกจากรสชาติ กลิ่น และรูปลักษณ์พื้นฐานแล้ว พวกเขายังสามารถทำให้สัมผัสของอาหารออกมาสมบูรณ์แบบได้อีกด้วย สิ่งนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นประสบการณ์การทำอาหารของพวกเขาได้อย่างไม่มีข้อกังขาเลย

ในชาติก่อน​เพื่อนของเขาต่างก็เป็นนักชิมช่างเลือก นั่นก็เพราะที่นั่นมีอาหารดี ๆ ในราคาไม่แพงให้เลือกมากมาย

แม้ว่าโรเอลจะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่เขาก็เคยได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ร่วมกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นหม้อไฟบนภูเขา เนื้อแกะฉ่ำ ๆ บนที่ราบ และปลาสดริมแม่น้ำ ทำให้ความต้องการในอาหารชั้นเลิศฝังลึกอยู่ในจิตวิญญาณของเขาจนยากที่จะปฏิเสธได้

ขณะที่โรเอลกำลังดื่มด่ำกับอาหารอันโอชะตรงหน้า เด็กชายก็สังเกตเห็นได้ว่านอร่านั้นดูแปลกไป ราวกับว่ามีบางอย่างรบกวนจิตใจของเธออยู่

เพราะอะไรอย่างนั้นเหรอ? หรือความอยากอาหารของเธอมันไม่ค่อยมี?

พ่อครัวมืออาชีพของพระราชวังไม่มีทางผิดพลาดในการจัดสรรสัดส่วนอาหารแน่ แม้แต่เด็กอย่างโรเอลก็ยังไม่รู้สึกอืดท้องเลย ทั้ง ๆ ที่กินอาหารจนครบรายการทั้งหมดแล้ว

ถึงเด็กผู้หญิงอย่างนอร่าจะไม่สามารถกินได้มากเท่าเขาก็จริง แต่มันก็ไม่มีทางที่เธอจะเหลืออาหารดี ๆ เหล่านั้นทิ้งไว้อย่างนี้

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองขนมที่นอร่าเพิ่งกินไปเพียงช้อนเดียว โรเอลก็ต้องกะพริบตาอย่างสับสน

เกิดอะไรขึ้น? ไม่ใช่ว่าผู้หญิงมีกระเพาะแยกสำหรับของหวานหรอกเหรอ? ถ้าแค่กินอาหารจานหลักไม่หมดก็ยังพอเข้าใจ แต่ของหวานด้วยเหรอ? เธอกำลังลดน้ำหนักรึเปล่า? เป็นไปได้ด้วย?

ทูตสวรรค์ต้องกลัวเรื่องอ้วนด้วยรึไง เป็นไปได้ไหมว่าเธอกำลังปวดท้องหรือป่วย รู้สึกไม่สบายอะไรสักอย่าง? แต่นั่นมันก็ไม่น่าจะใช่ ผู้ที่มีสายเลือดระดับสูงแบบนอร่าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น

โรเอลลองสันนิษฐานถึงความเป็นไปได้หลาย ๆ อย่าง แต่เด็กชายก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับนอร่า พอลองดูดี ๆ แล้วก็รู้สึกเหมือนว่าเด็กสาวนั้นกำลังเหม่อลอยอยู่คนเดียว

“นอร่า เธอกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”

“หืม? ไม่มีอะไรหรอก”

“ไม่ใช่แน่ ๆ เห็นได้ชัดว่า เธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ดูสิ เธอแทบไม่ได้กินอะไรเลยด้วยซ้ำ”

โรเอลกล่าวพลางเหลือบมองไปที่จานที่ว่างเปล่าของตัวเอง

มารยาทอันสูงส่งของเด็กชายห้ามไม่ให้เขาขอเติมอาหารเป็นจานที่สอง นี่ทำให้แม้ว่าโรเอลจะเพลิดเพลินกับอาหารอันเลิศรสมากแค่ไหน ทุก ๆ ครั้งที่เขาทานอาหารเสร็จ เด็กชายจะต้องทนทุกข์ทรมานจากกิเลส เพราะอาหารที่หลงเหลืออยู่ในจานของนอร่านั้นมันช่างน่าเสียดาย

ชิชะ ราชวงศ์นี่ช่างฟุ่มเฟือยจริง ๆ!

ในหัวของโรเอลเต็มไปด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความฟุ่มเฟือยของนอร่าที่เพิกเฉยต่ออาหารดี ๆ เช่นนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางที่เด็กชายจะพูดพวกมันออกมาดัง ๆ โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเพิ่งกินอาหารของเธอไป

สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดสำหรับโรเอลก็คือการที่นอร่าไม่ได้มีท่าทีที่จะเปิดเผยรสนิยมอันซาดิสม์ของเธอ เด็กสาวนั้นเพียงแต่ขมวดคิ้วอย่างลังเล ราวกับว่าไม่สามารถหาถ้อยคำที่จะบรรยายความรู้สึกในปัจจุบันของตัวเองออกมาได้ บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับความรู้สึกดังกล่าว

นี่อาจจะเป็นพลังจากสายเลือดของนอร่า เด็กสาวรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่เธอตลอดเวลา ทำให้นอร่าไม่สามารถสงบใจที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ได้เลย

ความรู้สึกไม่สบายใจนี้ดูเหมือนจะแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ระดับที่ว่าแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้ว่า กำลังรู้สึกกลัวอะไรอยู่

นอร่าเคยได้ยินมาจากผู้อาวุโสในตระกูลเซไซต์ว่าผู้ครอบครองสายเลือดแห่งทูตสวรรค์นั้นมีความสามารถพิเศษในการทำนายถึงอันตราย แต่เนื่องจากนอร่าไม่เคยประสบกับมันมาก่อน ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าความรู้สึกในปัจจุบันนี้ เป็นการแจ้งเตือนถึงอันตรายหรือไม่ นอกจากนี้เธอก็ไม่คิดว่าจะมีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับตัวเธอและโรเอลได้เลยจากในสถานการณ์ปัจจุบัน

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองไปรอบ ๆ ตัวเธอ นอกจากคนรับใช้ส่วนตัวแล้ว นอร่าก็ยังมีกองทหารราชองครักษ์ติดตามมาด้วย อีกทั้งทางตระกูลแอสคาร์ดเองก็ยังมีกองทหารคุ้มกันสำหรับโรเอลประจำการอยู่ที่นี่ โดยรวม ๆ แล้ว ปัจจุบันคฤหาสน์เขาวงกตนั้นมีทหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติกว่า 200 นายประจำการอยู่

กองกำลังทหารที่นี่นั้นมากพอที่จะสร้างกองทัพขนาดเล็กได้เลยทีเดียว ที่สำคัญ ทหารในกองทัพขนาดเล็กนี้ล้วนเป็นทหารฝีมือดีทั้งหมด ทำให้มาตรการรักษาความปลอดภัยเองก็อยู่ในระดับสูงสุดเช่นกัน มีทหารลาดตระเวนยืนตรวจตราอยู่ทุกซอกทุกมุม และมีทหารรักษาการณ์ประจำการอยู่ทุกหนทุกแห่ง

แม้แต่ผู้ปกครองประเทศเล็ก ๆ ที่นอร่าเคยพบในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ลอเรนช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ก็ยังไม่มีกองทัพเพียงพอที่จะเทียบเคียงกับกองกำลังเล็ก ๆ นี้ได้เลยด้วยซ้ำ

อีกทั้งต่อให้ศัตรูสามารถทำลายกองกำลังทั้งหมดของพวกเขาลงได้สำเร็จ พวกเขาก็ยังมีอุปกรณ์เวทมนตร์อีกมากมายสำหรับใช้ปกป้องตัวเอง

อุปกรณ์เวทมนตร์ที่องค์หญิงเพียงคนเดียวของจักรวรรดิเซนต์เมซิท ซึ่งเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลขุนนางผู้มีชื่อเสียงนั้นไม่ใช่ของทั่ว ๆ ไปที่จะประมาทกันได้ง่าย ๆ

ทางด้านโรเอล แม้ว่าเขาอาจจะไม่เคยเป็นศัตรูกับใครมาก่อน แต่หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดก่อนหน้านี้ คาร์เตอร์ก็คงจะมอบอุปกรณ์เวทมนตร์อันล้ำค่าให้กับเขาอย่างแน่นอน เพื่อความปลอดภัยของตัวโรเอลเอง มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับศัตรูที่จะเอาชนะอุปกรณ์เวทมนตร์เหล่านั้น

ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ลอเรน ที่ตั้งของโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้าง ซึ่งเป็นสถานที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดของตระกูลเซไซต์ หากเกิดอะไรขึ้นกับนอร่าและโรเอลล่ะก็ กำลังเสริมจะเดินทางมาถึงภายในเวลาไม่เกินห้านาที

นอร่าไม่คิดว่าจะมีใครกล้าบุกฝ่าทุ่มพลังทั้งหมดต่อสู้กับจักรวรรดิเซนต์เมซิทตรง ๆ

“ข้าคิดมากไปเองรึเปล่านะ?”

นอร่าพึมพำแล้ววางมือลงบนหน้าอก พยายามทำให้หัวใจที่กำลังเต้นแรงของเธอสงบลง เด็กสาวรู้อยู่แก่ใจดีว่าความกลัวของเธอนั้นไร้เหตุผลมากเพียงใด แต่อารมณ์ความรู้สึก​ไม่ใช่อะไรที่จะสงบลงได้ง่าย ๆ ด้วยความคิดเพียงชั่ววูบ สุดท้ายแล้วนอร่าจึงได้ตัดสินใจที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

“โรเอล เจ้ามีอุปกรณ์เวทมนตร์สำหรับปกป้องตัวเองรึเปล่า?”

“อุปกรณ์เวทมนตร์… อา เธอพูดถึง​นี่สินะ”

โรเอลเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อของเขาแล้วหยิบจี้คริสตัลสีม่วงออกมา

【ศิลาพิทักษ์แห่งเซเล่

อุปกรณ์เวทมนตร์ที่สร้างขึ้นโดยนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เซเล่ มาจากอาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล สามารถป้องกันการโจมตีจากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงได้หลายครั้ง】

นี่เป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มาร์ควิสคาร์เตอร์มอบให้กับโรเอลหลังงานเลี้ยงวันเกิดของนอร่า ความสามารถในการป้องกันการโจมตีจากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงนั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมากในการสู้รบ ซึ่งเหตุผลที่คาร์เตอร์มอบมันให้โรเอลก็เพื่อใช้ในการปกป้องเขาจากการถูกลอบโจมตี​โดยผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง

ผู้ที่มีพลังอยู่ในระดับแก่นแท้ 3 ขึ้นไป ส่วนมากแล้วจะเป็นผู้มีอำนาจอันดับต้น ๆ ของอาณาจักร หากไม่คำนึงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาไม่น่าจะเดินทางออกไปเพื่อพยายามลอบสังหารบุคคลอื่นด้วยตัวเอง

ต่อให้พวกเขาคิดที่จะทำเช่นนั้น เป้าหมายของพวกเขาก็น่าจะมีอิทธิพลอำนาจมากพอ ๆ กัน นอกจากนี้พวกเขาเองก็น่าจะมีผู้ใต้บังคับบัญชาที่เชี่ยวชาญในการลอบสังหารและมีทักษะมากกว่าพวกเขาในเรื่องนี้อยู่แล้วด้วย

อีกอย่าง หากผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงคิดจะปองร้ายพวกเขาจริง ๆ ล่ะก็ มันไม่มีทางที่พวกเขาจะหนีรอดจากอีกฝ่ายด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์เพียงไม่กี่ชิ้นได้

“ใช่ ฉันสวมมันอยู่ตลอดเวลา มีปัญหาอะไรรึเปล่า? … เธอสังหรณ์ใจว่าพวกเรากำลังตกอยู่ในอันตรายงั้นเหรอ?”

โรเอลขมวดคิ้ว เมื่อพิจารณาจากท่าทีของนอร่าที่ดูไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไหร่ และมีสีหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาอาหาร เด็กชายก็อดคิดไม่ได้ว่านั่นจะหมายถึงเรื่องนี้

ทางด้านนอร่า เธอได้หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยอมเปิดเผยความไม่สบายใจของตนออกมาในที่สุด

“ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไรดี ข้ารู้สึกราวกับว่ากำลังถูกจ้องมองโดยนักล่าที่แข็งแกร่งกว่า หรือไม่ก็มีทหารกำลังเล็งลูกศรชี้มาที่ข้า หรือไม่ ข้าก็รู้สึกเหมือนราวกับเป็นทาสที่กำลังจะถูกเหยียบย่ำในไม่ช้า…”

คำอุปมาสุดท้ายนั่นมันอะไรกัน!

โรเอลคิดโต้กลับในใจด้วยใบหน้าที่กระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเปรียบเทียบ​อันแปลกประหลาดดังกล่าว ทว่าคำพูดของนอร่าก็ทำให้เขาได้รับรู้แล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นเลวร้ายมากเพียงใด

“มันก็แค่ความรู้สึกของข้าเท่านั้นแหละ ข้าไม่มีหลักฐานใด ๆ มันอาจจะเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่แปลก ๆ ของข้าก็ได้ ดังนั้น…”

“ไม่หรอก ฉันเชื่อเธอ” เด็กชายเริ่มมีสีหน้าเป็นกังวล

นอร่าเงยหน้าขึ้นมองโรเอลด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ความเศร้าบนใบหน้าของเด็กชาย แสดงให้เห็นว่าเขาจริงจังกับความรู้สึกของเธอมากแค่ไหน

(แต้มความสนใจ +200 !)

การที่ความกังวลอันไม่มีมูลของเธอถูกยอมรับ ทำให้นอร่ารู้สึกเขินอาย ใบหน้าของเด็กสาวแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอมีความสุขกับสิ่งนี้โดยไม่คาดคิด

กลับกัน อารมณ์ของโรเอลกลับเริ่มหนักอึ้งขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

ความกังวลใจของนอร่าไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ อย่างแน่นอน เธอเป็นถึงผู้ครอบครองสายเลือดแห่งทูตสวรรค์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องสัญชาตญาณอันเฉียบแหลมต่ออันตราย เหมือนกับสัญชาตญาณของวีรสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน มันคงเป็นเรื่องโง่มากหากจะเมินเฉยปัดตกความไม่สบายใจของเธอออกไปง่าย ๆ

ส่วนในเรื่องของหลักฐาน… จำเป็นต้องมีหลักฐานสำหรับการเตรียมการป้องกันตัวด้วยงั้นเหรอ ?

ไม่ว่าจะในกรณีใด โรเอลก็กระโดดลงจากเก้าอี้ในทันที เขาจับมือนอร่าแล้วเริ่มเดินออกจากห้อง พร้อมออกคำสั่งหลาย ๆ อย่างระหว่างที่กำลังเดินไปอย่างรวดเร็วแก่คนรับใช้และเหล่าองค์รักษ์ เพื่อเป็นการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้รัดกุมมากขึ้นและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด นอกจากนี้โรเอลยังคว้าเครื่องมือสื่อสารฉุกเฉินของตระกูลแอสคาร์ดออกมา เพื่อที่เขาจะได้สามารถขอกำลังเสริมจากบิดาและโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ในทันทีที่มีอันตรายเกิดขึ้นอีกด้วย!