ตอนที่ 137 บ้านอิฐและระเบื้อง / ตอนที่ 138 อยากกินเกี๊ยว

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 137 บ้านอิฐและระเบื้อง

หูเฟิงไม่รู้ว่าในหัวสมองของนางคิดอะไรอยู่บ้าง แต่ดูจากท่าทางของนางแล้ว เหมือนจะไม่พอใจต่อการกระทำของเถ้าแก่ร้านสบียงอาหารอย่างมาก

“เขาทำการค้าขาย ค้าขายก็เพื่อให้ได้เงิน ทำเช่นนี้เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่หรือ”

ไป๋จื่อเลิกคิ้ว ก่อนจะเสมองหูเฟิงที่กำลังทำหน้าตาสงสัย “ปกติมากหรือ? ผู้ประสบภัยยังไม่มา เขาก็ขึ้นราคาข้าวสารมาเท่าตัวหนึ่งแล้ว หากผู้ประสบภัยมา ราคาข้าวสารไม่ขึ้นมากกว่าหนึ่งเท่าตัวหรือ? ในเมื่อเรียกว่าผู้ประสบภัย พวกเขาจะมีเงินซื้อข้าวราคาแพงเช่นนี้หรือ? ถึงเวลานั้นแล้วหากผู้ประสบภัยไม่ได้กินข้าว ชาวบ้านในเมืองนี้ได้รับความลำบากไปด้วย ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีชาวบ้านที่น่าสงสารหิวตายไปมากเท่าไร เรื่องนี้เรียกว่าปกติหรือ?”

หากพูดเช่นนี้ก็ไม่เรียกว่าปกติจริงๆ แต่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนางเล่า? นางเป็นแค่เด็กสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ตนเองเพิ่งจะมีชีวิตที่ดีได้สองวัน นางจะทำอะไรได้?

หูเฟิงไม่ได้พูดมากอีก เร่งรถเทียมวัวกลับไป

ตอนที่ผ่านร้านขนมหวาน นางเข้าไปซื้อขนมเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าฝั่งตรงข้ามร้านขนมหวานกำลังสร้างบ้านพอดี ทั้งหมดใช้อิฐสีดำและแผ่นกระเบื้อง ดูแล้วบ้านนี้แข็งแรงกว่าดินที่ยังไม่ผ่านการเผาในหมู่บ้านหวงถัวเหล่านั้นมาก นางต้องการสร้างอาคารหลังเล็กสองชั้น ใช้ดินเช่นนั้นย่อมไม่ได้ ก่อนหน้านี้กำลังกลุ้มใจ ไม่รู้ว่าจะไปซื้ออิฐและกระเบื้องที่ใด คิดไม่ถึงว่าคราวนี้จะเจอเข้าแล้ว

นางทิ้งหูเฟิงไว้ แล้ววิ่งไปยังด้านหลังของบุรุษที่กำลังก่ออิฐลนกำแพง “พี่ชาย ข้าถามท่านเรื่องหนึ่งได้หรือไม่”

บุรุษผู้นั้นกำลังก่ออิฐอย่างตั้งใจ จู่ๆ ไป๋จื่อตะโกนเรียกอยู่ข้างหลังเขา จึงตกใจจนไม่อาจควบคุมเรี่ยวแรงในมือได้ อิฐดำหล่นลงมาจากด้านบน ไปทางศีรษะของไป๋จื่อพอดี

ไป๋จื่อก็ตกใจจนมึนงงเช่นกัน แม้แต่การหลบหลีกตามสัญชาตญาณก็หายไปจนหมด

ได้แต่เบิกตามองอิฐดำนั่นกระแทกใส่ศีรษะของนาง

หากกระแทกโดนจริงๆ เกรงว่าสมองของนางคงได้เห็นดวงดาวแน่

เมื่ออิฐก้อนนั้นกำลังจะกระแทกศีรษะ นางรีบหลับตาปี๋ ทว่าทันใดนั้น ช่วงเอวของนานก็ถูกจับแน่น ร่างกายหมุนไปอย่างรวดเร็ว

นางหลบภัยไปได้ แต่กลับได้ยินเสียงอิฐก้อนนั้นกระแทกใส่ร่างคนผู้หนึ่งดังโครม

หูเฟิงที่กอดนางไว้ตัวโยนเล็กน้อย จากนั้นก็ยืนอย่างมั่นคง

“น้องชาย เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?” ชายหนุ่มที่กำลังก่ออิฐรีบถาม

เขายังไม่เคยเห็นคนที่ถูกอิฐก้อนใหญ่ขนาดนี้กระแทกแล้ว ยังสามารถมีสีหน้าเช่นเดิมเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

หูเฟิงปล่อยไป๋จื่อในอ้อมกอด ก่อนจะพลิกมือลูบลัง นอกจากความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่ได้ถูกกระแทกจนบาดเจ็บอะไร “ข้าไม่เป็นไร”

คราวนี้ไป๋จื่อถึงดึงสติดกลับมาได้ นางรีบตรวจสอบด้านหลังของหูเฟิงที่ถูกกระแทก เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่เป็นอะไรจริงๆ เด็กสาวถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา

“อันตรายจริงๆ ขอบคุณเจ้ามาก” นางวางตัวไม่ถูกอยู่บ้าง เมื่อครู่นางหลบพ้นแท้ๆ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดที่สมองของนางพลันหยุดชะงัก ลืมแม้กระทั่งหลบหลีก

หูเฟิงถลึงตามองนางอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปที่ด้านข้างรถเทียมวัว เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองโกรธอะไร รู้เพียงว่าน่าโมโหยิ่งนัก

ไป๋จื่อแลบลิ้นใส่เงาหลังของเขา แล้วหันไปกล่าวกับชายหนุ่มที่กำลังก่ออิฐผู้นั้น “พี่ชาย อิฐและกระเบื้องเหล่านี้ซื้อได้ที่ไหนหรือ”

ชายหนุ่มยิ้มถาม “ทำไม? พวกเจ้าก็จะสร้างบ้านเช่นกันหรือ”

เด็กสาวพยักหน้า “อื้ม เรือนไม้ที่บ้านของพวกข้าถูกลมพัดถล่มไปแล้ว บ้านอิฐและกระเบื้องนี้แข็งแรงมากกว่า”

อีกฝ่ายพิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วยิ้มกล่าวว่า “อิฐและกระเบื้องนี้มีราคาแพง เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ้านอิฐและกระเบื้องเช่นนี้ต้องใช้เงินเท่าไร” เขาชี้ไปยังบ้านที่สร้างใกล้เสร็จแล้วด้านหลัง

ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่รู้ ต้องใช้เงินเท่าไรหรือ”

เขายื่นนิ้วออกมาห้านิ้ว “รวมค่าวัสดุและค่าแรงแล้ว อย่างน้อยห้าสิบตำลึง”

………..

ตอนที่ 138 อยากกินเกี๊ยว

เขาคิดว่าห้าสิบตำลึงนี้จะทำให้ไป๋จื่อตกใจ แต่ใครจะรู้ว่านางได้ยินแล้วกลับตาเป็นประกาย บ้านตรงหน้านี้ไม่เล็กเลย แต่ใช้เงินเพียงห้าสิบตำลึงเท่านั้น อาคารหลังเล็กสองชั้นของนางคิดดูแล้วก็ไม่ได้ใหญ่เท่านี้ ท่าทางไม่ต้องใช้ถึงห้าสิบตำลึงหรอก

ไป๋จื่อถามชายหนุ่มว่า “ท่านเป็นหัวหน้างานหรือ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า “ข้าไม่ใช่หัวหน้างาน พ่อของข้าต่างหากที่เป็นหัวหน้างาน แต่หากเจ้าต้องการสร้างบ้าน จะบอกข้าไว้ก็เหมือนกัน”

เด็กสาวปรบมือ “เช่นนั้นดียิ่งนัก ข้าจะได้ไม่ต้องลำบากมาก เอาอย่างนี้ ข้าอยู่ที่หมู่บ้านหัวถัว ชื่อว่าไป๋จื่อ หากท่านมีเวลาก็พาท่านพ่อของท่านไปหาข้าที่หมู่บ้านหวงถัว ข้าจะวาดภาพบ้านให้เรียบร้อย ถึงตอนนั้นพวกท่านค่อยดูว่าทำได้หรือไม่ หากทำได้ค่อยตกลงราคากัน”

ชายหนุ่มดีใจยิ่งนัก บ้านตรงหน้าใกล้จะเสร็จแล้ว ท่านพ่อกำลังกลัดกลุ้มว่าไม่มีงานชิ้นต่อไป เหล่าพี่น้องที่ทำงานด้วยกันล้วนเป็นคนต่างพื้นที่ หากไม่มีงานชิ้นต่อไป พวกเขาก็ต้องกัดฟันจากไป ถึงตอนนั้นจะหาคนมากพร้อมเช่นนี้ก็ยากยิ่งกว่ายากแล้ว

“ดีเลย ตกลงตามนี้ ข้าชื่อซ่งชิงเฟิง พ่อของข้าเป็นช่างสร้างบ้านที่มีชื่อเสียงในเมืองชิงหยวน ทุกคนล้วนเรียกเขาว่านายช่างซ่ง”

ไป๋จื่อยิ่งพอใจ ได้ช่างสร้างบ้านที่มีชื่อเสียง นั่นก็พิสูจน์ว่าเขาต้องมีฝีมืออยู่บ้างแน่นอน เหมาะสมกับความต้องการของนางพอดี

ซ่งชิงเฟิงมองส่งนางจากไป ก่อนจะเห็นนางปีนขึ้นรถเทียมวัวที่มีเสบียงอาหารอยู่จนเต็มคัน เสบียงอาหารมากมายถึงเพียงนั้น บ้านของคนธรรมดาไม่มีทางซื้อได้มากมายขนาดนี้ เขาจึงยิ่งเชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้กำลังคุยโว

หลังออกจากเมืองไป เส้นทางก็ขรุขระขึ้นมา ไป๋จื่อโคลงเคลงจนทรมาน จึงลงจากรถเทียมวัวเสียเลย แล้วเดินกลับไปเช่นเดียวกับหูเฟิง

ครั้นเห็นหูเฟิงไม่สนใจตน นางก็เข้าไปใกล้พร้อมรอยยิ้มกริ่ม “ยังโกรธอยู่อีกหรือ”

หูเฟิงมองไปข้างหน้า ดวงตาไม่เสมองไปที่ใดเลยสักครั้ง

“เอาล่ะ เมื่อครู่ข้าไม่ดีเอง ไม่ควรวิ่งไปยังสถานที่อันตรายตามใจชอบ ทำให้เจ้าต้องลำบากไปด้วย ข้าขอโทษ พอใจหรือยัง”

ชายหนุ่มเสมองนางครั้งหนึ่ง สีหน้าเย็นชา “หากคำขอโทษมีประโยชน์ อิฐก้อนนั้นไม่กระแทกหลังของข้าไปเปล่าๆ หรอกหรือ?”

ไป๋จื่อเลิกคิ้ว “เช่นนั้นเจ้าอยากให้ข้าทำอย่างไร? ให้ข้าคุกเข่าขอให้เจ้าให้อภัยหรือ?”

หูเฟิงแค่นหัวเราะเสียงเบา “คุกเข่าก็ไม่มีประโยชน์หรอก ต่อให้เจ้าคุกเข่าจนเข่าหัก ข้าก็ไม่เห็นใจอยู่ดี…หากเจ้าจริงใจจริง ก็ทำข้าวให้ข้ากินสักมื้อก็พอแล้ว”

เด็กสาวกวาดสายตามองกระเป๋าผ้าที่ผูกอยู่บนรถเทียมวัว ในกระเป๋าใส่ผักสดไว้จนเต็ม ในนั้นมีกุยช่ายกำหนึ่ง หูเฟิงเป็นคนซื้อ…

“เจ้าอยากกินเกี๊ยวหรือ?”

เขาถอนใจเสียงหนึ่ง “ก็ไม่รู้ว่าเกี๊ยวที่ไม่มีเนื้อสัตว์จะอร่อยหรือไม่”

ไป๋จื่อพอใจนัก ดียิ่ง ตั้งใจทำหน้าบึ้งอยู่ตั้งนาน ที่แท้ก็เพื่อขู่ขอเกี๊ยวจากนางมื้อหนึ่ง

“พวกเรายังมีไข่ไก่ ไส้กุยช่ายและไข่ไก่ก็อร่อยเหมือนกัน”

นางกันไปมองเขา มุมปากเย็นชายกขึ้นเล็กน้อย ความเย็นชาในดวงตาที่หมื่นปีไม่สลายไปเหมือนกับลดลงไปไม่น้อย รอยยิ้มของเขาจางนัก มองผ่านๆ ไม่อาจรู้ว่าเขากำลังยิ้มหรือไม่ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เฉยชาเหมือนก่อนหน้านี้อีก

“เจ้ายิ้มแล้วดูดีนัก เจ้าควรจะยิ้มบ่อยๆ ถึงจะถูก” จู่ๆ พูดเช่นนี้ออกมา แม้แต่ตัวนางเองก็รู้สึกว่ากะทันหันมากเช่นกัน

เป็นไปตามคาด หูเฟิงเม้มปากในทันที รอยยิ้มจางที่มุมปากหายไปอย่างไร้ร่องรอยในพริบตานั้น สีหน้าบูดบึ้งขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนในแววตามีความอึดอัดวางตัวไม่ถูกปรากฏให้เห็นอยู่เลือนราง

ออกจากเมืองมาไกลแล้ว หนทางย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ รถเทียมวัวมุ่งไปข้างหน้าช้าลง เพื่อประหยัดแรงวัว และให้รถเดินหน้าเร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย หูเฟิงและท่านลุงบังคับรถจึงไปดันด้านหลัง ส่วนไป๋จื่อรับผิดชอบลากอยู่ข้างหน้า