หมื่นสวรรค์สิ้นโลกา Online Ep.368 – แอนนากับเทพแห่งความตาย(4)

 

หมาดำนิ่งงันไปนาน ก่อนจะพยายามสงบจิตสงบใจลง

 

มันย้อนนึกไปถึงฉากที่ได้พบเจอกับหญิงตรงหน้าในตอนแรก

 

นางผู้นี้กำลังเมาอยู่

 

และเห็นได้ชัดว่าการที่เธอสามารถปลุกเขาขึ้นมาได้ มันเป็นเพียงอุบัติเหตุ

 

หมาดำแหงนหน้ามองขึ้นไปบนหอคอย

 

ทั้งร่างของมันเลอะไปด้วยไวน์และอ้วก จนตัวเองโกรธเกรี้ยวและเผลอละเมิดสัญญาไป

 

การออกจากหอคอยของเทพแห่งความตายที่กำลังหลับไหล นั่นหมายถึงการที่ตัวมันได้ย่างกรายเข้าสู่โลกของคนเป็น

 

แต่หญิงสาวคนนี้กลับดันกลายเป็นทายาทของตระกูลเมดิซี ซึ่งเป็นสายเลือดที่มิอาจตัดขาดกับตนเองได้

 

ดังนั้นการสังหารฝ่ายตรงข้ามลงเพียงเพราะความโกรธจากการกระทำไม่ยั้งคิด มันคงจะเป็นการทำลายมิตรภาพและน่าเจ็บปวดจนเกินไป

 

หากต้องตัดตัวเลือกในการสังหารไป ก็เหลือแค่เพียงตัวเลือกที่ว่ามันจะต้องทำตามความปรารถนาของอีกฝ่ายให้บรรลุเสียก่อน จึงจะสามารถจากไปได้

 

ถ้าอย่างงั้นก็รีบทำทุกอย่างให้มันจบๆไปเลยก็แล้วกัน

 

ขณะที่หมาดำกำลังขบคิด มันก็มองไปยังหญิงสาวอีกครั้ง

 

แต่มันกลับพบว่าหญิงสาวยังคงหันไปมองรอบๆ ชัดเจนว่ากำลังหารูโหว่ที่หมาใช้มุดเข้ามาอยู่

 

แถมดวงตาของเธอยังสลึมสลือ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแทบอยากจะนอนอยู่เต็มแก่แล้ว

 

นังโง่ขี้เมานี่!

 

หมาดำไม่อาจควบคุมตนเองได้อีกต่อไปแล้ว

 

มันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “หญิงแห่งตระกูลเมดิซีเอ๋ย เจ้าไม่สมควรทำกริยาเช่นนี้ รู้หรือไม่ว่าเราเป็นถึงผู้รับใช้ของเทพแห่งความตาย เป็นร่างอวตารของเทพสุนัข!”

 

พอได้ฟัง ทั้งคนทั้งร่างของแอนนาสั่นไหว

 

เธอมองไปยังหมาดำ

 

และหมาดำก็กำลังจ้องมองมาที่เธอ

 

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจ้องมองกันอย่างเงียบๆ

 

ทันใดนั้นเอง

 

“อ๊อก … ”

 

แอนนาก็อ้วกออกมาอีกครั้ง

 

หมาดำกางอุ้งมือตนเองออก และยกขึ้นมาปัดเศษอ้วกบนหน้าของมันอีกรอบ

 

ไม่มีทางที่จะสื่อสารกันแบบรู้เรื่องได้เลย …

 

อันที่จริง ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงนี้ เหตุใดทางโลกจึงส่งนางลำยองเช่นนี้มากัน?

 

หรือว่าตระกูลเมดิซีจะไม่เหลือใครแล้ว?

 

ราวกับได้ยินถึงความคิดของมัน แอนนาก็ได้เอ่ยออกมา “เจ้าหมาน้อยอย่ามาโกหกกัดีกว่าน่า ลองแหงนหน้าดูรูปปั้นเทพสุนัขข้างบนสิ ดูมีมนต์ขลังจะตายเห็นไหม? เพราะงั้นไม่มีทางที่ร่างอวตารของท่านเทพสุนัขจะมีลักษณะเหมือนกับหมาชนบทแบบนี้หรอก”

 

หมาดำเกือบจะเป็นลม

 

พอเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเกียรติของตน มันก็อ้าปากประท้วงขึ้นมา “จงเบิ่งตาของเจ้าดูให้ดีๆอีกครั้ง! เราดูเหมือนสุนัขชนบทตรงไหนกัน!?”

 

มันลุกขึ้นยืนพร้อมกับเห่าจนตลอดทั้งวิหารเกิดการสั่นสะเทือน

 

แอนนาที่ง่วงนอนจนแทบจะหลับไหลพยายามที่จะลืมตาขึ้น และมองดูรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายอย่างชัดๆ

 

“เอ .. พอดูดีๆแล้วมันไม่เหมือนกันหมาชนบทเลย” เธอเอ่ยพึมพำ

 

หมาดำหมุนตัวไปรอบๆราวกับกำลังไล่กัดหางตัวเองให้อีกฝ่ายดู แล้วเอ่ยเตือนออกไป “ใช่ไหมล่ะ! เจ้าไม่คิดว่าเรามีลักษณะเหมือนหมาป่าหรอกหรือ?”

 

แอนนามองค้างไปที่อีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและกล่าว “อ่า .. ดูเหมือนหมาป่าจริงๆด้วย หมาป่าที่ถูกเลี้ยงเอาไว้ใช้ไล่ต้อนฝูงแกะ …”

 

หมาดำ “ … ”

 

มันหอนขึ้นในทันใด “ไม่ใช่หมาเลี้ยงแกะ! เราคือเทพสุนัข! นังผู้หญิงโง่นี่!”

 

ด้วยความโกรธ กลิ่นอายของความมืดก็เล็ดลอดออกมาจากตัวมัน

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายนี้ แอนนาก็รู้สึกตกใจ

 

เพราะเธอก็เป็นผู้ใช้เทคนิคเทียนซวนประเภทเรียกใช้ความมืดเหมือนกัน จึงมีความไวต่อกลิ่นอายชนิดนี้มากเป็นพิเศษ

 

นอกจากนี้ ถึงเธอจะเมา แต่ก็ไม่ใช่คนโง่

 

เมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายนี้ ดวงตาอันทรงเสน่ห์ทั้งสองข้างก็เบิกกว้างขึ้นในทันใด

 

กลิ่นอายความมืดนี้ถูกยับยั้งโดยเจ้าหมาดำเป็นอย่างดี มันจึงรั่วไหลออกมาเพียงแค่หนึ่งในพันเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเพียงกลิ่นอายเล็กน้อย แต่มันกลับทำให้ทั้งจิตวิญญาณของแอนนาสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

ความรู้สึกนี้ มันเหมือนกับว่าตนเองเป็นมด ขณะที่อีกฝ่ายเป็นสัตวร้ายในยุคก่อนประวัตศาสตร์ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน!

 

ยังจะมีสุนัขตัวใดกันในโลกใบนี้ที่พูดได้ แถมยังปลดปล่อยกลิ่นอายความมืดในระดับนี้ออกมาได้อีก!?

 

ดูเหมือนว่าตรงหน้าเธอ จะเป็นเทพสุนัขจริงๆ!

 

สติที่เลอะเลือนจากไวน์ของแอนนาเริ่มตื่นตัวกลับมาทันที

 

เธออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากที่ผุดขึ้นมา

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!

 

เห็นได้ชัดว่าเธอแค่กำลังดื่มอยู่ดีๆ ไหงถึงสามารถอัญเชิญเทพสุนัขแห่งความตายมาได้?

 

แถมดูเหมือนว่าอีกฝ่ายกำลังขุ่นเคืองอยู่อย่างชัดเจน

 

แย่ล่ะสิ คงต้องรีบกู้คืนสถานการณ์ทันทีแล้ว!

 

ในขณะนี้ สมองเล็กๆของแอนนาได้เรียกคืนสตินึกคิดกลับมาในระดับปกติ และเริ่มที่จะทำงานอย่างรวดเร็ว

 

แอนนานึกถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นในทุกขั้นตอน

 

แล้วก็ต้องขอบคุณสัญชาตญาณนักดื่มของเธอ ที่ทำให้แอนนาได้ค้นพบความจริงในข้อนี้

 

เทพสุนัขดูเหมือนจะรักในการดื่มสิ่งมึนเมาเป็นอย่างมาก!

 

แอนนารีบควานมือลงไปในกระเป๋าสะพายใบใหญ่ของเธอ

 

ภายในถูกยัดๆของหลายสิ่งเอาไว้จนยุ่งเหยิง แม้กระทั่งตัวแอนนาเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในทุกชิ้นเหมือนกัน

 

คราวนี้เธอนำเอาไวน์ยู่หลูติดตัวมาด้วยเพียงสองขวดเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือไปจากยู่หลูสองขวดในคราวนี้ ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เธอก็มักจะพกสุราอีกขวดติดตัวมาเสมอเป็นประจำอยู่แล้ว

 

‘ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรดเถอะ ขอให้ตัวฉันอย่าพึ่งเผลอดื่มไปจนหมดแล้วเลย เหลือให้ฉันซักขวดเถอะในครั้งนี้’

 

แอนนาเฝ้าอธิษฐานกับตัวเองในอดีต

 

และแล้วมือเธอก็สัมผัสเข้ากับวัสดุแข็งที่ทำจากแก้ว

 

แอนนาคว้าหมับและยกมันขึ้นมาดู

 

นี่มันเป็นขวดเหล้าที่มีขนาดเล็กมาก

 

ทั้งขวดมีขนาดเท่ากับหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น

 

แม้ว่าสุรานี้จะไม่อาจเทียบเท่าได้กับไวน์ยู่หลูทั้งในด้านจำนวนปีที่บ่มและฤทธิ์ของมัน แต่ก็ยังนับว่าเป็นของหายากด้วยรสชาติอันนุ่มนวลและมีความหมายของมัน

 

และเนื่องเพราะสุราขวดนี้เป็นสิ่งหายาก ดังนั้นขวดที่ใช้บรรจุมันถึงได้มีขนาดเล็กและประณีตแบบนี้

 

อาจกล่าวได้ว่าสุราขวดนี้ค่อนข้างเหมาะสมกับรสนิยมของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยเต็มใจที่จะดื่มมันแบบเรื่อยเปื่อย … นับว่าโชคดีจริงๆ

 

เพราะว่าเหล้าขวดนี้มันมีขนาดเล็กพกพาง่าย มันจึงถูกโยนลงไปในกระเป๋าสะพายและถูกยัดๆลงด้วยสิ่งของต่างๆจนเธอไม่อาจเอื้อมไปถึงมันและคงไม่หยิบออกมาได้เลยถ้าไม่ทันได้นึกถึงมัน

 

แอนนาถอนหายใจโล่งอก

 

“นี่คือเครื่องบรรณาการสำหรับการพบพานกันระหว่างท่าน” เธอกล่าว

 

หมาดำจ้องมองไปที่ขวดเหล้าแล้วกล่าวอย่างเยือกเย็นว่า “นังเด็กน้อย เจ้าคิดหรือว่าเราจะปลื้มปริ่มหากได้รับขวดใบนี้ที่ถูกหมักโดยข้าวหยกขาวในถังไม้โอ๊คเป็ยเวลากว่า 70 ปี และหลังจากนำออกจากถังแล้วก็นำไปผสมผสานด้วยเทคนิคลับระดับสูง จนในที่สุดก็ได้รสชาติอันอ่อนโยนและกลมกล่อมเป็นพิเศษออกมาเช่นนี้?”

 

หมาดำพยายามที่จะทำสีหน้าและน้ำเสียงให้ดูเย็นชา ทว่าหางของมันกลับส่ายไปมาโดยไม่รู้ตัว

 

แอนนามองไปยังหางของมัน และพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง

 

นี่มันอะไรกัน เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเจ้าหมานี่ต้องการที่จะดื่ม

 

เธอวางขวดสุราไว้เบื้องหน้าของหมาดำ

 

“โปรดรับมันไปเถิด เมื่อครู่ฉันเมามายจนเกินงาม จึงเผลอทำกริยาไม่สุภาพไปเล็กน้อย สุราขวดนี้ถือว่าแทนคำขอโทษจากใจจริงของฉัน”

 

หมาดำมองเธออีกครั้ง ก่อนจะสลับไปมองขวดสุรา จนในที่สุดมันก็เอ่ยออกมาว่า “ในเมื่อเจ้าจริงใจถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเราก็ไม่ลังเลที่จะรับมัน”

 

หมาดำกางเล็บตรงอุ้งเท้าของมันตะปบขวดเข้าหาตัวและใช้ปากงับฝาเปิด จากนั้นก็งับแล้วกระดกมันขึ้น

 

“ท่านต้องการเอาอะไรไปผสมสุราเพื่อให้ดื่มคล่องคอขึ้นหรือไม่?” แอนนาเอ่ยถาม

 

หมาดำยอมสละเวลาแห่งความสุขในการดื่มกล่าวตอบเธอ “เหอะ! จงอย่าปรามาสเรา สุราประเภทนี้ต้องดื่มแบบเพียวๆเท่านั้นจึงจะสาแก่ใจ! ”

 

แอนนากล่าวสรรเสริญ “หื้ม ท่านนับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยแท้ นับถือ นับถือ”

 

หนึ่งคนหนึ่งหมาสบตากันและกัน ทันใดนั้นก็พลันรู้สึกได้ว่าระยะห่างระหว่างทั้งสองแลดูจะแคบลง ใกล้ชิดกันมากขึ้น

 

นี้อาจจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของแอลกอฮอล์ก็ได้

 

ทันใดนั้นหมาดำก็พลันตระหนักได้ถึงความคิดบางอย่างขึ้น

 

มันหลับตาลง

 

และในพริบตา ช่วงเวลาหลายพันปี ทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับคริสตจักรแห่งความตายก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของมัน

 

หมาดำลืมตาขึ้น การแสดงออกทางสีหน้าของมันเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยเล็กน้อย

 

กลับกลายเป็นว่าตระกูลเมดิซีในตอนนี้ไม่หลงเหลือใครแล้วจริงๆ แถมคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังถูกยึดครองโดยคนนอกอีก

 

มันมองไปยังแอนนาอีกครั้ง จ้องมองหนึ่งในสายเลือดที่หลงเหลืออยู่ของตระกูลเมดิซี ..

 

ความโกรธของหมาดำได้กระจายหายไป ดวงตาของมันเผยร่องรอยของความเมตตาสงสารออกมา

 

ทว่าแอนนาไม่กลับไม่รู้ถึงเรื่องเหล่านี้ เธอเอ่ยถามในสิ่งที่ตนอยากรู้ออกไป “ท่านเทพ ตระกูลของเราทำการอัญเชิญท่านมานับพันๆปี แต่ท่านก็ไม่ยอมปรากฏกายออกมาเลย เหตุใดวันนี้จึงเลือกที่จะปรากฏตัวขึ้นกัน?”

 

หมาดำดื่มเหล้าที่เหลือในขวดจนหมดภายในหนึ่งลมหายใจ และเอ่ยลวกๆอย่างไม่คิดว่า “เราก็แค่กำลังหลับอยู่น่ะ”

 

“นอนหลับเป็นเวลากว่าหลายพันปีเลยหรือ?”

 

“ก็เหมือนงีบหลับในช่วงบ่ายนั่นแหละ”

 

แต่แล้วหมาดำก็หรี่สองตาแคบลง น้ำเสียงของมันเปลี่ยนไปแล้วอธิบายว่า “แต่จู่ๆก็ดันรู้สึกได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์ในอากาศ แถมเจ้ายังอ้วกใส่สถานที่ๆเราหลับอยู่อีก จึงย่อมเป็นธรรมดาที่เราจะตื่นขึ้น”

 

“ท่านคือเทพสุนัขจริงๆใช่ไหม? แล้วร่างกายที่แท้จริงของท่านล่ะ?” แอนนาเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ

 

“เจ้าก็รู้ถึงเรื่องร่างจริงของเรานี่ ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ”

 

หมาดำเอ่ยต่อ “เมื่อหลายพันปีก่อน บรรพบุรุษของเจ้าได้ช่วยเหลือเทพสุนัขเอาไว้ ส่วนตัวเราเป็นเพียงเศษเสี้ยวความคิดที่กระจัดกระจายของเทพสุนัขก็เท่านั้น และได้รับหน้าที่สร้างศรัทธาในสถานที่แห่งนี้ คอยเฝ้าพิทักษ์ปกปักษ์ตระกูลของเจ้า”

 

“แต่ตอนนี้ท่านกำลังหลับอยู่”

 

“หุบปากเถอะ”

 

“แล้วในเมื่อท่านตื่นขึ้นมาแล้ว สิ่งใดกันที่ท่านจะทำต่อไป?”

 

“เราไม่รู้หรอกว่าจะทำอะไรดีตอนนี้ ว่าแต่เจ้าเถอะ สิ่งใดกันล่ะที่ต้องเจ้าต้องการ?”

 

“แน่นอนว่าฉันย่อมมีสิ่งที่ต้องการอยู่ … ได้โปรดช่วยฉันอัญเชิญเทพแห่งความตายมาด้วยเถอะ” แอนนากล่าว

 

“เจ้ากำลังมองหาเทพแห่งความตาย เพราะเหตุใดกัน?”

 

แอนนานิ่งค้างไป

 

เธอเอียงศีษะและขบคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับคำถามนี้

 

ใช่สิ ฉันจะตามหาเทพแห่งความตายไปทำไมกัน?

 

เธอคิดไตร่ตรองก่อนที่จะกล่าวว่า “ตระกูลเราในแต่ละรุ่นก็ทำการอัญเชิญท่านเทพแห่งความตายกันทั้งนั้น บางทีพวกเขาอาจจะต้องการจะอัญเชิญท่านเทพมาเพื่อถามไถ่ว่าจะสามารถช่วยเหลืออะไรแก่ทางตระกูลได้บ้างก็ได้”

 

“เทพแห่งความตายไม่มีเวลาว่างนักหรอก ยิ่งกับมนุษย์ตัวจ้อยเช่นพวกเจ้าแล้ว คงไม่มีเวลามาสนใจ หากเจ้าปรารถนาสิ่งใด ขอให้วิงวอนอธิษฐานต่อเราโดยตรงจะดีกว่า” หมาดำกล่าว

 

“วิงวอนท่าน?” แอนนาเผยท่าทีลังเล

 

“อะไรอีกล่ะ นี่เจ้ากำลังดูถูกเราอีกแล้วใช่ไหม ขอบอกเลยนะว่าเราน่ะแข็งแกร่งมาก”

 

“สามารถเอ่ยขอได้จริงๆน่ะหรือ?”

 

“ก็ได้น่ะสิ เจ้านี่มันรู้สึกตัวช้าจริงๆ ลองสวดวิงวอนในสิ่งที่เจ้าต้องการมาสิ” หมาดำกล่าว

 

มันจ้องมองแอนนาอย่างใกล้ชิด

 

หากอีกฝ่ายยังคงมีความปรารนามันก็จะช่วยเหลือให้

 

ความปรารถนาของอีกฝ่าย เป็นสิ่งที่มันจำเป็นต้องทำเพื่อบรรลุสัญญา

 

“เรื่องที่ฉันต้องการวิงวอนอธิษฐาน?” แอนนานิ่งงันไป

 

ว่าจบเธอก็ตบลงบนหน้าผากกระจ่างใสของตนเองแล้วกล่าว “นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะนึก ก็ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะปลุกเทพแห่งความตายขึ้นมานี่นา เพราะงั้นเลยไม่ทันจะได้คิดตั้งแต่ต้นว่าจะวิงวอนอธิษฐานอะไร”

 

เวรกรรม เรื่องที่ตนปรารถนานี่มันจำเป็นต้องเสียเวลาคิดด้วยหรือ?

 

หมาดำก้มศีรษะลง และพยายามเฝ้าอดทนเป็นระยะเวลานาน

 

มันถอนหายใจยาวและกล่าวว่า “ลูกหลานของสายเลือดแห่งเมดิซีเอ๋ย ทำไมการที่เราจะได้สื่อสารกับเจ้าให้เข้าใจมันถึงได้ยากเย็นเพียงนี้”

 

แอนนารีบตอบกลับไป “ต้องขออภัยจริงๆ ฉันกำลังเริ่มที่จะไตร่ตรองเกี่ยวกับมันอย่างจริงจังแล้วล่ะ”

 

และเกือบจะในทันที เธอก็นึกถึงซูเซี่ยเอ๋อ

 

จริงสิ ตัวเองจะต้องรีบกลับไปที่รัฐบาลกลางทันที เพื่อเผชิญหน้ากับซูเซี่ยเอ๋อนี่นา

 

บางที หากรบกวนท่านเทพสุนัข ก็อาจจะช่วยให้เธอตกใจ และหนีออกจากอ้อมอกของกู่ฉิงซานไปด้วยความหวาดกลัวก็ได้

 

อืม .. นั่นนับว่าเป็นความคิดที่ดี

 

อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้ถึงขั้นตั้งใจที่จะฆ่าอีกฝ่าย ดังนั้นเพียงแค่ทำให้รู้สึกหวาดกลัวก็น่าจะพอแล้วมั้ง

 

ที่สำคัญก็คือ หากมีเทพสุนัขอยู่ข้างๆ ยังจะมีสิ่งใดอีกที่เธอไม่สามารถทำได้ในอนาคต?

 

แอนนาก้มหน้าลงและกล่าวกับหมาดำอย่างจริงใจ “ท่านเทพสุนัข ฉันวิงวอนร้องขอท่าน ให้ติดตามช่วยเหลือฉันจะได้หรือไม่?”

 

หมาดำจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง

 

สุดท้ายมันก็ส่ายหัวและกล่าวว่า “ด้วยสุราเพียงขวดเดียว แต่เจ้ากลับปรารถนาให้เราทำหน้าที่เป็นกุลีให้เจ้าเชียวหรือ?”

 

“มิใช่กุลี แต่คอยติดตามช่วยเหลือฉันในฐานะคู่หู ร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน” แอนนาเร่งอธิบาย

 

เธอประกบสองมือเข้าด้วยกัน เริ่มภาวนาอ้อนวอน “ท่านเทพสุนัข ฉันมิกล้าจะพูดอะไรให้มันมากความนัก แต่ฉันแค่อยากจะบอกว่า ฉันมีห้องเก็บสุราและไวน์ส่วนตัวอยู่สองห้องใหญ่ ภายในนั้นมีเครื่องดื่มมึนเมานับพันขวด หากท่านช่วยเหลือฉัน ฉันจะยกพวกมันทั้งหมดให้ท่านเลย ตกลงไหม!”

 

คราวนี้หางของหมาดำเริ่มแกว่งไหว

 

มันกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เรานั้นเป็นเทพ และจริงจังในเรื่องเกี่ยวกับคำปฏิญาณสาบานตนเอามากๆ ในเมื่อเจ้าแสดงความจริงใจออกมาถึงเพียงนี้ ฉะนั้นเราจะยอมรับคำวิงวอนอธิษฐานของเจ้าก็ได้”

 

“งั้นเจ้าจงรออยู่ที่นี่เถอะ เราจะเริ่มต้นด้วยการไปจับตัวเจ้าผู้ใช้ไพ่เทียนซวนที่ทำการหมิ่นเกียรติคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายก่อนเป็นอันดับแรก!”

 

ว่าจบ หมาดำก็หายวับไปมิอาจมองเห็นได้อีกเลย … และนี่คือเหตุผลที่แอสเมิร์ดได้เห็นมนุษย์หัวสุนัขในโถงจัดเลี้ยงนั่นเอง

 

แอนนาชะงักงัน เฝ้ามองฉากตรงหน้าด้วยความปิติยินดี

 

“ว้าว! จู่ๆก็หายไปในอากาศซะเฉยๆเลย! ไม่ได้ใช้เครื่องจั๊มป์หรือเทคนิคใดๆซะด้วย นี่แสดงว่าเขาแข็งแกร่งจริงๆ!”