ตอนที่ 61 ขอกำลังสนับสนุน!

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

เมื่อกำจัดผีร้ายระดับแม่ทัพสองตัว และกำราบราชาปีศาจที่ไม่รู้ความสามารถแน่ชัดไปแล้ว คดีในหมู่บ้านหวงซีนับว่าได้รับการแก้ไขเบื้องต้นแล้ว

เช้าวันต่อมา เมื่อชาวบ้านหมู่บ้านหวงซีตื่นขึ้นมา ต่างก็รู้สึกว่าร่างกายเบาสบาย

ยามออกไปสูดอากาศข้างนอก เสมือนกับสดชื่นขึ้นไม่น้อยเลย

ผู้ใหญ่หวังก็มีความรู้สึกแบบนี้เช่นกัน รู้สึกว่าเนื้อตัวเบาสบาย

ทั้งๆ ที่ยังไขคดีไม่ได้ ทำไมถึงมีความรู้สึกแบบนี้ล่ะ

ไม่รู้เพราะเหตุใด เขานึกถึงอันหลินกับเถียนหลิงหลิง

เขาย้อนความทรงจำ เหมือนว่าหญิงสาวคนนั้นจะเรียกผู้ชายคนนั้นว่า ‘นักพรตจอมปลอม’ นักพรตล้วนกำราบมารปราบปีศาจได้ไม่ใช่เหรอ

จากนั้นนึกถึงการเคลื่อนไหวเมื่อคืนของพวกเขา ในใจผู้ใหญ่หวังก็อดคาดเดาไปต่างๆ นานาไม่ได้

“คดีพวกนี้ประหลาดอยู่แล้ว หรือจะเป็นฝีมือของภูตผีจริงๆ สองคนนั้นเป็นคนที่รัฐบาลส่งมาปราบผีงั้นเหรอ ไม่อย่างนั้นการกระทำของพวกเขาคงไม่ประหลาดแบบนี้…”

ข้อสันนิษฐานข้อนี้เหลวไหลมาก แต่หวังตงกลับไม่อาจลบล้างความคิดไปจากสมองได้เลย

แต่ที่น่าเสียดายคือ อันหลินกับเถียนหลิงหลิงไปจากหมู่บ้านหวงซีแล้ว ข้อสันนิษฐานของเขาก็เป็นได้เพียงการคาดเดา

เถียนหลิงหลิงรายงานผลลัพธ์ของภารกิจให้กับหน่วยรบพิเศษของประเทศ

เรื่องเก็บกวาดลำดับต่อไป พวกเขาไม่ต้องเป็นกังวลแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะออกโรงจัดการเอง

เมื่อกลับมาถึงโรงแรม อันหลินก็เรียกหวงซานซาน สวีเสี่ยวหลานกับเซวียนหยวนเฉิงมา

ทั้งห้าคนรวมตัวกันข้างๆ โต๊ะ กำลังเพ่งพินิจใยแมงมุมกระจุกใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ

“ใช่ ใยแมงมุมกระจุกนี้เป็นใยแมงมุมราชาหิมะจริง สามารถอิงอาศัยร่างของภูตผี ดูดพลังชีวิตของมนุษย์ผ่านภูตผีได้” หวงซานซานเขี่ยใยแมงมุมพลางพูดอย่างมั่นใจ

“ใยแมงมุมราชาหิมะจะมีเฉพาะในแมงมุมราชามารร้อยเนตร มันเป็นมารยักษ์ที่มีหมายนำจับในแดนบำเพ็ญเซียนมาเนิ่นนานแล้ว”

“และภารกิจในครั้งนี้ของเรานอกจากสร้างความแข็งแกร่งให้กับการพันธนาการหอมารแล้ว มีอีกภารกิจก็คือสังหารราชามาร กำราบราชามารที่ว่า ก็คือแมงมุมร้อยเนตรตัวนี้ไม่ใช่เหรอ” เถียนหลิงหลิงตาเป็นประกาย

“แมงมุมร้อยเนตรเป็นราชามารที่มักจะปรากฏตัวละแวกหอพันธนาการมาร ลอบสังเกตหอมารมานานแล้ว แต่เพราะความว่องไวปราดเปรียวของมัน นักพรตของเราสังหารได้ยาก ตอนนี้มีใยแมงมุมกระจุกนี้แล้ว พวกเราสามารถตามสืบพิกัดของแมงมุมร้อยเนตรผ่านพลังของแมงมุมได้!” หวงซานซานเองก็พูดอย่างตื่นเต้น

เซวียนหยวนเฉิงจ้องใยแมงมุมบนโต๊ะด้วยสีหน้าเคลือบแคลงใจ “หากพูดเช่นนี้ละก็ ราชาปีศาจปัญญาที่โผล่มากะทันหันก็เป็นพวกเดียวกับแมงมุมร้อยเนตรน่ะสิ การปรากฏตัวของเขา เต็มไปด้วยความไม่ชอบมาพากล หากไม่ใช่เพราะเขา เกรงว่าอันหลินคงจะไม่เห็นใยแมงมุม ข้ารู้สึกว่าราชาปีศาจอยากยืมมือพวกเรากำจัดแมงมุมร้อยตา”

สวีเสี่ยวหลานก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “หากมิเช่นนั้น นี่ก็เป็นกับดัก อยากล่อลวงพวกเราไปหาแมงมุมร้อยเนตร จากนั้นใช้โอกาสนี้กำจัดพวกเรา”

อันหลินนึกถึงกิริยาท่าทางของราชาปีศาจปัญญาเมื่อก่อนหน้านี้ ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เรื่องนี้มีปัญหาจริงๆ ตัวตนทูตเซียนของเราไม่ถูกเปิดเผย หากว่าราชาปีศาจวางกับดัก คงจะพุ่งเป้ามาที่นักพรตในประเทศ…”

ราชาปีศาจปัญญาคงไม่คาดคิดเลยว่า ฝีมือการแสดงของเขาจะทำให้เกิดข้อสันนิษฐานมากมายขนาดนี้

โกลเด้นราสเบอรี อวอร์ดส์ในวงการบันเทิง ท่าทางคงจะเป็นของเขาแน่นอน

ด้วยเหตุนี้ หลังผ่านการหารือแล้ว

ผู้คนมีมติเป็นเอกฉันท์คือ

แม้การจับแมงมุมร้อยเนตรจะมีอันตราย แต่ก็เป็นโอกาสที่หายาก โอกาสนี้พวกเขาจะปล่อยให้หลุดมือไม่ได้

ฉะนั้น เพื่อรับประกันความปลอดภัย พวกเขาตัดสินใจเรียกกำลังเสริม!

อันหลินจึงกดเข้าไปในกลุ่มนักพรตทั่วโลกร่วมมือกันพิทักษ์โลกอีกครั้ง

นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘สวัสดีสหายทุกคน!’

นักพรตมู่หนิว ‘ฮ่าๆ สหายอัน ไม่เห็นนายเข้ามาคุยในกลุ่มนานเลย!’

อันหลินเห็นประโยคนี้มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย

นานแค่ไหนกัน แค่สองวันเองไหมเล่า!

มีแค่คนที่ไม่ได้คุยก็จะไม่สบายใจอย่างนักพรตมู่หนิวที่รู้สึกว่านาน

ผู้รู้แจ้งหลิวหลี ‘สหายอันเข้ามาในกลุ่มมีเรื่องอะไรหรือเปล่า บอกมาได้เลย’

หึ อันหลินชอบคนที่ฉลาดแบบนี้แหละ คุยกันง่ายหน่อย!

นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน “ฮ่าๆ ที่จริงก็มีเรื่องอยากให้ทุกคนช่วยจริงๆ นั่นแหละ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับภารกิจในครั้งนี้”

เซียนหญิงเมิ่งอิน “สหายอันว่ามาเถอะ เจอปัญหาอะไรงั้นเหรอ”

หลังเซียนหญิงเมิ่งอินพูดแบบนี้ ก็มีนักพรตหลายคนโผล่หัวมาในกลุ่ม

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาสนใจกับสิ่งที่อันหลินจะพูดต่อไปนี้ไม่น้อยเลย

เมื่ออันหลินเห็นปฏิกิริยาของกลุ่มแล้วก็โล่งอกเล็กน้อย ท่าทางทุกคนในกลุ่มนี้จะเป็นมิตรมากทีเดียว

เขาจึงเล่าภารกิจที่จะล้อมสังหารแมงมุมร้อยเนตรในกลุ่ม และบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านหวงซีอย่างละเอียดด้วยเช่นกัน

ส่วนความอันตรายของการทำภารกิจนี้ ทำได้แค่ให้นักพรตในกลุ่มไปตัดสินใจด้วยตัวเองแล้ว

นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘เรื่องราวก็ประมาณนี้แหละ ฉันก็คงไม่ให้ทุกคนช่วยฟรีๆ หรอก ทุกคนที่เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้ ฉันจะตอบแทนด้วยหินวิญญาณ’

อันหลินรู้มาจากเถียนหลิงหลิงว่า หินวิญญาณเป็นสกุลเงินแข็งที่มีมูลค่ามากในแดนบำเพ็ญเซียนของโลก

มีความเย้ายวนใจอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่ผู้อาวุโสที่มีพลังยุทธ์แก่กล้า

เพราะเขาเป็นกัปตันในภารกิจนี้ จึงต้องมีความตื่นตัวในการเรียกระดมกำลังพลด้วยการอาศัยกำลังของตัวเอง

เป็นอย่างที่คิด เมื่อเอ่ยถึงหินวิญญาณ นักพรตมากมายในกลุ่มต่างก็โผล่หัวออกมา บรรยากาศคึกคักขึ้นมาทันที

จิ้นอวี้จื่อ ‘ไม่ทราบว่าสหายอันต้องการนักพรตระดับไหน’

การสังหารราชามารไม่ใช่สิ่งที่นักพรตคนไหนก็เข้าร่วมได้ มิหนำซ้ำมันยังมีอันตรายแฝงเร้นอยู่

นักพรตจอมปลอมเสี่ยวอัน ‘ต้องการสหายกายแห่งมรรคขั้นสิบสิบคน ต้องการระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนค่าตอบแทน ฉันไม่ค่อยรู้ธรรมเนียม ทุกคนเสนอราคามาเลย!’

อันหลินลูบแหวนมิติของตัวเองอย่างใจฝ่อ ในนี้มีหินวิญญาณสามหมื่นก้อน คงจะไม่มีปัญหา

เคยได้ยินเถียนหลิงหลิงพูดว่า ในกลุ่มมีนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณแปดคน

พวกเขาล้วนเป็นเจ้าสำนักไม่ก็ผู้อาวุโสของสำนักเซียนแต่ละแห่ง ปกติแล้วยุ่งมือเป็นระวิง

ด้วยเหตุนี้ อันหลินถึงได้พูดว่าต้องการนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณมากเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อเทียบกับความตึงเครียดของอันหลินแล้ว เซวียนหยวนเฉิงกับสวีเสี่ยวหลานกลับนั่งแทะเมล็ดทานตะวันรอข่าวคราวอยู่ข้างๆ…

จู่ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจ เฮ้อ เป็นกัปตันมันยากจริงๆ…

หากรู้แต่แรกคงไม่วางท่าใหญ่โต คงระดมหินวิญญาณจากเศรษฐีสองคนนี้เพื่อเป็นค่าตอบแทนไปแล้ว

เมื่อเห็นอันหลินบอกว่าให้พวกเขาเสนอราคาเอง ในกลุ่มก็ลุกเป็นไฟ

เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘สหายอัน ฉันกายแห่งมรรคขั้นสิบ ขอหินวิญญาณแค่ห้าสิบก้อน ฉันเข้าร่วมแน่นอน!’

เมื่ออันหลินเห็นข้อความนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย

ขอให้นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบช่วยเหลือราคาถูกขนาดนี้เลยเหรอ

หินวิญญาณห้าสิบก้อน ราคามิตรภาพหรือไง

ขณะนั้นเอง ผู้รู้แจ้งหลิวหลีก็พูดว่า ‘ไม่ได้!’

เมื่ออันหลินเห็น ก็คิดในใจว่ามีคนคัดค้านจริงๆ ด้วย

ค่าตอบแทนที่ถูกขนาดนี้ จะทำให้นักพรตคนอื่นไม่พอใจ แบบนี้คนอื่นๆ จะกล้าเสนอราคาได้อย่างไร

ผู้รู้แจ้งหลิวหลีพูดต่อว่า ‘เทพพยากรณ์กำลังเอาเปรียบสหายอันอยู่นะ! ค่าตอบแทนของนักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบคือหินวิญญาณยี่สิบก้อนเท่านั้น เยอะกว่านี้ไม่ได้แล้ว!’

เซียนหญิงหยวนจื่อต้านพูดเสริมว่า ‘นั่นสิ เทพพยากรณ์ นายอยากได้หินวิญญาณจนบ้าไปแล้วเหรอ!’

เซียนหญิงเมิ่งอิน ‘หินวิญญาณห้าสิบก้อน ทำไมนายไม่ไปปล้นล่ะ เคยนึกถึงความรู้สึกของสหายอันบ้างหรือเปล่า’

อันหลินงงเป็นไก่ตาแตก

WTF! ทุกคนเคยนึกถึงความรู้สึกฉันบ้างไหม ฉันรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน!

เทพพยากรณ์ผู้แม่นยำ ‘ขอโทษทีสหายอันหลิน ฉันโลภมากไปหน่อย หินวิญญาณยี่สิบก้อนก็พอแล้ว ฉันเอาด้วย!’

อันหลินอยากบอกเหลือเกินว่า อันที่จริงไม่ต้องขอโทษหรอก…

ขณะนั้นเอง ผู้พิทักษ์โลกที่ไม่เคยโผล่หัวมาเลยก็พูดขึ้นมาว่า ‘ฉันเป็นนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ ขอหินวิญญาณแค่หนึ่งร้อยก้อนแล้วจะไปกับสหายอัน ได้โอกาสลองใช้อาวุธใหม่ที่เพิ่งไปขโมยได้พอดีเลย…’

อันหลินเบิกตากว้าง ใบหน้ามีแต่ความตะลึงงัน

คุณพระ หินวิญญาณร้อยก้อนก็จ้างนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณได้แล้วเหรอ!

เซียนกระบี่ชิงเหอ ‘หินวิญญาณร้อยก้อนเหมือนกัน ฉันเอาด้วยคน!’

อันหลิน ‘…’

อันหลินที่คิดว่าจะหมดตูด เสียหินวิญญาณแค่ห้าร้อยก่อน ก็สามารถระดมนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณสามคนกับนักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบสิบคนได้สำเร็จ…

เขาแหงนหน้ามองฟ้า รู้สึกสับสนยิ่งนัก

โลกเป็นอะไรไปกันหมด

เขามีเงินเยอะไป หรือนักพรตบนโลกนี้ยากจนเกินไป