เล่มที่ 2 บทที่ 59 หักร้างถางพงปลูกพืชผล

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

ที่ผืนนี้เป็นพื้นที่รกร้างที่ยังไม่เคยผ่านการบุกเบิกจริง

ตอนที่พวกเซียวยวี่มาถึงหมู่บ้านสกุลเซียว คนในหมู่บ้านสงสารพวกเขา จึงยินยอมให้พวกเขาไปบุกเบิกที่ดินรกร้างซึ่งยังไม่ผ่านการหักร้างถางพง จะใช้ที่กว้างแค่ไหนก็ได้

ทว่าในเวลานั้น บิดามารดาของเซียวยวี่ป่วยอยู่ เซียวยวี่อายุสิบกว่าปี ทั้งต้องดูแลบิดามารดา และต้องดูแลน้องชายน้องสาว ไม่มีเวลา ในภายหลัง เซี่ยยวี่หลัวแต่งเข้ามา นางไม่ยอมให้ทำ ที่ดินนี้จึงปล่อยรกร้างมาตลอด

ที่ดินเต็มไปด้วยหญ้าขึ้นรก หญ้าสูงเท่าตัวคน ดีที่เหี่ยวแล้ว แต่ตรงโคนต้นหญ้าบนพื้นดินมีต้นกล้าใบหญ้าสีเขียวงอกขึ้นมาไม่น้อย หากปีนี้ยังไม่หักร้างถางพงทำการเพาะปลูกอีก หญ้าเหล่านี้ก็จะเติบโตจนสูงเท่าตัวคนอีก

เซียวจื่อเซวียนชี้หญ้าตรงหน้าที่สูงกว่าตัวเขาพร้อมกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ นี่คือที่นาของบ้านเรา”

เซี่ยยวี่หลัว “…”

นางอยากถอนคำพูดเมื่อครู่นี้เสียจริง

หญ้าที่ทั้งสูงและรกขนาดนี้ แค่ถางหญ้าก็แทบจะเอาชีวิตเข้าแลกแล้ว

เพียงแต่ ตอนนี้นางเหมือนผู้มากความสามารถที่ต้องหยุดฝีก้าวเพราะอุปสรรคเพียงน้อยนิด เพื่อให้มีข้าวกิน ต่อให้ต้องยากลำบากแค่ไหน แม้จะยากกว่าขึ้นสวรรค์ ก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้!

เซี่ยยวี่หลัวคิดแล้วจึงลงมือทันที พับขากางเกงและถกแขนเสื้อขึ้น สาวเท้าก้าวเดินเข้าไปในที่นา “ลงมือกันเถอะ”

เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวลงมือทันที โน้มตัวถอนหญ้ากำเล็กขึ้นมาทั้งราก เซียวจื่อเซวียนจึงเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านปลูกพืชผลเป็นหรือ?”

เซี่ยยวี่หลัวหันมาขยิบตาพร้อมแย้มรอยยิ้ม “ลองดูก็รู้เอง”

พูดเป็นเล่น นางเรียนเกษตรศาสตร์มา ในที่นาจำลอง นางเคยปลูกพืชผลและผักหลายสิบชนิด นอกจากไม่ต้องหักร้างถางพงแล้ว เรื่องการเพาะปลูกใส่ปุ๋ย กำจัดแมลงและบำรุงรักษา มีอะไรบ้างที่นางไม่เคยทำ

ก็แค่ที่ดินผืนหนึ่งไม่ใช่หรือ ถางหญ้าให้สะอาด ใส่ปุ๋ยเล็กน้อย แล้วจึงหว่านเมล็ด ปกติดูแลให้มากหน่อย ใส่ปุ๋ยถางหญ้ารดน้ำ จะปลูกไม่ได้เชียวหรือ

เมื่อเห็นเซี่ยยวี่หลัวมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม เซียวจื่อเซวียนก็ตื่นเต้นอยากลอง ช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขารู้สึกเลื่อมใสในตัวพี่สะใภ้ใหญ่เสียยิ่งกว่าอะไร เขียนพู่กันก็ลายมือสวย ทำอาหารก็อร่อย ตอนนี้ยังปลูกพืชผลเป็นอีก ถือว่าอยู่เหนือความคาดหมายของเซียวจื่อเซวียนโดยสมบูรณ์ พี่สะใภ้ใหญ่ที่เป็นแบบนี้ ราวกับพบขุมสมบัติก็มิปาน

การถอนหญ้าเป็นงานหนักมาก เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวคิดอยากจุดไฟเผาหญ้าแห้งเหล่านี้เสีย แต่เพราะเห็นว่าที่นาผืนนี้อยู่ใกล้ภูเขาเกินไป หากไม่ระวัง ไม่แน่ว่าไฟอาจลามขึ้นภูเขาก็เป็นได้

เซี่ยยวี่หลัวได้แต่ใช้มือถอน ใช้จอบขุด ทำมาตลอดช่วงบ่าย ก็ถอนหญ้าออกได้เพียงร่องเดียว

เมื่อถอนถึงอีกด้านหนึ่งของที่นา ก็เห็นว่าบนภูเขามีบ่อน้ำสะอาดบ่อหนึ่ง ไหลผ่านที่ผืนนี้พอดี กลายเป็นคูน้ำขนาดเล็กที่สามารถก้าวข้ามไปได้ ด้านบนก็มีหญ้าขึ้นรก ทว่าน้ำในคูใสสะอาดจนสามารถมองเห็นถึงพื้นใต้น้ำได้

เซี่ยยวี่หลัวมัดหญ้าที่สามารถเผาได้รวมกัน ส่วนที่นำไปได้ก็นำไป ที่นำไปไม่ได้ก็วางไว้ในที่นา รอวันไหนเก็บกวาดจนสะอาด ก็ค่อยจุดไฟเผาทีเดียว

เพียงแต่ ตระเตรียมที่เสร็จแล้วจะปลูกอะไรดี? มีอะไรก็ปลูกไปก่อนก็แล้วกัน นางไม่มีทางเลือก

แต่ในบ้านไม่มีเงิน จะซื้อเมล็ดพันธุ์อย่างไร?

เซี่ยยวี่หลัวพรวนดินไปพลางคิดไปพลาง จนถึงตอนที่พระอาทิตย์เคลื่อนไปอยู่ทางทิศตะวันตก เซี่ยยวี่หลัวพาเด็กสองคนล้างทำความสะอาดด้วยน้ำในคู

คันนาแคบมีที่ให้เดินได้คนเดียว ตอนขามา เซียวจื่อเมิ่งเดินมา แต่ตอนขากลับ เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าให้นางเดินคนเดียว

หลังจากนางล้างมือให้เซียวจื่อเมิ่ง และเช็ดจนสะอาดแล้ว จึงย่อตัวอยู่ด้านหน้าเซียวจื่อเมิ่ง “จื่อเมิ่ง ขึ้นมา พี่สะใภ้ใหญ่แบกเจ้ากลับไป”

เมื่อเซียวจื่อเซวียนได้ยิน จึงรีบกล่าว “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเหนื่อยมาครึ่งค่อนวันแล้ว จื่อเมิ่งเดินเองได้เจ้าค่ะ”

ตอนนี้เขาเป็นห่วงเซี่ยยวี่หลัวจากใจจริง

เซียวจื่อเมิ่งก็กล่าวเสียงใส “พี่สะใภ้ใหญ่ จื่อเมิ่งเดินเองได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องแบก! พี่สะใภ้ใหญ่เหนื่อยแล้ว”

เซี่ยยวี่หลัวยิ้มพร้อมกล่าว “รอให้เดินผ่านคันนาตรงนี้ เจ้าค่อยเดินเอง พี่สะใภ้ใหญ่กลัวว่าเจ้าเหนื่อยมาตลอดช่วงบ่าย เดี๋ยวจะทรงตัวไม่ได้!”

จื่อเมิ่งเพิ่งหกขวบ หากเดินโงนเงนไม่มั่นคงจะอันตรายมาก

เซียวจื่อเซวียนมองคันนาแคบๆ บนพื้น จริงด้วย คันนาแคบเกินไป หากจื่อเมิ่งเดินไม่ระวัง ร่วงลงไป…

เซียวจื่อเมิ่งขึ้นขี่หลังเซี่ยยวี่หลัว ระยะที่ผ่านมาเด็กคนนี้เหมือนจะหนักขึ้นเล็กน้อย ไม่ได้มีแต่กระดูกทั้งตัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เซี่ยยวี่หลัวแบกเซียวจื่อเมิ่ง เดินอยู่ด้านหน้า เซียวจื่อเซวียนแบกจอบเดินตามหลัง

เสียงพูดคุยหัวเราะของพี่สะใภ้ใหญ่และน้องสาวดังขึ้นจากด้านหน้าเป็นระยะ เซียวจื่อเซวียนที่อยู่ด้านหลังก็หัวเราะตาม ทำอย่างไรก็ไม่อาจหุบยิ้มได้

เขาชอบพี่สะใภ้ใหญ่ในตอนนี้เสียยิ่งกว่าอะไร

แม้แต่ฝีเท้าก็ทั้งเบาและเร็วขึ้นไม่น้อย

ถึงจะทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย ทว่าเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของพี่สะใภ้ใหญ่กับน้องสาว เขาก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย

เมื่อกลับถึงบ้าน เซี่ยยวี่หลัวยกน้ำอุ่นมา เด็กสองคนใช้ล้างมือจนสะอาดอีกครั้ง เล็บของเด็กสองคนถูกเซี่ยยวี่หลัวตัดและตะไบจนทั้งกลมและสั้น ไม่มีดินโคลนติดใต้เล็บให้เห็นแม้แต่น้อย

ล้างมือสะอาดแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงเริ่มทำอาหารเย็น

ผักตีนไก่ที่เพิ่งเก็บกลับมา เด็กสองคนนำไปทำความสะอาด นางตักข้าวสารมาเล็กน้อยเพื่อหุงข้าว ระหว่างที่นั่งอยู่หลังเตาไฟเพื่อจุดไฟ จู่ๆ เซี่ยยวี่หลัวก็สังเกตเห็นบางอย่าง

ในบ้านยังมีไข่ไก่อีกจำนวนหนึ่ง ใช้ไข่ไก่เหล่านี้แลกเมล็ดพันธุ์มาดีหรือไม่?

นางบอกความคิดของตัวเองให้เซียวจื่อเซวียน เซียวจื่อเซวียนตอบตกลงทันที อาศัยจังหวะที่ท้องฟ้ายังไม่มืด เซียวจื่อเซวียนหอบไข่ไก่ห้าฟองออกจากบ้านไป

เขานำไข่ไก่ไปยังบ้านท่านป้าสี่ เซียวหมิงจูเห็นว่าเซียวจื่อเซวียนมา ก็ประหลาดใจเล็กน้อย “อาเซวียน เจ้ามาได้อย่างไร?”

 “พี่หมิงจู ท่านลุงสี่และท่านป้าสี่อยู่บ้านหรือไม่?” เซียวจื่อเซวียนกล่าวทักทายอย่างมีมารยาท

ท่านลุงสี่และท่านป้าสี่ได้ยินเสียง จึงเดินออกมา “จื่อเซวียนมางั้นหรือ? กินข้าวหรือยัง?”

เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า “ยังไม่ได้กิน แต่พี่สะใภ้ใหญ่กำลังทำอยู่ เดี๋ยวกลับไปก็ได้กินข้าวแล้ว!”

ท่านป้าสี่หันมองเซียวหมิงจูที่อยู่ข้างๆ ก็เห็นเซียวหมิงจูทำหน้าถมึงทึงจนดำราวกับก้นหม้อเช่นนั้น

ขณะที่เซียวจื่อเซวียนเอ่ยถึงพี่สะใภ้ใหญ่ สีหน้าของเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อนแม้แต่น้อย

ท่านป้าสี่ก็ยิ่งมุ่นคิ้วเป็นปม

นางเด็กบ้าคนนี้ ทำหูทวนลมใส่วาจาของนางงั้นหรือ!

 “จื่อเซวียน มีธุระอะไรใช่หรือไม่?” ท่านลุงสี่ไม่รู้ความคิดในใจภรรยาและบุตรสาวของตนเอง เอ่ยถามเซียวจื่อเซวียนด้วยท่าทางอารมณ์ดี

เซียวจื่อเซวียนยกไข่ไก่ในมือขึ้น พร้อมกล่าว “ท่านลุงสี่ ข้าอยากใช้ไข่ไก่ แลกกับถั่วเหลืองของท่าน!”

 “แลกถั่วเหลือง?” ท่านลุงสี่รู้สึกประหลาดใจ “เจ้าจะแลกถั่วเหลืองไปทำอะไร?”

 “พี่สะใภ้ใหญ่จะหักร้างถางพงที่นา นางจะปลูกถั่วเหลืองจำนวนหนึ่ง แต่บ้านข้าไม่มีเงินซื้อเมล็ดพันธุ์ จึงอยากใช้ไข่ไก่มาแลกกับท่านก่อน รอให้มีเงินแล้ว ถ้าไม่ใช่ให้เงินท่าน ก็นำถั่วเหลืองมาให้ท่าน! ท่านคิดว่าได้หรือไม่?” เซียวจื่อเซวียนกล่าวตอบตามที่เซี่ยยวี่หลัวกำชับไว้

เมื่อท่านลุงสี่ได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวจะไปหักร้างถางพง ก็รู้สึกผิดคาด “ที่นาของบ้านเจ้า หญ้าสูงเท่าคนแล้วกระมัง? พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าเป็นสตรี จะถางหญ้าไหวหรือ?”

เซียวจื่อเซวียนพยักหน้า “ถางไหว พี่สะใภ้ใหญ่ถางหญ้ามาหนึ่งวัน ถางไว้ได้ไม่น้อยแล้ว ทำอีกสักสามถึงสี่วัน ก็สามารถหว่านเมล็ดเพาะปลูกได้แล้ว!”

ท่านลุงสี่และท่านป้าสี่หันสบตากัน ต่างก็เห็นแววตาอีกฝ่ายฉายประกายตกตะลึง