EP.56****อดีตกลายเป็นหมอกควัน
คืนนี้ ฉู่เหยาอยู่เฝ้าที่ห้องโถงพิธีศพของฉู่เฟิงตลอดทั้งคืน ร่ำไห้ไม่หยุด
หวังหยิ่ง หลัวไค และบรรดาศิษย์คนอื่นเตรียมโลงศพไว้แล้วเรียบร้อย เพื่อเตรียมทำพิธีฝัง
ดวงตาของฉู่เหยาบวมแดง หลินมู่อวี่มองด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจนางอย่างไร ดูเหมือนฉู่เหยาเองก็ไม่ได้ต้องการคำปลอบใจจากผู้ใดด้วยเช่นกัน
เมื่อแสงแรกแห่งวันสาดส่องเข้ามาในห้องโถงพิธีศพ ฉู่เหยาก็ชักมีดสั้นที่เหน็บไว้ที่เอวออกมา อ้าปากกัดไปที่ผมยาวของนางช่อหนึ่ง แล้วใช้มีดสั้นหั่นฉับ ผมยาวช่อนั้นก็ร่วงลงพื้นทันที
“พี่ฉู่เหยา ท่านทำอะไรน่ะ” หลินมู่อวี่ถามอย่างตกตะลึง
ฉู่เหยาไม่พูดไม่จา น้ำตาพรั่งพรูไม่ขาดสาย ดวงตาคู่งามมองไปยังหลินมู่อวี่ แต่นางก็มิได้หยุดมือ ยังคงหั่นผมยาวต่อไป จนกระทั่งเหลือเพียงผมสั้นกุด นางน้ำตานองหน้ามองไปยังหลินมู่อวี่
“อาอวี่ ท่านปู่จากไปแล้ว ในที่สุดข้าก็รู้แล้วว่าควรจะเข้มแข็งอย่างไร”
หลินมู่อวี่รู้สึกทุกอย่างมันกะทันหันไปหมด
ตลอดช่วงเช้า ฉู่เฟิงถูกนำไปฝังที่ชายป่าสัตตะดารา คนที่เพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆ ก็ต้องมาจากไปเช่นนี้
ช่วงบ่าย หลังจากส่งฉู่เหยากลับสมาพันธ์โอสถแล้ว หลินมู่อวี่ก็มุ่งหน้าไปยังหอประมูลไป่จ้านถามหาเหลยไป่จ้านทันที
เหลยไป่จ้านยังไม่รู้ข่าวเรื่องฉู่เฟิงถูกสังหาร หลังจากเห็นหน้าหลินมู่อวี่ก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างยิ่ง พูดพลางหัวเราะเฮฮา “จอมยุทธ์หลิน ท่านต้องคาดไม่ถึงแน่ ว่าโอสถฝันคืนสู่สูงสุดสองขวด ขายได้เงินขวดละสี่พันสี่ร้อยกับสี่พันเจ็ดร้อยเหรียญทอง ทำเงินได้ดีเหลือเกิน! มามามา รีบตามข้าไปคิดเงินที่หลังร้านกันเถอะ!”
“เถ้าแก่เหลย”
เสียงพูดของหลินมู่อวี่สงบยิ่ง “ข้าต้องการคนคนหนึ่งจากท่าน”
“หืม ใครหรือ”
“คนของท่านที่รอบรู้ข่าวสารในเมืองหยินซานมากที่สุดคือใครหรือ”
“เรื่องนี้…” เหลยไป่จ้านเอ่ยอย่างครุ่นคิด “คนที่รอบรู้ข่าวสาร ไหวพริบดีที่สุด…อืม น่าจะเป็นเจ้าเด็กซือถูฮ่าว ว่าแต่ ท่านต้องการคนแบบนี้ไปทำอะไรงั้นหรือ”
“เรียกมาให้ข้าก็พอ”
“อืม ได้!” สำหรับเหลยไป่จ้าน หลินมู่อวี่เป็นดั่งต้นไม้เงินต้นไม้ทอง แน่นอนว่าทำตามคำขอเขาได้ทุกเรื่อง
หลังจากนั้นไม่นาน เด็กหนุ่มอายุราวยี่สิบปีคนหนึ่งก็ปรากฏตัวที่โถงด้านหลังหอประมูล นั่นคือซือถูฮ่าวที่เหลยไป่จ้านพูดถึง ใบหน้าเขายิ้มแย้ม “จอมยุทธ์หลิน มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ”
“ตามข้ามาก็พอ”
“ขอรับ!”
เมื่อออกจากหอประมูลไป่จ้าน หลินมู่อวี่ก็หันไปมอบเงินยี่สิบเหรียญทองให้เขา แล้วถามว่า “หนิงเต้าหรงผู้นี้ เจ้าน่าจะรู้จักดีใช่ไหม”
“ท่านแม่ทัพหนิงน่ะเหรอ!” ซือถูฮ่าวหัวเราะใหญ่ “รู้จักดีแน่นอนขอรับ นอกจากท่านเจ้าเมืองแล้ว แม่ทัพหนิงเป็นผู้ที่มีอำนาจทางทหารมากที่สุดในเมืองหยินซานแห่งนี้ เขามีทหารของจักรวรรดิอยู่ในมือถึงสองพันนายเชียวนะ!”
“ปกติหนิงเต้าหรงชอบทำอะไร”
“ชอบทำอะไรน่ะเหรอ เป็นแม่ทัพ จะมีอะไรมากไปกว่าการร่ำสุรา…เที่ยวหอคณิกาเล่า จริงสิ ที่หอบุปผาเบ่งบานทางฝั่งตะวันตกของเมือง แม่ทัพหนิงมีความสัมพันธ์ความหญิงคณิกาที่นั่นนามว่าหร่วนหรูอวี้ นางเป็นหนึ่งในหญิงคณิกาชื่อดังประจำเมือง ยามท่านแม่ทัพหนิงว่างจากราชการ ก็จะไปค้างที่ห้องของหร่วนหรูอวี้ผู้นี้”
“ห้องของหร่วนหรูอวี้อยู่ที่ใด”
“ชั้นบนสุดของหอบุปผาเบ่งบาน บนนั้นมีเพียงห้องเดียว นั่นก็คือห้องของหร่วนหรูอวี้”
“อืม”
หลินมู่อวี่ตบบ่าเขา “ซือถูฮ่าว ขอบใจมาก นี่เงินอีกสามสิบเหรียญทอง บางทีข้าอาจจะให้เจ้าช่วยข้าต่ออีกสักหน่อย วางใจได้ ทำงานให้ข้า ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าแน่”
ซือถูฮ่าวเบิกตาโต พยักหน้ารับไม่หยุด “ขอรับ ขอรับ จอมยุทธ์หลินใจกว้าง โปรดวางใจข้าน้อยได้ขอรับ!”
“ดี งั้นเจ้าหามือดีสักสองสามคน ไปคุ้มครองแม่นางฉู่เหยาคนของสมาพันธ์โอสถ ได้หรือไม่”
“ถ้าเป็นทหารรับจ้างก็พอได้ ความแข็งแกร่งที่ขอบเขตปฐพีชั้นที่หนึ่งระดับสูงกว่าสามสิบนั้น ข้าหาให้ท่านได้สองคน ค่าจ้างวันละยี่สิบเหรียญทอง ได้หรือไม่ขอรับ”
“ตกลง หามาหลายคนหน่อย ให้พวกเขาเฝ้าดูอยู่นอกลานบ้านห่างๆ อย่าให้ใครมาทำร้ายฉู่เหยาก็พอ”
“ขอรับ!”
หอบุปผาเบ่งบาน ช่วงกลางดึก แสงไฟค่อยๆ สลัวลง ภายในห้องแต่ละห้องนั้นมีเสียงของความหฤหรรษ์ดังลอดออกมา ในขณะที่พวกเขากำลังเริงรมย์กันอยู่นั้นเอง ก็มีเงาคนผู้หนึ่งลอยอยู่เหนือยอดหอนางโลม แล้วบินโฉบลงมาเหมือนใบไม้ที่ค่อยๆ ร่วงหล่นลงบนชั้นบนสุดของหอบุปผาเบ่งบาน หลินมู่อวี่กอดกระบี่เหล็กไว้ หลับตาทั้งสองข้าง แล้วเขาก็สามารถได้ยินเสียงหอบกระเส่าของหร่วนหรูอี้ที่อยู่ในห้อง กับเสียงหายใจที่หนักหน่วงของหนิงเต้าหรง
คนที่เพิ่งโดนธนูได้รับบาดเจ็บ ไฉนถึงยังมีแรงมาเชยชมดอกไม้มีความสุขอยู่ที่นี่กันนะ
ทันใดนั้นความคิดของหลินมู่อวี่ก็ได้รับการยืนยัน เขากระโดดเบาๆ ปีนป่ายหน้าต่างเข้าไปด้านในหอนางโลมอย่างเงียบกริบ ฝีเท้าของเขานั้นแผ่วเบายิ่ง นี่ล่ะคือความล้ำลึกของฝีเท้าดาวตก
เมื่อมองจากที่ไกลๆ ด้านนอกประตูมีทหารยืนรักษาการณ์อยู่สี่นาย แสงสว่างของดวงดาวสะท้อนเงาร่างของพวกเขาอยู่นอกหน้าต่าง ส่วนหนิงเต้าหรงนั้นกำลังมีความสุขดื่มด่ำอยู่บนเรือนร่างของหญิงสาว หร่วนหรูอี้ส่งเสียงหอบครางไม่หยุด เริงรักกันสนุกสนาน ที่ด้านข้าง ทวนสามแฉกของหนิงเต้าหรงเล่มนั้นวางอยู่ ในฐานะที่เป็นนักรบ ย่อมไม่ให้อาวุธอยู่ห่างกาย
หลินมู่อวี่เดินเข้าไปอย่างช้าๆ ดึงกระบี่ออกมา เสียงกระบี่ที่เสียดสีกับฝักนั้นเบามาก แต่ก็ยังคงถูกหนิงเต้าหรงได้ยินเข้าจนได้ เขารีบพลิกตัวกลับทันที คำรามเสียงต่ำ “นั่นใคร”
“ข้าเอง” หลินมู่อวี่ตอบเสียงเรียบ
หร่วนหรูอวี้กรีดร้อง หลินมู่อวี่โถมตัวฟันกระบี่ออกไปหนึ่งครั้ง ฝีเท้าดาวตกบวกกับความเร็วของพิฆาตอสนีบาตนั้นรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง หนิงเต้าหรงไม่ทันตั้งรับก็ถูกโจมตีเข้าให้ แขนขวาของเขาถูกฟันขาดกลาง เลือดสาดกระเซ็น จนมองเห็นถึงกระดูกสีขาว แต่เขาเป็นชายชาติทหาร จึงเพียงคำรามเสียงต่ำออกมา
“หลินมู่อวี่ เจ้าบ้าไปแล้ว เหตุใดถึงมาลอบทำร้ายข้า!”
หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงเรียบ “อาจารย์ของข้าฉู่เฟิง ถูกเจ้าใช้ทวนเล่มนี้แทงเข้าที่หัวใจใช่หรือไม่ เสียดายที่เจ้าไม่ได้ทำบาดแผลเหวอะหวะไว้ แกล้งทำเป็นถูกลูกธนูปักที่หน้าอกไม่กี่แผล แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคราบเลือดของศพอื่นๆ นั้นแห้งไปเกือบวันแล้ว ลูกธนูของเจ้าก็ยังไม่ถอนออกมา จะว่าไป เจ้านี่ก็ช่างโง่เง่าเสียจริง! อีกอย่าง เจ้าลองก้มลงมองที่หน้าอกของตัวเองสิ ไหนล่ะบาดแผล ไอ้เดรัจฉาน เจ้าฆ่าท่านปู่ฉู่เฟิงของข้า แล้วคิดว่าจะปิดบังได้อย่างนั้นหรือ วันนี้ข้าจะให้เจ้าล้างหนี้ด้วยเลือด!”
หนิงเต้าหรงแผดเสียงด้วยความโมโห “ข้าเป็นแม่ทัพรักษาการณ์แห่งเมืองหยินซาน เจ้ากล้าฆ่าข้างั้นหรือ ทหาร ฆ่าผู้ร้ายคนนี้ซะ!”
ด้านนอกประตู ทหารเปิดประตูกรูกันเข้ามา
แต่หลินมู่อวี่นั้นเร็วกว่า ทันทีที่เขาแบมือซ้ายออก วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวก็ปรากฏออกมา เถาวัลย์ของน้ำเต้าทะลุขึ้นมาจากพื้นแล้วพันรอบตัวทหารยามทั้งสี่นาย ขณะเดียวกันมีดเสียงปีศาจก็ปรากฏออกมาพร้อมเสียงดัง “ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ” เสียบทะลุสังหารทหารยามทั้งสี่ ไม่มีใครรอดชีวิตแม้สักคน
หนิงเต้าหรงตกตะลึงหน้าซีดเผือด ทหารยามเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตมนุษย์ชั้นที่สอง คิดไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าเด็กนี่ฆ่าตายในพริบตา ระดับพลังของเจ้าเด็กนี่มันน่ากลัวแค่ไหนกันแน่นะ
แต่หนิงเต้าหรงเป็นถึงปรมาจารย์สงครามระดับสี่สิบสี่ เขาฮึดตัวเองให้ลุกขึ้น ใช้แขนซ้ายที่โชกไปด้วยเลือดคว้าทวนยาว คำรามเรียกวิญญาณยุทธ์ให้ปรากฏขึ้นมา รูปร่างเหมือนเสือที่ดุร้าย เปลวไฟลุกขึ้นที่ปลายทวนเล่มยาว เขาคำรามอย่างเหี้ยมหาญแล้วเคลื่อนพลังทั้งหมดเข้าโจมตี ทวนยาวราวกับงูไฟที่พุ่งกระโจนออกไปหวังจะเขมือบคู่ต่อสู้
หลินมู่อวี่เห็นได้ชัดว่าสงบเยือกเย็นยิ่งกว่า เขาเคลื่อนที่ดังใจปรารถนา ทันใดนั้นวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวก็ก่อตัวขึ้นอยู่บริเวณหน้าอก ตามด้วยเกราะป้องกันกระดองเต่าทมิฬสีแดงเพลิงอีกชั้นหนึ่ง เสียงดัง “ปัง” หนิงเต้าหรงถูกกระแทกจนถอยหลังกรูด ถึงแม้วิญญาณยุทธ์จะนำความเจ็บปวดจากแรงสะท้อนกลับที่รุนแรงมาให้ แต่หลินมู่อวี่ก็มองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วว่า หนิงเต้าหรงที่เสียแขนไปพละกำลังก็ถดถอยลงตามไปด้วย เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนอีกต่อไป
ฝีเท้าดาวตกพลันเคลื่อนที่ แล้วเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ทางด้านซ้ายของหนิงเต้าหรง สองมือยกกระบี่ สายลมสายฟ้าแปรเปลี่ยน พิฆาตอสนีบาตแสดงพลังอีกครั้ง ผ่าทำลายโล่ปราณที่หนิงเต้าหรงสร้างขึ้น กระบี่ฟันลงที่แขนข้างซ้ายของเขา ถึงขั้นตัดเนื้อชิ้นใหญ่หลุดออกมา จนเขาร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทรมาน หลินมู่อวี่คำรามเสียงต่ำ ปล่อยหมัดซ้ายออกไป ใช้พลังเต็มที่ทั้งสิบส่วน!
“เปรี้ยง!”
หมัดเสียงปีศาจแหวกอากาศโจมตี หนิงเต้าหรงหายใจติดขัด อวัยวะภายในแตกสลาย สิ้นใจตายคาที่
หร่วนหรูอวี้ที่ร่างเปลือยเปล่า มองดูศพของหนิงเต้าหรง ส่ายหน้าพัลวัน พูดกับหลินมู่อวี่ว่า “อย่าฆ่าข้า อย่าฆ่าข้า ข้าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น ท่านอย่าฆ่าข้า…”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าจะเปิดโปงข้าอย่างแน่นอน มา เจ้าดื่มสิ่งนี้ลงไปซะ”
“คือสิ่งใด”
ไม่รอให้หร่วนหรูอวี้พูดมากไปกว่านี้ หลินมู่อวี่กรอกฝันคืนสู่สูงสุดขวดหนึ่งเข้าปากนาง อย่างน้อยสิ่งนี้ก็ทำให้นางสลบไปสามวัน ถือว่าไว้ชีวิตนางไว้คนหนึ่ง
หลินมู่อวี่คว้าทวนสามแฉกของหนิงเต้าหรง แล้วกระโดดออกจากชั้นบนสุดของหอบุปผาเบ่งบาน มุ่งหน้าไปทางจวนเจ้าเมือง
เมื่อแสงแห่งอรุณรุ่งสาดส่องเข้ามายังลานบ้านของที่พัก มีทหารรับจ้างสองสามนายยืนเฝ้าอยู่นอกประตูจริงๆ ดูท่าเหรียญทองจะใช้ได้ผล หลินมู่อวี่รีบพุ่งตัวเข้าไปยังลานบ้าน ผลักประตูห้องของฉู่เหยาเข้าไป ก็พบว่าดวงตาของนางนั้นยังคงแดงเช่นเดิม ไม่ได้หลับนอน สติสัมปชัญญะของนางอ่อนแอลงจนถึงขีดสุด เอ่ยเสียงเบา
“อาอวี่ ทำไมเจ้า…”
“รีบไปเร็วเข้า!”
หลินมู่อวี่คว้าตัวนางพาออกนอกประตูห้อง
“เราจะไปไหนกัน”
“ร้านโอสถไป่หลิง!”
“ไปทำไม”
“ไปบอกให้บรรดาศิษย์ทั้งหลายออกจากเมือง ที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“ท่านปู่ถูกหนิงเต้าหรงสังหาร”
“อะไรนะ” ฉู่เหยาตกใจทันที “ปะ…เป็นไปได้อย่างไร หนิงเต้าหรงเป็นแม่ทัพปกป้องเมือง จะฆ่าท่านปู่ได้อย่างไร เขา…เขาจะทำเช่นนั้นไปทำไม”
หลินมู่อวี่ตอบด้วยเสียงเรียบสงบ “เพราเจ้าเมืองฮว๋าเทียนต้องการตำราเทพโอสถ ดังนั้นจึงฆ่าท่านปู่ หนิงเต้าหรงคืนก่อนร่างกายยังบาดเจ็บหนัก แต่ที่หน้าอกกลับไม่มีร่องรอยแผลเป็นใดๆ อีกอย่างบาดแผลที่ทำให้ท่านปู่ถึงแก่ชีวิตมีลักษณะเป็นสามแฉก ซึ่งก็คือทวนเหล็กเล่มนี้ในมือข้าที่สังหารท่านปู่ และทวนสามแฉกเล่มนี้ก็คืออาวุธประจำกายของหนิงเต้าหรง”
ฉู่เหยาเป็นหญิงฉลาด เข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ในทันที นางกัดฟันกรอด “ข้าจะฆ่าหนิงเต้าหรง!”
“เขาถูกข้าสังหารแล้ว รีบไปกันเถอะ”
เมื่อเดินทางไปถึงร้านโอสถไป่หลิง กลับพบว่าที่นี่เกิดความอลหม่าน เนื่องจากเพลิงไหม้!
หลินมู่อวี่รีบเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวออกมา แล้วพุ่งเข้าไปในทะเลเพลิง กลับต้องพบว่าบนพื้นนั้นเกลื่อนไปด้วยร่างไร้วิญญาณของหวังหยิ่ง จ้าวซิน หลัวไค และคนอื่นๆ นอนจมกองเลือดอยู่ ที่นี่มีการเข่นฆ่ากันขึ้น!
เกิดอาการจุกแน่นขึ้นภายในใจ หลินมู่อวี่ต่อยเข้าที่กำแพง ตำหนิตัวเอง เหตุใดตนเองถึงคิดไม่ถึงว่าฮว๋าเทียนจะลงมือกับร้านโอสถไป่หลิง ที่พวกนั้นส่งเซียงเซียงมาสืบเรื่องตำราเทพโอสถว่าอยู่ที่ไหน ก็แสดงว่าพวกเขาหาตำราเทพโอสถบนตัวฉู่เฟิงไม่พบ แน่นอนว่าต้องมาค้นที่ร้านโอสถไป่หลิง และสั่งให้ฆ่าคนปิดปาก
“ศิษย์พี่หวังหยิ่ง…”
“ศิษย์น้องหลัวไค…”
ฉู่เหยามองร่างที่ไร้วิญญาณบนพื้น น้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย
แต่ทว่าในตอนนี้เอง เสียงฝีเท้าม้าดังขึ้นที่ด้านนอก และยังมีคนตะโกนออกมาว่า “หลินมู่อวี่สังหารท่านแม่ทัพหนิง เป็นนักโทษหลบหนีของจักรวรรดิ อย่าให้มันหนีไปได้ หลินมู่อวี่กับฉู่เหยา ปล่อยให้หนีไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว!”