“นั่นคือกระโจมของข้า เสื้อผ้าอยู่ในนั้น” แคลร์ชี้ไปที่กระโจมของนางแล้วพูดกับซัมเมอร์

 

 

“อื้ม” ซัมเมอร์รีบวิ่งเข้าไปในกระโจมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

 

 

ตอนนี้ทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาจึงออกเดินทางกันได้สักที

 

 

“เบน เจ้าต้องจำคำขอของข้าไว้นะ เจ้าจะแสดงร่างจริงของเจ้าตามอำเภอใจไม่ได้และห้ามโจมตีมนุษย์โดยไม่ได้รับอนุญาต” แคลร์กำชับอีกครั้ง

 

 

“จำได้ๆ เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก” เบนพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ แต่จ้องไปทางกระโจมของแคลร์ ทำไมหัวขโมยน้อยยังเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่เสร็จอีกล่ะ?

 

 

คนทั้งกลุ่มออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้มุ่งหน้าไปยังชายแดน

 

 

โยซาลี่เป็นประเทศที่ล้าหลังที่สุดในแผ่นดินลังกา ด้วยภูมิประเทศที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและแอ่งน้ำ แถมครึ่งหนึ่งของประเทศค่อนข้างแห้งแล้ง ดังนั้นจึงไม่มีประเทศใดที่อยากเสียทรัพยากรเพื่อเข้ามารุกราน

 

 

ผู้คุมของชายแดนตรวจสอบบัตรผ่านเข้าเมืองของกลุ่มแคลร์อย่างเกียจคร้านและปล่อยพวกเขาไป จากนั้นเขาก็หลับต่อ

 

 

“เหนื่อยมากเลยแคลร์ วันนี้เราอาบน้ำร้อนได้ไหม? ” ซัมเมอร์ยืดตัวและมองแคลร์อย่างคาดหวัง

 

 

“อืม งั้นหาโรงแรมพักผ่อนก่อนแล้วค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้” แคลร์ก็เหนื่อยเช่นกัน นางอยากหาสถานที่เงียบสงบและปลอดภัยเพื่อศึกษาขั้นที่สองของกระจกดอกบัวด้วย

 

 

“ว้าว แคลร์ เจ้าใจดีมากเลย” ซัมเมอร์กระโดดขึ้นด้วยสีหน้าพอใจ แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่การอาบน้ำเย็นก็ไม่สบายตัวเท่าไหร่

 

 

หลังจากหาโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองได้แล้ว แคลร์ก็จ่ายเงินมัดจำและสั่งให้เถ้าแก่ส่งอาหารและเตรียมน้ำร้อนให้ทุกห้องหลังจากที่ต่างคนต่างเข้าห้องพักไปแล้ว

 

 

ในที่สุดได้อยู่เงียบๆ สักพัก แคลร์ล็อคประตูและนอนลงบนเตียง

 

 

“วัลโด ก่อนอื่นเจ้าออกไปดูหน่อยว่ามังกรดำเชื่อฟังคำสั่งดีหรือไม่? ” แคลร์หยิบกระจกดอกบัวออกมาหลังจากวัลโดออกไปแล้ว นางเปิดหนังสือและจดจ่อกับพลังของดอกบัวในหนังสือ นางทำตามที่หนังสือหน้าสุดท้ายบอกเอาไว้อย่างช้าๆ

 

 

แคลร์รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าตัวอักษรเหล่านั้นขยับได้ราวกับมีชีวิต จู่ๆ พวกมันก็เริ่มบิดเบี้ยวกลายเป็นคำอื่น หลังจากนั้นไม่นานเนื้อหาก็เปลี่ยนไป! เนื้อหาของขั้นแรกหายไปแล้ว ตัวอักษรทั้งหมดในหนังสือกลายเป็นเนื้อหาของขั้นที่สองแทน

 

 

แคลร์อ่านเนื้อหานั้นอย่างตั้งใจ

 

 

ทันใดนั้นทางเดินด้านนอกก็มีเสียงดังขึ้น

 

 

“ออกไป ออกไปให้หมด ข้าจะให้เงินค่าเช่าคืนสามเท่าแล้วพวกเจ้าก็ออกไปให้หมด ที่นี่นายน้อยของข้าเหมาไว้แล้ว” เสียงหยาบคายดังขึ้นที่ทางเดินตามด้วยเสียงเคาะประตู

 

 

สีหน้าของแคลร์เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อนางได้ยินเสียงเคาะประตู เพราะทางนั้นคือห้องของมังกรดำ!

 

 

นิสัยที่ใจร้อนและหยาบคายของมังกรดำอาจทำลายทั้งโรงแรมให้พังลงได้เลย!

 

 

แคลร์ลุกขึ้นไปเปิดประตูแล้วรีบออกไปทันที

 

 

วัลโดลอยกลับมาอย่างมีความสุข “โอ้ แคลร์ มีการแสดงสนุกๆ ให้ดูแล้วล่ะ”

 

 

แคลร์รีบไปที่ห้องของเบน ชายคนหนึ่งที่แต่งกายเหมือนพนักงานต้อนรับยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับตะโกนด่า “ออกไป ข้าพูดกับเจ้านั่นแหละ เจ้าคนผมดำ รีบออกไปเร็วๆ รับเงินแล้วออกไปเลย อย่ามัวชักช้า นายน้อยของข้าจะได้พักผ่อน”

 

 

ผู้ดูแลสามคนยืนอยู่หน้าประตูห้องคนละบาน พวกเขาต่างเตะประตูและตะโกนให้คนที่อยู่ในห้องออกมา

 

 

แคลร์และวัลโดเตรียมพร้อมรอการระเบิดของมังกรดำ แต่ในเวลาต่อมาทุกอย่างก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม แม้แต่ห้องของเบนก็เงียบเช่นกัน

 

 

แคลร์ถึงกับผงะและรีบไปยืนที่ประตู นางมองไปรอบๆ และเห็นมังกรดำนั่งอยู่บนเตียงนิ่งๆ แต่ใบหน้าที่แดงก่ำของเขาแสดงให้เห็นถึงความโกรธที่เขากำลังอดกลั้นอยู่ในตอนนี้

 

 

“ออกไปเร็วๆ รับเงินที่ประตูทางเข้าแล้วออกไปเลย” ผู้ดูแลดุและเตะประตูห้องถัดไป

 

 

หลังจากได้เห็นแคลร์ เบนก็พูด “แคลร์ ข้าทำได้ดีหรือไม่? ข้าชื่นชมตัวเองจริงๆ ที่ข้าอดกลั้นความโกรธไว้ได้แล้วนะ”

 

 

แคลร์รู้สึกละอายใจ ผู้ชายที่รุนแรงและไร้มารยาทคนนี้ แท้จริงแล้วเป็นถึงเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรนะ… ใช่ เขาเป็นเจ้าชาย เจ้าชาย…

 

 

“เจ้าทำได้ดีมาก ก้าวแรกของเจ้าบนเส้นทางแห่งการแก้แค้นนั้นดีมาก” แคลร์พยักหน้าอย่างชื่นชม “อดทนและอดกลั้นเข้าไว้”

 

 

“ข้าจะอดทนต่อไป” เบนหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตาลง แคลร์กระตุกยิ้มที่มุมปากของนาง ทันใดนั้นนางก็เห็นรอยแตกบนพื้น ขาเตียงที่เบนนั่งอยู่ทั้งสี่ขาจมลึกลงไปที่พื้น นางสามารถจินตนาการได้เลยว่าตอนนี้มังกรดำรู้สึกแย่แค่ไหน มนุษย์ผู้ต่ำต้อยกล้าบอกให้เขาออกไป ถ้าเขาไม่ได้ตกลงกับแคลร์ไว้ล่วงหน้า เขาคงกินคนพวกนี้และทำลายโรงแรมไปแล้ว

 

 

“ดีมาก ทำต่อไปนะ” แคลร์พยักหน้าแล้วหันกลับไป

 

 

ในเวลานี้เฟิงอี้เซวียน จินเหยียน และคนอื่นๆ ก็เปิดประตูห้องออกมาเช่นกัน พวกเขาเห็นว่ามีคนตะโกนอยู่ด้านล่าง มีเพียงคลิฟเท่านั้นที่ไม่เปิดประตู เขารู้ว่าแคลร์และคนอื่นๆ จะจัดการสิ่งเหล่านี้ได้

 

 

เสียงฝีเท้าดังมาจากบันไดตรงทางเดินและก็มีเสียงบ่นเบาๆ “ที่นี่น่าขยะแขยงมาก ข้าต้องพักอยู่ในสถานที่เช่นนี้หรือ ไม่เอา ข้าขอไปที่ที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือ?”

 

 

“นายน้อย ที่นี่เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองนี้แล้วครับ ได้โปรดอดทนก่อน พวกคนรับใช้ได้ขับไล่ชาวบ้านผู้ต่ำต้อยเหล่านั้นให้ออกไปแล้วครับ” มีเสียงดังขึ้น

 

 

จากนั้นสิ่งที่ปรากฏต่อสายตาของทุกคนก็คือชายหนุ่มที่แต่งตัวงดงามเขามีฝ้ากระบนใบหน้าซึ่งถูกปกปิดด้วยแป้งที่ชายชนชั้นสูงนิยมใช้กัน ใบหน้าของเขาจึงขาวซีดราวกับหนังหมู

 

 

“หนวกหูมาก” สุ่ยเหวินโม่ขยี้ตาและมองอย่างไม่พอใจ

 

 

เฟิงอี้เซวียนกระโดดไปข้างแคลร์แล้วยิ้ม “แคลร์ เจ้าหิวไหม? เราไปเดทกันเถอะ อ้อ ไม่สิ เราออกไปเที่ยวตอนกลางคืนกัน” เฟิงอี้เซวียนมองดวงตาที่เย็นชาของแคลร์แล้วรีบเปลี่ยนคำทันที

 

 

“เฮ้ย ยังมีชาวบ้านอยู่ที่นี่อีกหรือ? ” ดวงตาของนายน้อยหนังหมูสว่างขึ้นเมื่อเขาเห็นแคลร์ นางสวยจริงๆ นางยังเด็กและหุ่นดีมากด้วย

 

 

“ไปถามมาว่าใครเป็นคนพานางมา ไปเสนอราคาซื้อนางมาให้ข้า ข้าจะได้สนุกกับนางในคืนนี้” นายน้อยหนังหมูมองแคลร์ด้วยความหลงใหลและพูดกับผู้ดูแลที่อยู่ข้างๆ “ข้าไม่คาดคิดเลยว่าสถานที่พังๆ นี้จะมีสิ่งดีๆ อยู่”

 

 

“ครับ นายน้อย” ผู้ดูแลที่อยู่ข้างๆ รีบวิ่งไปหาแคลร์ทันที เขามองแคลร์แล้วก็มองเฟิงอี้เซวียนที่อยู่ถัดจากนาง

 

 

“เจ้า หญิงสาวตัวเล็กๆ ผู้นี้ราคาเท่าไหร่ เจ้าเสนอราคามาเลย นายน้อยของข้าชอบนาง นี่คือโชคของนางแล้ว คืนนี้นายน้อยจะทำให้นางสบายตัวและบางทีนายน้อยอาจจะปรนเปรอเจ้ามากกว่าหนึ่งวันด้วย” ผู้ดูแลมองเฟิงอี้เซวียนอย่างหยิ่งยโสโดยไม่รู้ว่าความตายกำลังจะมาเยือน

 

 

ก่อนที่แคลร์จะได้พูดอะไร เฟิงอี้เซวียนก็พูดนำไปก่อนแล้ว

 

 

“ไปตายซะ! ” ดวงตาของเฟิงอี้เซวียนแปรเปลี่ยนเป็นความโหดร้าย เขาส่งเสียงคำรามอย่างรุนแรง ก่อนอีกฝ่ายจะมีการตอบสนองใดๆ แท่งน้ำแข็งก็โจมตีเข้าอย่างรุนแรง น้ำแข็งที่แหลมคมก็ทะลุร่างของผู้ดูแลผู้นี้

 

 

ผู้ดูแลล้มลงเลือดอาบไปทั่วทุกพื้นที่

 

 

เลือดที่น่าสะพรึงกลัวไหลเป็นทางยาวไหลไปตามพื้นด้านหลัง

 

 

ในขณะนี้ เฟิงอี้เซวียนเปรียบเสมือนยมทูตจากนรก บรรยากาศในตอนนี้น่ากลัวมาก ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่ตรงทางเดินก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพจากนรก ความน่ากลัวของเฟิงอี้เซวียนแผ่ออกมาราวกับราชาปีศาจที่น่ากลัวมาก!

 

 

บริเวณทางเดินเงียบไปชั่วขณะ

 

 

เฟิงอี้เซวียนเพิ่งคร่าชีวิตผู้ดูแลโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า แสงเย็นเยือกจากดวงตาของเขาทำให้ทุกคนในห้องโถงตกตะลึง

 

 

“ว้าว บอกก่อนแล้วค่อยทำสิ ไม่เตือนอะไรล่วงหน้าเลย” สุ่ยเหวินโม่ยกยิ้มมุมปาก

 

 

สีหน้าของจินเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

 

ชายหนุ่มผู้นั้นกลายเป็นคนที่น่ากลัวและรุนแรงขึ้นในทันทีเพียงเพราะผู้ดูแลพูดเช่นนั้น! ความรู้สึกของเขาที่มีต่อแคลร์นั้น…

 

 

มือของจินเหยียนจับด้ามดาบไว้แน่น ทุกคนสังเกตเห็นเพียงว่าผู้ดูแลถูกสังหารด้วยเวทมนตร์ที่งดงาม ไม่มีใครสังเกตเห็นเลยว่าหัวใจของศพที่ร่วงหล่นนั้นแตกสลายด้วยพลังยุทธ์แม้แต่น้อย

 

 

จินเหยียนและเฟิงอี้เซวียนโจมตีในเวลาเดียวกัน!

 

 

“นักเวทย์! “

 

 

“นั่นคือนักเวทย์!”

 

 

“เขาฆ่าคน! “

 

 

“มีคนฆ่ากัน…”

 

 

ช่วงเวลานั้น บริเวณทางเดินก็เกิดความสับสนวุ่นวาย เสียงร้องสยดสยองดังก้องไปทั่วทั้งโรงแรม

 

 

ขาของนายน้อยหนังหมูสั่น แม้ว่าเขาจะสั่งคนของเขาให้ฆ่าคนจำนวนมากก็ตาม แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการฆาตกรรมที่รุนแรงเช่นนี้ และเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ คนผู้นั้นฆ่าโดยไม่มีการเตือนใดๆ เลือดบนพื้นทางเดินยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง และค่อยๆ ไหลไปถึงบันไดแล้ว

 

 

“ร้องอะไรกัน พวกเราก็มีนักเวทย์ไม่ใช่หรือ? ส่งไปสิ ส่งไปฆ่าเขา! ” หลังจากนั้น นายน้อยหนังหมูได้ทำสิ่งเลวร้ายและเจอผู้ต่อต้านมากมายมาเป็นเวลานาน เขาจึงปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและตะโกนใส่คนข้างหลัง “ไปสิ ไปฆ่าเขา อย่าทำร้ายหญิงผู้นั้น คืนนี้ข้าจะเอาตัวนางมาเป็นค่าตอบแทน”

 

 

ไอ้โง่ วัลโดกลอกตาอย่างช่วยไม่ได้

 

 

เฟิงอี้เซวียนไม่ได้พูดอะไร เขาหยิบกริชออกมาจากรองเท้าและไมไ่ได้ใช้เวทมนตร์อีกต่อไป แต่เขากลับวิ่งไปอย่างคล่องแคล่วในหมู่ผู้คนที่วิ่งเข้ามาแล้วก็ใช้กริชของเขา แสงเย็นแวววาวของกริชเป็นประกายและทุกครั้งที่กริชเคลื่อนไหว ลำคอของคนๆ หนึ่งจะถูกกรีดเบาๆ จากนั้นเลือดก็พุ่งหยดลงตามทางเดินราวกับน้ำพุ

 

 

นี่คือการร่ายรำแห่งความตาย งดงาม แต่มีลมหายใจแห่งความตายที่รุนแรงและน่ากลัว

 

 

แสงสีแดงปรากฏในดวงตาของเฟิงอี้เซวียน ช่างน่ากลัวและแปลกประหลาด

 

 

“หยุดเขา หยุดเขาไว้ให้ได้” นายน้อยหนังหมูตื่นตระหนก ในที่สุดก็รู้ว่าเขาหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรจะยุ่งด้วยเสียแล้ว

 

 

นักเวทย์สองคนที่อยู่ข้างหลังนายน้อยหนังหมูได้ปล่อยเวทมนตร์ที่ทรงพลังออกมาอย่างรวดเร็ว เฟิงอี้เซวียนโบกมือเบาๆ และใช้โล่เวทย์เพื่อป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย

 

 

สุ่ยเหวินโม่ยืนพิงผนังทางเดิน เขาหาวและดูการแสดงของเฟิงอี้เซวียน จากนั้นก็พึมพำในใจ เมื่อก่อนเวลาคนในครอบครัวของเฟิงอี้เซวียนถูกว่า เขาก็ไม่เคยโกรธมากขนาดนี้ วันนี้กลับใส่พลังอย่างเต็มที่ขนาดนี้ คำที่ผู้อื่นดูถูกแคลร์ทำให้เขาโกรธได้ขนาดนี้เลยหรือ?

 

 

…………………………………………………………………………….