ส่วนที่ 3 ตัวแทนคนรัก ตอนที่ 21 ตัวแทนคนรัก (21)

ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก

ตอนที่ซูหว่านมาถึงโรงพยาบาลหลังเลิกงานก็เห็นซูรุ่ยนั่งพิงหัวเตียงผู้ป่วยดูซีรี่ส์จากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอยู่

 

 

ใช่ มันคือซีรี่ส์น้ำเน่าไร้สาระแบบนั้นแหละ วันที่ซูรุ่ยไปพักค้างคืนที่คอนโดของตัวเอง ซูหว่านก็สังเกตเห็นว่าซูรุ่ยค่อนข้างชอบดูซีรี่ส์พวกนี้มาก วันนั้นซูหว่านแค่รู้สึกเบื่อๆ เลยเปิดดูไปเรื่อยๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ซูรุ่ยกลับจำชื่อของตัวละคร ความสัมพันธ์และเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดของเนื้อเรื่องได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลย

 

 

แต่สิ่งที่ซูหว่านไม่รู้ก็คือ ซูรุ่ยมีสถานะเป็นผู้ที่เคยทำลายล้างวายร้ายระดับสูงในโลกคู่ขนานเดิมมาก่อน บุคลิกนิสัยของเขาค่อนข้างแปลก หลังจากที่ถูกซูหว่านทำให้เสียใจที่โลกเดิมแล้ว เขาก็เพิ่มระดับความร้ายกาจขึ้นมาก และหลังจากที่ได้กลายเป็นผู้แก้ไขในโลกคู่ขนานใหม่แล้ว ด้วยวิธีการปฏิบัติภารกิจของเขาค่อนข้างที่จะรุนแรงและป่าเถื่อน ทางศูนย์บัญชาการกลางจึงจัดระดับของเขาให้อยู่ในตำแหน่งผู้ทำภารกิจระดับS และเพื่อให้เขาเข้าถึงบทบาทของตำแหน่งผู้ทำภารกิจ “พระรองคลั่งรัก” มากยิ่งขึ้น ยังพยายามเสาะหาซีรี่ส์และนวนิยายเกี่ยวกับความรักมากมายมาให้เขาได้ดู ได้ศึกษา

 

 

หลังจากนั้นเป็นต้นมา การได้นั่งดูซีรี่ส์รักน้ำเน่าจึงกลายเป็นความชอบอย่างหนึ่งของซูรุ่ย และหลังจากที่ได้พบกับซูหว่านอีกครั้ง ท่านแม่ทัพของเราก็มีความสามารถใหม่เกิดขึ้นมา นั่นก็คือการนำเรื่องราวที่ตัวเองเคยดูเคยอ่านในซีรี่ส์และนิยายรักต่างๆ มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัวและง่ายดาย

 

 

และแน่นอนว่า คนที่จะมาเป็นผู้ทดลองเทคนิคเหล่านี้ของเขาก็คือซูหว่านนั่นเอง อืม อย่างเช่น การแกล้งเมา หรือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยนางเอกเป็นต้น

 

 

“คุณมาแล้วเหรอ”

 

 

ซูรุ่ยเห็นร่างของซูหว่านเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย สายตาของเขาละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มองมาทางซูหว่านตาไม่กะพริบ ซูหว่านชูปิ่นโตเก็บอุณหภูมิขึ้นมา “หิวหรือยัง วันนี้รถติดนิดหน่อย”

 

 

ซูหว่านยังคงตั้งใจป้อนอาหารให้ซูรุ่ยดั่งที่ผ่านมา บนใบหน้าก็ไม่ได้มีสีหน้าพิเศษอะไร ในระหว่างการกินข้าว ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกัน จนกระทั่งจบมื้ออาหาร ซูหว่านนำปิ่นโตไปล้างในห้องน้ำ พอหันมามองทางซูรุ่ย ก็เห็นว่าเขาใช้สายตาหวานเชื่อมมองมาทางตัวเองอยู่

 

 

“คุณเป็นไข้หรือเปล่า”

 

 

ซูหว่านหรี่ตาลง มองมาทางซูรุ่ยด้วยสีหน้าซุกซน ซูรุ่ยยืดแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บไปมา “คุณบอกว่าคืนนี้จะเช็ดตัวให้ผมไม่ใช่เหรอ”

 

 

“อ้อ จริงสิ”

 

 

ซูหว่านทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรออก หมุนตัวเดินไปทางประตูห้องพัก แล้วเรียกคนด้านนอกเสียงดัง “เข้ามาได้เลยค่ะ!”

 

 

จากนั้น ซูรุ่ยก็เห็นคุณป้ารูปร่างกำยำใส่ชุดเครื่องแบบพยาบาลสีฟ้าเดินเข้ามาอย่างช้าๆ

 

 

“ดูแลคุณชายฟังให้ดีละ เช็ดให้สะอาดหมดจดเลยนะ”

 

 

ซูหว่านตบมือลงไปบนไหล่ของคุณป้าพยาบาลอย่างหนักแน่น แล้วเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปในขณะที่ซูรุ่ยกำลังตกตะลึงมองตาค้างอยู่ ก่อนออกจากห้องยังไม่ลืมที่จะช่วยปิดประตูห้องเสียงดังส่งท้ายด้วย ในห้องพักผู้ป่วย คุณป้าพยาบาลยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอยืนตาค้างมองมาทางผู้ป่วยที่ยืนอยู่ข้างเตียงอย่าง “อัศจรรย์” ซึ่งกำลังปล่อยไอเย็นใส่ตัวเองอยู่

 

 

สมัยนี้ การเป็นพยาบาลก็มีอันตรายถึงชีวิตได้เหมือนกันนะเนี่ย คุณป้าพยาบาลถูกไอเย็นและรังสีอำมหิตของท่านแม่ทัพซูที่แผ่ออกมาจนไม่กล้าขยับตัว และไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี

 

 

หลังจากที่ซูรุ่ยปล่อยรังสีอำมหิตจนพอใจแล้ว เขาก็นึกถึงซีรี่ส์เรื่องใหม่ที่ตัวเองกำลังดูอยู่ สงสัยว่าซูหว่านจะไม่ชอบแนวตัวร้ายซื่อบื้อเท่าไร สงสัยครั้งหน้าคงต้องเปลี่ยนแนวสักหน่อยแล้ว

 

 

ในโลกนี้มี CEO ตั้งหลายเวอร์ชัน ต้องมีสักเวอร์ชันหนึ่งสิที่ซูหว่านชอบ…ขณะนี้ซูหว่านกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ด้านล่างของโรงพยาบาล เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าตอนนี้ซูรุ่ยกำลังตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางภารกิจในโลกหน้าอยู่ ตอนนี้เธอแค่อยากจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะเดินมาเจอเข้ากับเซียวจิ่งมั่วที่มาหาตัวเองถึงที่นี่

 

 

“บังเอิญจัง”

 

 

“ผมมาหาคุณ”

 

 

สภาพของเซียวจิ่งมั่วตอนนี้ไม่ได้ดูเนี้ยบเหมือนปกติ เขาใช้สายตาลุ่มลึกมองมาที่ซูหว่านแล้วเอ่ยถาม “ซูหว่าน “คุณรู้ไหมว่าคนที่ทำร้ายคุณครั้งนี้คือใคร”

 

 

“น่าจะเป็นโอวหยางจิ้งแหละมั้ง ฉันเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ดูเหมือนว่าจะเคยมีเรื่องแค่กับเธอคนเดียว”

 

 

ซูหว่านไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมาตื่นเต้นกับสิ่งใด เสียงของเธอทุ้มต่ำราบเรียบ “ฉันไม่คิดว่าโอวหยางจิ้งถึงกับคิดจะเอาชีวิตฉัน และฉันยิ่งคาดไม่ถึงว่าฟังจื่อมู่เขา…”

 

 

“ซูหว่าน คุณชอบฟังจื่อมู่จริงๆ หรือ”

 

 

จู่ๆ เซียวจิ่งมั่วก็ยกมือขึ้นมากุมไหล่ทั้งสองข้างของซูหว่านไว้ ซูหว่านตัวแข็งทื่อ เงยหน้าขึ้นมองเซียวจิ่งมั่วด้วยสายตาระคนสงสัย “จิ่งมั่ว คุณ…”

 

 

“วันนั้นที่คุณคุยกับคุณปู่ ผมได้ยินทั้งหมดแล้ว”

 

 

ดวงตาของเซียวจิ่งมั่วสวยมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเขาใช้สายตาที่มุ่งมั่นมองมาที่ซูหว่าน ในดวงตาคู่นั้นเธอมองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากเงาสะท้อนใบหน้าของตัวเอง

 

 

“เสี่ยวหว่าน ขอโทษ ที่ผมปกป้องคุณได้ไม่ดีพอ”

 

 

น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ สั่นเครือเล็กน้อยอย่างรู้สึกผิด

 

 

“จิ่งมั่ว อย่าทำแบบนี้เลย”

 

 

ซูหว่านเบี่ยงหน้าไปด้านข้างเพื่อหลบเลี่ยงสายตาคู่นั้น “เรื่องราวมันผ่านไปแล้วก็ช่างมันไปเถอะ ตอนนี้คุณมีลั่วชูชูแล้ว ฉัน…”

 

 

“เสี่ยวหว่าน…”

 

 

เซียวจิ่งมั่วรับรู้ได้ถึงการที่ซูหว่านพยายามกักเก็บความรู้สึกและความเจ็บปวดของตัวเองไว้ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ นี่ก็คือตัวตนที่แท้จริงของซูหว่าน นี่คือคนที่เขาเคยรักสุดหัวใจ คนที่อยู่ในความทรงจำของเขาเสมอมา คนที่มีจิตใจที่ดีงาม คิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ คนที่แสนดีขนาดนี้ทำไมถึงถูกคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างฟังจื่อมู่หลอกลวงเอาได้นะ

 

 

คิดมาถึงตรงนี้ เซียวจิ่งมั่วก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเข้าไปใกล้ซูหว่านอีกนิด “เสี่ยวหว่าน ผมได้สืบดูอย่างละเอียดแล้ว คนขับรถที่ขับรถจะชนคุณเขารับมาจากโอวหยางจิ้งก็จริง แต่เจ้านายที่แท้จริงของเขาคือฟังจื่อมู่!”

 

 

“คุณว่าอะไรนะ”

 

 

ซูหว่านหันหน้ากลับมา มองไปที่เซียวจิ่งมั่วด้วยสีหน้าตกตะลึง

 

 

“คุณฟังไม่ผิดหรอก คือฟังจื่อมู่จริงๆ ผมไม่รู้ว่าเขาไปสืบรู้มาได้ยังไงว่าโอวหยางจิ้งคิดจะจ้างคนมาทำร้ายคุณ จากนั้นเขาก็ให้เงินคนขับรถคนนั้นไปอีกก้อนใหญ่ เพื่อที่จะกำกับบทพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยคุณไว้ด้วยตัวเขาเอง วันนี้ช่วงบ่ายผมมาที่โรงพยาบาล ผมได้ไปคุยกับคุณหมอเจ้าของไข้แล้ว บาดแผลบนตัวเขาเป็นของปลอมทั้งสิ้น แล้ววันนี้ผมยืนมองเขาอยู่หน้าห้องพัก เห็นเขาเดินไปเดินมาในห้องเหมือนคนปกติทั่วไปเลย เสี่ยวหว่าน ฟังจื่อมู่หลอกลวงคุณมาตั้งแต่ต้น คุณอย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาดเลยนะ!”

 

 

“ทำไม ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ละ”

 

 

เหมือนว่าซูหว่านจะถูกข่าวสารที่ได้รับรู้มาจากเซียวจิ่งมั่วทำให้ตะลึงไปซะแล้ว ชั่วครู่ใหญ่ๆ สีหน้าของซูหว่านจึงค่อยๆ ดีขึ้น สติสตังเริ่มกลับคืนมา

 

 

“จิ่งมั่ว นี่…นี่เป็นเรื่องจริงทั้งหมดเลยใช่ไหม”

 

 

ซูหว่านลอบกัดริมฝีปากล่างเบาๆ สีหนาตกตะลึงในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นโกรธเคือง “ฉันจะไปถามเขาให้รู้เรื่อง!”

 

 

“ผมจะไปกับคุณเอง”

 

 

เมื่อซูหว่านและเซียวจิ่งมั่วมาถึงห้องพักผู้ป่วยพิเศษที่ซูรุ่ยพักรักษาตัวอยู่ คุณป้าพยาบาลที่ได้รับความตกใจได้จากไปแล้ว และซูรุ่ยก็กำลังนั่งปล่อยไอเย็นใส่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของเขาอยู่ ได้ยินเสียงเปิดประตูและเห็นซูหว่านเดินเข้ามา สีหน้าของซูรุ่ยก็ระรื่นขึ้นมาทันควัน แต่พอเห็นว่ามีร่างของเซียวจิ่งมั่วเดินตามเข้ามาด้วย ดวงตาของซูรุ่ยก็หรี่ลงทันที “ลมอะไรหอบท่านประธานเซียวมาถึงที่นี่ได้ละครับ”

 

 

น้ำเสียงแสดงความเย็นชาอย่างปิดไม่มิด

 

 

“เหอะ”

 

 

เซียวจิ่งมั่วตอบเขาด้วยเสียงเหอะในลำคอ “ฟังจื่อมู่ ถึงขนาดนี้แล้วคุณยังจะเสแสร้งต่อได้อีกเหรอ สิ่งที่คุณทำทั้งหมดผมกับเสี่ยวหว่านเรารู้เรื่องกันหมดแล้ว”

 

 

เสี่ยวหว่าน…

 

 

นี่ถึงกับเรียกกันอย่างสนิทสนมแบบนี้เชียวหรือ

 

 

ดวงตาของซูรุ่ยยังคงหรี่ลงต่ำอยู่เหมือนเดิม แต่ขนตายาวหนาของเขากลับช่วยบดบังสายตาสังหารที่แวบขึ้นมาชั่วครู่ไว้ได้

 

 

“พวกคุณไปรู้อะไรกันมา”

 

 

ซูรุ่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ มองตรงไปทางร่างของซูหว่าน

 

 

“ฟังจื่อมู่”

 

 

ตอนนี้สีหน้าของซูหว่านย่ำแย่มาก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาก็สั่นเครือ

 

 

โอเค นี่คือบทนางเอกตัวแม่องค์ลงแล้วสินะ บทบาทการแสดงของซูหว่านแบบนี้เขาไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่เลย ออกจะคุ้นเคยไปเสียด้วยซ้ำ

 

 

“เสี่ยวหว่าน เขาพูดว่าอะไรผมไม่ดีต่อหน้าคุณใช่ไหม”

 

 

และในเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ซูรุ่ยก็เริ่มเข้าสู่บทบาทการแสดงโดยอัตโนมัติ ส่วนชื่อเรียกเสี่ยวหว่านนี้ ซูรุ่ยบอกตัวเองในใจ ต่อจากนี้ไปชื่อนี้มีไว้สำหรับเขาคนเดียวเท่านั้นที่เรียกได้ ส่วนคนอื่นๆ ถ้าใครกล้ามาเรียกละก็เขาจะฆ่ามันให้หมดไม่มีเหลือเลย

 

 

และแน่นอน ผู้ทำภารกิจไม่สามารถฆ่าตัวเอกได้ แต่ถ้าทำให้ไปนอนเล่นเป็นผักเป็นปลาอะไรแบบนี้ ก็สามารถทำได้นี่ แล้วเขาก็ถนัดงานพวกนี้มากซะด้วยสิ…