บทที่ 69 ความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของฉูจงฉวน

ไหปีศาจ

บทที่ 69

ความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของฉูจงฉวน

ชั้นที่นั่งชวนเทียนนั้นมีพื้นที่ขนาดใหญ่และมีสภาพแวดล้อมที่หรูหรา

มีหินประดับสวยงามกระจัดกระจายอยู่ในบ่อน้ำอันใสสะอาด มีเสียงเพลงบรรเลงสบายหูและแสงสาดส่องลงมาอ่อน ๆ พร้อมกับกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้

บนโต๊ะมีน้ำชาหลิงหยุนชั้นดีเตรียมไว้พร้อม อีกทั้งยังมีหญิงสาวหน้าตาดีสองคนนั่งรออยู่ข้าง ๆ

“ท่านลั่ว ท่านฉู” หญิงสาวทั้งสองคนคำนับ

ลั่วอู๋โบกมือของเขา “พวกเจ้าไม่ต้องอยู่ ออกไปได้แล้ว”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้สองคนเดินออกจากส่วนที่นั่งไป

ฉูจงฉวนพูดด้วยความเสียใจ “น่าเสียดายชะมัด หญิงสาวสองคนนั้นได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษจากคฤหาสน์ชวนเทียน เพื่อมาดูแลแขกเลยนะ”

ลั่วอู๋เงยหน้าขึ้นและไม่ตอบ

หลี่หยินมองฉูจงฉวนอย่างระมัดระวัง นางพยายามตื่นตัวอยู่ตลอด ในอนาคตนางคิดว่าควรจับตามองบุคคลคนนี้ไว้ให้ดี เพื่อให้เขาไม่สามารถปองร้ายนายน้อยของนางได้

ฉูจงฉวนรินชาหลิงหยุนลงในแก้วของตัวเอง เขาดื่มชา สูดกลิ่นของมันแล้วจึงกล่าวว่า “ชาหลิงหยุนชั้นดีนี่สมแก่ชื่อเสียงของมันจริง ๆ ว่ากันว่าชาหลิงหยุนหนึ่งหม้อนั้นมีราคากว่า 30000 หินวิญญาณ การที่ได้ดื่มชา หลิงหยุนระดับนี้ได้พวกเรานี่ช่างโชคดีจริง ๆ “

“ใช่ มันคุ้มค่า” ลั่วอู๋กะพริบตา “ถ้าเจ้าไม่รีบดื่มต่อ ข้าจะเก็บมันกลับไป”

“ …… ” ฉูจงฉวนรีบกลืนชาลงคอจนหมดแก้วอย่างรวดเร็ว เขากลัวว่าลั่วอู๋จะเก็บชากลับไป เป็นผลให้เขาเกือบจะเผาลิ้นของเขาเอง

ลั่วอู๋หัวเราะแล้วยิ้ม “พูดเล่นน่า เจ้าค่อย ๆ ดื่มมันไปก็ได้”

ฉูจงฉวนมองเขาด้วยสายตาขมขื่น

“ข้าไม่คาดคิดเลยนะเนี่ยว่าเจ้าจะได้รับสิทธิ์ให้เข้ามาที่ส่วนที่นั่งชวนเทียน เจ้าไปทำอะไรมาล่ะเนี่ย? ท่านหวังฉีถึงให้ค่าเจ้ามากขนาดนี้” ฉูจงฉวน ค่อนข้างงุนงง

ลั่วอู๋ตอบ “ข้าช่วยงานท่านหวังฉีไว้มาก ดังนั้นเพื่อขอบคุณข้าเขาก็เลยเตรียมที่ตรงนี้ไว้ให้สำหรับข้า”

“โอ้ อย่างนี้นี่เอง” ฉูจงฉวนอดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “มันช่วยให้สบายใจได้จริง ๆ เจ้าได้เห็นใบหน้าของหลี่ชวนเฉิงและสองพี่น้องตระกูลมู่ไหมพวกเขาทุกคนต่างก็โกรธจนหน้าเขียว ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าสามารถพูดถึงมันเพื่อเยาะเย้ยเจ้ามู่เฉิงได้ตลอดชีวิตของข้าเลยนะรู้ไหม? “

ลั่วอู๋พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันระหว่างรอการประมูลเริ่ม

ฉูจงฉวนเรียกสัตว์วิญญาณของเขาออกมา นั่นคือภูตไฟ เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจุ่มใบชาหลิงหยุนและส่งให้ภูตไฟ

“ชานี้ สามารถให้สัตว์วิญญาณดื่มได้ด้วยเช่นกัน” ฉูจงฉวนอธิบาย

ลั่วอู๋เคยได้เห็นภูตไฟมาก่อนแล้วในอดีต แต่ภูตไฟของ ฉูจงฉวนนั้นแตกต่างจากภูตไฟทั่วไป

ภูตไฟปกติควรมีขนาดเท่ากำปั้นและมีแสงสีน้ำเงินหรือสีแดง

แต่ภูตไฟของฉูจงฉวนมีขนาดใหญ่เท่าหัวตั้งแต่ในสภาพที่ยังไม่ปลดปล่อยพลัง และสีของมันเป็นสีเขียวขจีและแม้จะมีเงาของร่างมนุษย์อยู่ตรงกลางไฟก็ตาม

ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจจึงถามไปว่า “ภูตไฟของเจ้ามัน … “

“มันแปลกใช่ไหม” ฉูจงฉวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม”เดิมทีแล้วข้าสนใจแต่สัตว์วิญญาณรูปมนุษย์และพลังวิญญาณ ตั้งแต่ข้ายังเป็นเด็กแล้ว และข้าก็ได้กำหนดเป้าหมายไว้ว่า ข้าจะต้องค้นพบดินแดนโบราณในตำนานของเซียนเพื่อตามหาภูตในตำนาน – เชียนจี ที่แสนงดงามให้จงได้”

เชียนจี ภูตระดับจักรพรรดิในตำนาน

ว่ากันว่าภูตชนิดนี้มีพลังมหาศาลเทียบเคียงกับพระเจ้า และร่างกายคล้ายคลึงกับมนุษย์มีรูปลักษณ์ที่มีรูปร่างอันงดงามไปทั้งทรวดทรงเรือนร่าง

มันเป็นสัตว์วิญญาณในตำนานที่สวยที่สุด

ใบหน้าของฉูจงฉวน เต็มไปด้วยความปรารถนา

มุมปากของลั่วอู๋กระตุก ความทะเยอทะยานของเขามันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

“และในตอนที่ข้ากำลังตามหาสัตว์วิญญาณตัวแรกของข้า ข้าก็ตกลงไปในหลุมศพลึกลับและได้พบกับเจ้าตัวน้อยคนนี้”

ภูตไฟลอยมาอยู่บนร่างของฉูจงฉวน

“นางเป็นภูตแห่งไฟ แต่กลับแตกต่างจากภูตไฟปกติ ที่มักจะเกิดในสถานที่อันตรายเช่นในภูเขาไฟลาวา หรือแม้แต่กองไฟเผาศพ”

ลั่วอู๋ รู้สึกตกใจเล็กน้อย

เขารู้สึกว่าโลกนี่ช่างกว้างใหญ่

ภูตไฟที่เกิดมาจากความว่างเปล่า มันสามารถเกิดขึ้นมาได้โดยปราศจากวิญญาณ

“นางเกิดมาพร้อมกับทักษะของไฟและความมืด ดังนั้นมันจึงทรงพลังเป็นพิเศษ แต่มันก็เหงามากที่ต้องอยู่ในหลุมฝังศพที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่น”

“ข้าเลยพานางออกมาแล้วทำพันธสัญญากับนาง เป็นเพราะนางแท้ ๆ ประสิทธิภาพการต่อสู้ของข้าเลยแข็งแกร่งขึ้นมาก จนข้าสามารถเผชิญหน้ากับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเดียวกันที่มีสัตว์วิญญาณสองตัวได้อย่างสบาย ๆ”

ลั่วอู๋ถามว่า “แล้วทำไมเจ้าไม่รีบหาสัตว์วิญญาณตัวที่สองซะทีล่ะ? อีกไม่นานเจ้าก็จะไปถึงระดับทองแล้วไม่ใช่เหรอ”

ต่อการเลื่อนยกระดับวิญญาณ1 ครั้งจะสามารถทำ พันธสัญญากับสัตว์วิญญาณได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น

หากเขาได้รับการเลื่อนยกระดับสู่ระดับทอง เขาจะมีสัตว์วิญญาณน้อยกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน 1 ตัว

“ใช่ ตอนนี้ข้าเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 9” ฉูจงฉวนพยักหน้า “ข้ารู้สึกว่าข้ายังเจอผู้คนมาน้อยเกินกว่าที่ข้าจะเลือกสัตว์วิญญาณตัวที่ 2 ได้ แม้ว่าข้าจะคิดไว้แล้วว่าสัตว์วิญญาณตัวที่สองอยากได้เป็นตัวอะไร แต่ข้ารู้สึกว่าข้ายังไม่แข็งแกร่งพอ ข้าหวังว่าข้าจะพบสัตว์วิญญาณตัวนั้นอีกครั้งเมื่อข้ามีความมั่นใจมากพอ.”

ลั่วอู๋เข้าใจได้ทันที

อย่างนี้นี่เอง

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก เพื่อให้ได้สัตว์วิญญาณที่ดีที่สุด เขาคิดจะเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้มากที่สุด จากนั้นค่อยทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณ

ในการทำพันธสัญญาแก่นวิญญาณจะต้องตรงกับพื้นเพของสัตว์วิญญาณ

ต่อให้อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับสัตว์วิญญาณก็อาจมีแก่นวิญญาณที่แตกต่างกันกับพื้นเพของสัตว์วิญญาณ

เช่นเดียวกับระดับสัตว์วิญญาณทองแดงของแร้งทรายยืนอยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหารในขณะที่กระต่ายนั้นเป็นอาหารของสัตว์อื่นๆ

เนื่องจากสัตว์วิญญาณตัวแรกมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ ฉูจงฉวนจึงไม่จำเป็นที่จะต้องหาสัตว์วิญญาณตัวที่สองให้ตรงกับรูปร่างที่เขาต้องการก็ได้

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาการประมูลสินค้าก็ได้เริ่มขึ้น

การประมูลสินค้าครั้งนี้มีความสำคัญมากกว่าที่เคย ทุกคนที่เข้าร่วมงานประมูลต่างก็เป็นบุคคลสำคัญ

แน่นอนว่าประธานในการประมูลครั้งนี้ก็คือ หลงเลินชาน ประธานคฤหาสน์ชวนเทียน เขตหนานจุน

“ท่านประธาน ยอมออกมาเป็นประธานในการประมูลด้วยตัวเอง”

“หายากนะเนี่ย”

“ครั้งที่แล้วก็เมื่อสามสิบปีก่อน ที่ประธานในการประมูลคือเขา”

ผู้คนกำลังพูดถึงมัน

เห็นได้ชัดว่าอิทธิพลของประธาน หลงเลินชานก็ยังคงเพียงพอสำหรับงานนี้

หลงเลินชานเดินออกมาพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยนมองดูฝูงชน “ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์ชวนเทียนและขอต้อนรับเข้าสู่การประมูลสินค้าที่จัดขึ้นโดยชายชราคนนี้”

“จะไม่มีเรื่องซุบซิบอีกต่อไป เพราะมันถึงเวลาเริ่มงานแล้ว”

ประธานหลงเลินชานนั้นไม่ชอบบรรยากาศการประมูลแบบทั่ว ๆ ไป ที่อ้อมค้อมกับฝูงชนจนดูสุภาพเกินไป เขาชอบแนวทางที่ตรงไปตรงมา

เพราะเขารู้ว่าผู้เข้าร่วมประมูลระดับสูงเหล่านี้ ไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเท่าไหร่และพวกเขาก็น่าเบื่อ

รายการแรกสำหรับการประมูลคือ เกราะมังกรเงิน มีเปล่งออร่าแสงสีเงินจาง ๆ และรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์แสดงบรรยากาศที่ดูน่าสลด

“เกราะมังกรของนายพลเซียนหนานเมื่อ 400 ปีก่อน อย่างที่เห็นมันยังแข็งแกร่งมาก มันเคยชโลมเลือดของศัตรูและทำให้ชนะสงครามมาได้ ซึ่งตอนนี้มันก็กำลังถูกประมูล ณ ที่แห่งนี้”

“ราคาเริ่มต้นคือ 200,000 หินวิญญาณ และการเพิ่มขึ้นแต่ละครั้งจะต้องไม่ต่ำกว่า 10,000 หินวิญญาณ”

นี่เป็นการประมูลสินค้าหายาก และของที่เปิดประมูลอย่างแรกนั้นก็มีค่ามาก

ซึ่งในฐานะที่เป็นสินค้าประมูลที่สำคัญที่สุด ภูตดอกไม้ถูกสงวนไว้เป็นสิ่งสุดท้าย แต่บางคนก็ไม่ได้มาเพื่อเห็นซื้อภูตดอกไม้

ทุกสิ่งทุกอย่างในงานประมูลล้วนเป็นสินค้าหายากและเป็นสมบัติล้ำค่า

ดังนั้นแม้จะเป็นของที่เปิดประมูลเป็นอย่างแรก บางคนก็เริ่มที่จะเสนอราคาอย่างดุเดือด