ตอนที่ 699 สู้จนหลังชนฝา

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

โม่ถิงจะไม่สนใจเรื่องเฉินซิงเยียน ไม่อย่างนั้นแล้ว งานของอันจื่อเฮ่าก็คงจะไร้ความกังวลจนเกินไป

 

 

 

 

หลายวันที่ผ่านมา ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดของถังหนิงหรือ ‘คนรักที่สาบสูญ’ ที่มีความยาวสามสิบวินาทีถูกฉายซ้ำๆ บนจอภาพขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอกไห่รุ่ย เนื่องจากมันกำลังจะออกฉายอีกในไม่ช้า

 

 

ทุกคนที่เดินผ่านจะชำเลืองมอง แม้แฟนคลับจำนวนมากจะเคยเห็นตัวอย่างภาพยนตร์นี้มาก่อน ถังหนิงก็ยังมีแรงดึงดูดอันวิเศษอยู่ดี นักสู้ผู้เยือกเย็นนั้นไม่ใช่สิ่งที่พบได้ในชีวิตประจำวัน แต่วิธีที่ตัวละครของเธอตามหาสามีอย่างเต็มที่และวิธีที่เธอแสดงออกมาอย่างสมจริงสมจังนั้นทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆ รู้สึกเหมือนพวกเขาเข้าใจและสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของเธอ

 

 

เดิมทีภาพยนตร์เรื่องนี้จะออกฉายในช่วงวันหยุด แต่เพราะหลายๆ อีเวนต์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้สาธารณชนมีมุมมองด้านลบ โม่ถึงตัดสินใจเลื่อนวันออกฉายขึ้นมาและใช้โอกาสนี้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา

 

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้โดดเด่นทั้งในด้านดราม่าและการต่อสู้ ดังนั้นไห่รุ่ยจึงคาดหวังกับมันเป็นอย่างยิ่ง มันจะออกฉายในวันที่ยี่สิบเอ็ดเมษายนและทำให้ถังหนิงโด่งดัง พวกเขาคาดว่ายอดขายจะถล่มทลาย ทว่ามีโรงภาพยนตร์เจ้าหนึ่งที่ไม่คิดจะฉายมันเลย โรงภาพยนตร์ไคหวงนั่นเอง!

 

 

พวกเขาเป็นดาวดวงใหม่ในวงการและได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ทว่าการตัดสินใจของพวกเขาทำให้ทุกคนต้องตกใจ

 

 

โม่ถิงขอให้ฟังอวี้รับมือกับปัญหานี้ แต่อีกฝ่ายติดต่อหาพวกเขาก่อนและบอกว่าเจ้านายของพวกเขาต้องการเชิญโม่ถิงและภรรยามาร่วมทานอาหารเที่ยงด้วยกัน

 

 

โชคร้ายที่ถังหนิงผู้ตั้งท้องได้เก้าเดือนนั้นไม่ชอบขยับตัวไปมามากนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรับคำเชิญให้ไปที่ไหนเลย อีกอย่าง หญิงสาวเองไม่รู้จักหรือเกี่ยวข้างกับชายคนนี้

 

 

“ผมเพียงแต่ขอให้คุณมาร่วมทานอาหารกับผมเท่านั้นครับ คุณกลัวว่าผมจะทำอะไรคุณอย่างนั้นเหรอ หรือบางทีไห่รุ่ยจะไม่อยากมีความสัมพันธ์อันกลมเกลียวภายในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ หรือคุณไม่คิดจะทำงานกับคู่ค้าเจ้าใหญ่ๆ ของไคหวง?”

 

 

ถังหนิงถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในจุดที่ยากจะแข็งขืนด้วยคำพูดของเซียวอวี่เหอ เพราะถึงอย่างไร ไห่รุ่ยก็ยังมีผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ อยู่ หากเธอไม่ไป การขยายธุรกิจนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไร ทว่าผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ก็คงจะไม่พอใจ

 

 

เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้มีเจตนาไม่ดี

 

 

“งั้นมาพบกันครับ” โม่ถิงตอบ

 

 

สองวันต่อมา ภายในโรงแรมในเครือไคหวง เซียวอวี่เหอเชิญโม่ถิงและถังหนิงไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารชั้นบนสุด

 

 

“ประธานโม่กับคุณหญิงโม่นี่เชิญตัวมาได้ยากจริงๆ ครับ…ผมพยายามอย่างมากที่จะพาคุณทั้งสองคนมาที่นี่” เซียวอวี่เหอสวมชุดสูทสีเทา ยืนด้วยท่าทางที่สง่างามดุจสุภาพบุรุษ จากภายนอกแล้ว เขาดูจะเป็นคนที่ค่อนข้างโดดเด่นเลยทีเดียว

 

 

“ฉันใกล้จะคลอดแล้วน่ะค่ะ ก็เลยขยับตัวไปไหนไม่ค่อยสะดวก” ถังหนิงยิ้ม “ขอโทษจริงๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รักษาน้ำใจคุณ”

 

 

“ผมเคยได้ยินเรื่องที่ประธานโม่กับคุณหญิงโม่รวมพลังกันสร้างธุรกิจจนประสบความสำเร็จ…”

 

 

“ประธานเซียวคะ เลิกพูดจาอ้อมค้อมแล้วว่ากันมาตรงๆ ดีกว่าค่ะ” ถังหนิงพูดขึ้นมาจนเหมือนกับว่าเธอคือผู้จัดการของโม่ถิง ถึงอย่างไร โม่ถิงก็ไม่คิดจะพูดกับชายคนนี้เพราะโม่ถิงไม่สนใจเขา

 

 

“ซ่งซินเป็นแฟนสาวของผม ผมจึงอยากเห็นความก้าวหน้าของเธอในไห่รุ่ย ผมอยากให้ประธานโม่และคุณหญิงโม่ช่วยเบามือกับเธอหน่อย ผมยังหวังอีกว่าพวกคุณจะหยุดกดขี่เธอมากเช่นนี้” เซียวอวี่เหอเลิกระแวงหลังจากเห็นความตรงไปตรงมาของถังหนิง

 

 

“ภาพยนตร์ของคุณหญิงโม่กำลังจะออกฉาย ผมลองดูแล้วและรู้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดี…แต่คุณพ่อของผมกลับไม่คิดเช่นนั้น นั่นคือเหตุผลที่เรายังไม่ได้กระจายมันไปยังโรงภาพยนตร์ในเครือของเรา

 

 

“ที่ผมพยายามจะพูดก็คือ ผมขอหาทางออกร่วมกันกับประธานโม่ได้ไหมครับ หากคุณมอบงานที่ดีที่สุดให้ซ่งซิน ผมก็จะมอบแผนการฉายที่ดีที่สุดให้กับภาพยนตร์ของคุณหญิงโม่”

 

 

แสดงว่า…เป็นเพราะซ่งซินสินะ…

 

 

“ประธานโม่ควรจะเข้าใจผมมากที่สุดใช่ไหมครับ เพราะถึงอย่างไรคุณก็มีคุณหญิงโม่เพียงคนเดียว ผมเพียงแต่ไม่อยากให้ซ่งซินของผมต้องเจ็บปวด ดูเธอสิครับ ไม่มีใครสนใจหรือช่วยเธอจัดการอะไรเลยนับตั้งแต่ผู้จัดการของเธอได้รับบาดเจ็บ…แค่คิดถึงมันผมก็ปวดใจแล้วครับ”

 

 

เซียวอวี่เหอนั้นไม่เหมือนซ่งซิน เขาดูเป็นคนน่าเชื่อถือ แต่อ่านออกได้ยาก

 

 

หากพิเคราะห์ดูดีๆ แล้วจะรู้ว่า เขาดูทั้งยืดหยุ่นและคุกคามในคราวเดียวกัน

 

 

ตอนนั้นเองที่โม่ถิงตอบโต้ ชายหนุ่มพาดแขนกับพนักเก้าอี้ของถังหนิงพลางมองหน้าเธอแล้วเอ่ยว่า “ในกรุงปักกิ่งนี้มีคนไม่มากนักที่กล้าพอจะขู่ผม”

 

 

“งั้นเหรอครับ ผมว่าประธานโม่ต้องทำตัวให้ชินแล้วล่ะ…” เซียวอวี่เหอหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ

 

 

“แต่ประธานเซียวครับ ผมว่าคุณอาจจะเข้าใจผิด…” โม่ถิงถอนสายตาจากถังหนิงขณะที่ดวงตาสีดำดุจเพชรของเขาลุกโชนขึ้นด้วยประกายแห่งความชาญฉลาด “ซ่งซินเป็นศิลปินของผมและผมก็ไม่ชอบเวลาที่ศิลปินของผมแหกกฎที่อยู่ในสัญญา ยกตัวอย่างเช่น ในสัญญาของซ่งซินมีกฎบอกอยู่อย่างชัดเจนว่าเธอไม่สามารถคบใครได้ระหว่างที่มีสัญญากับบริษัท

 

 

“นอกจากนี้ รองประธานของเราเป็นคนจัดการปัญหาของซ่งซิน ถ้าผมต้องดูแลศิลปินทุกคนด้วยตัวเอง ผมจะเหนื่อยแค่ไหนล่ะครับ หืม..

 

 

“อันดับสุดท้าย ไม่ว่าคุณจะอยากจัดจำหน่ายภาพยนตร์เรื่องนี้หรือไม่ ก็เป็นการตัดสินใจของคุณ แต่คุณประเมินค่าสถานการณ์นี้สูงเกินไปแล้วครับ ผมไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้เหมือนที่คุณคิดหรอก คุณคิดว่าไห่รุ่ยจะเสียหายแค่ไหนเหรอครับ ผมว่าคุณควรควบคุมทัศนะในการข่มขู่ของคุณนะ จากที่ผมเห็น คุณควรจะอ้อนวอนผมแทนด้วยซ้ำ”

 

 

พูดจบโม่ถิงก็มองหน้าถังหนิง น้ำเสียงเขาไม่เย็นชาอีกแล้ว “ดื่มซุปไก่สักหน่อยนะครับ พักหลังมานี้คุณทานน้อยมากเลย”

 

 

“อือฮึ” ถังหนิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟังพลางสนใจเรื่องของตัวเองแล้วดื่มซุปไก่นั้น

 

 

เจตนาเดิมของเซียวอวี่เหอคือกดดันคู่รักคู่นี้ ทว่าเขาต้องประหลาดใจเมื่อตัวเองพูดไม่ออกเพราะคำพูดของโม่ถิง เขาเถียงกลับชายคนนี้ไม่ได้เลย

 

 

เซียวอวี่เหอหัวเราะ ร้องไห้ หรือรู้สึกโกรธไม่ได้ ทว่าเขาไม่ต้องการยอมรับความพ่ายแพ้ ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาทานอาหารเที่ยงเสร็จ ชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้นว่า “ในเมื่อซ่งซินไม่ได้อยู่ในสายตาของประธานโม่ ทำไมถึงไม่ช่วยผมด้วยการยกเลิกสัญญากับเธอล่ะครับ ผมยินดีเสียยิ่งกว่ายินดีที่จะฝึกฝนและสนับสนุนเธอ”

 

 

“คุณโทรหารองประธานของไห่รุ่ยเพื่อหาปรึกษาเรื่องสัญญาของซ่งซินได้เลยครับ เราจะทำตามข้อตกลงที่อยู่ในสัญญา” โม่ถิงพูดปัด

 

 

“ประธานโม่ไม่คิดว่าตัวเองกำลังทำตัวแปลกๆ เหรอครับ ปฏิกิริยาของคุณทำให้ผมรู้สึกว่าซ่งซินเคยทำให้คุณไม่พอใจในทางใดทางหนึ่ง”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โม่ถิงก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องเซียวอวี่เหอ

 

 

บางสิ่งนั้นก็ไม่จำเป็นนำมาต้องอธิบายกัน

 

 

เขาจะปล่อยซ่งซินไปได้อย่างไร เขาจะปล่อยคนที่พยายามทำร้ายถังหนิงและลูกของเขาไปได้อย่างไร

 

 

“จากนี้ไป ถ้าคุณมีเรื่องอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับซ่งซิน คุณสามารถพูดกับรองประธานของไห่รุ่ยได้โดยตรง ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น วันหนึ่งผมจะตอบแทนคืนให้คุณอย่างแน่นอน”

 

 

ในตอนท้าย เซียวอวี่เหอก็ทำตามเจตนาของเขาไม่สำเร็จแม้ว่ามื้ออาหารทั้งมื้อจะจบลงแล้ว

 

 

เขาขู่โม่ถิงไม่ได้ มิหนำซ้ำเขายังเอาการดูแลเป็นพิเศษมาให้ซ่งซินไม่ได้อีก และที่เลวร้ายที่สุดก็คือ เขาเอาสัญญาของเธอกลับคืนมาไม่ได้

 

 

ตลอดช่วงเวลานั้น ซ่งซินถูกแยกออกจากทั้งสามด้วยกำแพงกระจก หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่โม่ถิงพูด ซ่งซินก็เข้าใจทัศนคติของเขาที่มีต่อเธอในที่สุด

 

 

ซ่งซินรู้สึกว่าทั้งร่างของเธอกำลังพลุ่งพล่านไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธ ในตอนท้าย หญิงสาวไม่มีทางเลือกนอกเสียจากถูกถังหนิงกดขี่ เธอถูกถังหนิงกดขี่อย่างหนักหน่วง!

 

 

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือทุ่มไปให้สุดและสู้จนหลังชนฝา!