บทที่ 107 เหยาเอ๋อร์ ข้ามาหาแล้ว + บทที่ 108 ไม่กลับไป Ink Stone_Romance
บทที่ 107 เหยาเอ๋อร์ ข้ามาหาแล้ว
เซียวจื่อเซวียนจากไปโดยไม่ลังเล และไม่หันมามองหลิงหลัวเลยแม้แต่น้อย
นางกลับมายังห้องของตนเอง ก่อนจะทำลายข้าวของจนแตกกระจายเป็นชิ้นๆ “องค์หญิง…”
“กลับไป” เซียวจื่อเซวียนตอบกลับด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
นางแต่งงานกับหลิงหลัวมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เคยเจอเรื่องผิดปกติเช่นนี้มาก่อน
‘ในครั้งนี้ นางจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ และจะต้องตามหานังแพศยาในภาพวาดนั้นให้จงได้ และจะฆ่านางผู้นั้นทิ้งเสีย’
‘หลิงหลัวชอบนังนั่นหรือ ถ้าเช่นนั้นนางก็อยากทำให้หญิงผู้นั้นอัปลักษณ์มากๆ อยากรู้นักว่าหลิงหลัวจะยังชอบนังนั่นอยู่อีกหรือไม่’
หลิงหลัวไม่รู้เลยว่าการกระทำอันไม่ยั้งคิดของตนเองนั้น จะทำให้หนิงเมิ่งเหยาต้องเจอกับปัญหาอะไรบ้าง
เซียวจื่อเซวียนกลับไปยังจวนอ๋องซึ่งเป็นจวนของท่านพ่อนาง และหลังจากนั้นนางก็ไม่กลับมาอีกเลย นั่นทำให้ ท่านอ๋องและฮูหยินรู้สึกแปลกใจ จึงเอ่ยถามหลิงหลัวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อพวกเขารู้ว่าเซียวจื่อเซวียนโกรธเคืองจึงไม่พอใจอย่างมาก แต่กลับมิได้เอ่ยอะไรกับหลิงหลัว และไปกล่าวโทษนางแทน
“ซื่อจื่อ สายสืบมีเรื่องมาแจ้งขอรับ” เมื่อหลิงหลัวกำลังเฝ้ารออย่างกระวนกระวายใจอยู่นั้น ลูกน้องของเขาก็เข้ามารายงานข่าวดีให้ฟัง
ดวงตาของหลิงหลัวลุกวาว และมองพวกเขาอย่างกระตือรือร้น “นางอยู่ที่ใดหรือ”
“อยู่ในหมู่บ้านไป๋ซานขอรับ ต้องใช้เวลาเดินทางสองวันจากที่นี่ขอรับ”
“พาข้าไปที่นั่น”
หลังจากได้รับข้อมูล หลิงหลัวนำลูกน้องของตนเดินทางไปยังหมู่บ้านไป๋ซานอย่างไม่รีรอ ขณะเดียวกันนั้นเอง เซียวจื่อเซวียนเองก็ได้รับข่าวเช่นกัน
นางยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถนำนางผู้นั้นกลับมาได้เช่นนั้นหรือ ไม่มีวันเสียหรอก”
“ก่อนอื่น เจ้า”
“ขอรับ นายหญิง”
“จงติดตามซื่อจื่อไป และหากเขาพบกับหญิงสาวคนนั้นเมื่อไหร่ ก็จัดการนางเสีย” เซียวจื่อเซวียนมองดูองครักษ์เงาของตนด้วยแววตาคร่ำเคร่งและออกคำสั่งอย่างโหดเหี้ยม
“ขอรับ”
จิตใจของหลิงหลัวเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น เขาเดินทางไปยังหมู่บ้านไป๋ซานด้วยความเร็วสูง สองวันต่อมา พวกเขาก็มาถึง
เมื่อหลิงหลัวเห็นลานบ้านตรงเชิงเขา มือของเขาก็สั่นสะท้านเล็กน้อย และไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดที่ทำให้เขาไม่กล้าจะก้าวเท้าเข้าไป
ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังลังเลอยู่นั้น เขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดสีฟ้าเดินออกมาจากห้อง นั่นคือหนิงเมิ่งเหยานั่นเอง
ในช่วงจังหวะที่เขากำลังจะเดินเข้าไปอย่างมีความสุข เขาก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งเดินตามมา ชายผู้นั้นสวมชุดสีฟ้า เช่นเดียวกันกับหญิงสาว และนั่นทำให้ทั้งคู่ดูราวกับเป็นคู่รักหวานแหววก็ไม่ปาน
เมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยาส่งยิ้มให้กับชายผู้นั้น หัวใจของหลิงหลัวก็รู้สึกหึงหวง แต่เรื่องนั้นมิได้ทำให้เขาเจ็บปวดที่สุด แต่สิ่งที่ทำให้เขาร้าวรานใจถึงขีดสุดนั้น คือตอนที่หนิงเมิ่งเหยาเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้กับชายคนนั้นพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้อีกด้วยต่างหาก
เขาเคยได้รับการกระทำแสนพิเศษเช่นนี้มาก่อน แต่ในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี ทุกสิ่งกลับเปลี่ยนแปลงไป ‘นี่เขามาถึงช้าไปเช่นนั้นหรือ’
‘ไม่ เป็นไปไม่ได้ เขาตามหานางมานาน และตอนนี้ก็พบเจอนางแล้ว แล้วจะยอมแพ้ได้เช่นไรกัน’
หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างยืนอยู่ข้างประตูและสัมผัสได้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับจ้องพวกเขาอยู่ ทั้งสองคนจึงหันหน้าไปมองพร้อมกัน ทำให้เห็นผู้มาเยือนคนนั้น หนิงเมิ่งเหยามิได้แปลกใจเลย เพราะนางคาดคิดไว้แล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง
“เหยาเอ๋อร์ เจ้าอยากกลับเข้าบ้านก่อนหรือไม่” เฉียวเทียนช่างเหลือบมองดูหลิงหลัวและหันไปมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเป็นห่วง
“อะไรจะเกิดก็คงต้องปล่อยให้เกิด เทียนช่าง ข้าไม่เป็นไรหรอก” หญิงสาวยิ้มให้เฉียวเทียนช่าง
ชายหนุ่มเงียบลงและพยักหน้า “ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว”
“อืม”
ระหว่างที่หนุ่มสาวทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น หลิงหลัวก็มาถึงข้างๆ พวกเขา
เมื่อหลิงหลัวเห็นความสัมพันธ์อันสนิทสนมระหว่างหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างแล้ว ใบหน้าของเขาก็แสดงความโกรธเคืองออกมา “เหยาเอ๋อร์ เขาเป็นใครกัน”
หนิงเมิ่งเหยามองหลิงหลัวอย่างน่าขัน ราวกับว่าเขาเป็นสามีที่จับได้ว่าภรรยาของตนมีชู้รัก ช่างน่าตลกเสียจริง
“หลิงหลัว เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาถามข้าเช่นนี้” หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างเย้ยหยัน
“ข้า…”
“เหยาเอ๋อร์ เจ้าจะไม่กลับไปอยู่กับข้าหรือ เราจะกลับไปเป็นเช่นเดิมเหมือนกับที่เราเคยเป็นมานะ” หลิงหลัวเมินเฉยต่อเฉียวเทียนช่างผู้ยืนอยู่ข้างๆ และมองหญิงสาวอย่างตั้งอกตั้งใจ
เขาคิดว่าหนิงเมิ่งเหยาในยุคนี้ จะเป็นเหมือนคนเก่า ที่ไม่ว่าเขาจะบอกอะไร นางก็จะเห็นด้วยและเข้าอกเข้าใจกันเสมอ
หนิงเมิ่งเหยามองไปทางหลิงหลัว “เจ้าอยากให้ข้ากลับไปเช่นนั้นหรือ เจ้าจะใช้กฏข้อไหนมาบังคับให้ข้ากลับไปเล่า หลิงหลัว ข้าเผาบ้านหลังนั้นทิ้งตอนที่ข้าจากมา หลังจากนั้น ข้าก็ไม่เคยคิดจะกลับไปยังเมืองหลวงอีกเลย”
บทที่ 108 ไม่กลับไป
หลิงหลัวมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเงียบๆ ทำให้นางหัวเราะร่วน “ดูสิ เจ้ายังไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ”
“ไม่นะ เหยาเอ๋อร์ กลับมากับข้าเถอะ” หลิงหลัวเอ่ยอย่างมุ่งมั่น
แม้ว่าชายอีกคนข้างๆ จะมิได้เอ่ยคำใดออกมาจนถึงตอนนี้ แต่หลิงหลัวก็สัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามจากเขา
“เหยาเหยา ไปกันเถอะ” เมื่อเฉียวเทียนช่างเห็นว่าหญิงสาวจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ เขาจึงลดศีรษะลงมากระซิบบอก
“ตกลง ไปกันเถอะ” หนิงเมิ่งเหยายิ้มให้กับชายหนุ่ม ก่อนเดินตามเขาไป
หลิงหลัวเดินตามไป และเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็มาประชิดตัวหญิงสาว ก่อนจะคว้าข้อมือของนางเอาไว้ และเอ่ยถามอย่างเย็นชา “เขาเป็นใครกัน”
หญิงสาวสะบัดข้อมือของตนเล็กน้อยจนหลุด จากนั้นหญิงสาวจึงยิ้มให้กับคำถามของเขาอย่างเย้ยหยัน “เขาคือคนที่ข้ารักน่ะสิ”
‘คนที่นางรักเช่นนั้นหรือ’ ดวงตาของหลิงหลัวเบิกกว้าง ‘เป็นไปไม่ได้ เขาไม่เชื่อหรอก’
“เจ้ารักชายคนนี้เช่นนั้นรึ ไม่ ไม่มีทางเป็นไปได้” แม้ว่านางจะจากเขาไปแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดว่าสักวันหนึ่ง นางจะไปอยู่กับชายอื่นได้ ในใจของเขานั้นเชื่อมั่นมาตลอดว่าหนิงเมิ่งเหยายังเป็นของเขาเสมอ
หนิงเมิ่งเหยามองหลิงหลัวอย่างเหยียดหยาม และถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้เล่า เขาผ่านอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ข้าได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะขึ้นเขาหรือแม้แต่ลงแม่น้ำ เขาก็ยอมทำเพื่อข้าทั้งสิ้น ทั้งยังเต็มใจจะเข้าครัวเพื่อช่วยข้าล้างจาน และเรียนรู้วิธีการทำอาหารอีกด้วย เจ้าเคยทำสิ่งเหล่านี้ให้ข้าบ้างหรือไม่เล่า ข้าว่าเจ้าไม่เคยคิดจะทำด้วยซ้ำไป”
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยเปรียบเทียบชายหนุ่มทั้งสองเลย จนตอนนี้นางจึงตระหนักได้ว่าหลิงหลัวนั้นไม่มีอะไรเทียบกับเฉียวเทียนช่างได้เลย
หลิงหลัวมองหญิงสาวอย่างเศร้าสลด “เรากลายเป็นคนไม่คุ้นเคยกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ทำไมคนอย่างหลิงหลัวจะต้องทำเรื่องเหล่านั้นด้วย เขาเป็นถึงซื่อจื่อแห่งโหวฝู่เหตุใดเขาจะต้องทำเรื่องน่าดูถูกเช่นนั้นด้วยเล่า
“หากข้าจะทำตัวห่างเหินกับเจ้า แล้วทำไมหรือ ข้าไม่อยากใช้ชีวิตอย่างคนร่ำรวย ข้าเพียงต้องการชีวิตอันเงียบสงบในหมู่บ้านกลางเขาเล็กๆ แห่งนี้ หลิงหลัว เจ้าให้ในสิ่งที่ข้าต้องการไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็ตาม เราทั้งสองคนมิอาจอยู่ด้วยกันได้หรอก” หนิงเมิ่งเหยามองดูหลิงหลัวอย่างจริงจัง
ในช่วงแรกที่หญิงสาวทำเหล้า นางเคยใคร่ครวญถึงประเด็นนี้อยู่บ้าง และคิดอยู่เสมอว่าหากประจันหน้ากับหลิงหลัวเมื่อไหร่ นางจะต้องไม่ใจอ่อนกับเขาเป็นอันขาด
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนิงเมิ่งเหยามาเจอหน้าเขา ก็พบว่าตนเองมิได้ใส่ใจหลิงหลัวขนาดนั้น ขณะเดียวกันชายหนุ่มผู้นี้เองก็ไม่ได้เป็นห่วงนางอย่างที่นางคิดเอาไว้เช่นกัน
ในทางกลับกัน ชายหนุ่มที่เพิ่งพบเจออีกคนนั้น กลับรู้ว่านางต้องการอะไร และรู้ว่านางมิได้ชอบอยู่แต่ในครัวเท่านั้น แม้ว่าหญิงสาวจะทำอาหารเก่ง แต่หลิงหลัวกลับไม่เคยสังเกตมาก่อน ต่างจากเฉียวเทียนช่าง ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงเต็มใจที่จะเรียนรู้การทำอาหารในห้องครัวร่วมกับนาง หรือท่านยายฉิน
แม้ว่าเฉียวเทียนช่างจะกระทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ให้ แต่นางก็รู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง
“หากเจ้าต้องการ ข้าก็สามารถทำได้…”
“ไม่ เจ้าไม่อาจทำได้ หลิงหลัว หากเจ้าทำได้จริง เจ้าคงไม่มีวันขอให้ข้าเป็นอนุภรรยาของเจ้าหรอก หนำซ้ำเจ้ายังไปอยู่ในจวนที่ว่าการอำเภอและครองตำแหน่งเป็นซื่อจื่อแห่งโหวฝู่ด้วยเหตุนี้ เจ้าจึงไม่อาจละทิ้งอำนาจได้อีกแล้ว เหตุผลเดียวที่เจ้ามาที่นี่เพียงเพราะว่าเจ้าไม่พอใจเท่านั้น” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยอย่างเย็นชาพร้อมมองหน้าอีกฝ่าย โดยไม่รอให้เขาพูดจบ
มันเป็นเรื่องจริง เหตุผลทั้งหมดที่หลิงหลัวมาหานางในวันนี้ เพียงเพราะว่าเขาไม่พอใจกับการเสียนางไป แต่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว
“ไม่ มันไม่จริง” หลิงหลัวรู้สึกผิด
หนิงเมิ่งเหยามองดูเขาอีกครั้งก่อนเอ่ยขึ้นว่า “เวลาที่เจ้าโกหก ดวงตาของเจ้าจะไม่หยุดนิ่ง เจ้าไม่เคยเข้าใจข้าสักครั้งเลย หลิงหลัว”
“ข้า…”
“ไปเถอะ และไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ไม่ว่าเจ้าจะพยายามอีกกี่ครั้ง ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม ข้าอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่นี่ ข้าจะไม่ไปวุ่นวายในชีวิตเจ้า และหวังว่าเจ้าเองก็จะไม่มาวุ่นวายกับข้าด้วยเช่นกัน” หนิงเมิ่งเหยากล่าวขึ้นในที่สุด
หลิงหลัวรู้สึกถึงความโหดเหี้ยมจากน้ำเสียงของนาง
“เจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าจริงๆ หรือ”
“นี่ไม่ใช่วิธีที่ข้าอยากจะปฏิบัติต่อเจ้า แต่เจ้าเป็นคนละทิ้งความสัมพันธ์ของเราไปเอง พวกเราเปลี่ยนไปมากนัก และเจ้าได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกใบนี้ไปแล้ว ทั้งยังเป็นคนหลงระเริงในอำนาจเหมือนกับคนอื่นๆ อีก นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการเลย ไม่ว่าจะเป็นแต่ก่อนหรือตอนนี้ก็ตาม”