ตอนที่ 67 คุณย่ามีความสุขก็ดีแล้ว / ตอนที่ 68 หักแขนเธอมาให้ฉัน

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 67 คุณย่ามีความสุขก็ดีแล้ว 

 

 

เสียงทุ้มต่ำและราบเรียบแว่วดังมาจากในตัวรถ น้ำเสียงแอบแฝงไปด้วยความพึงใจอยู่น้อยๆ 

 

 

‘หากคุณรู้ว่าฉันไม่ได้แสนดีอย่างที่คุณคิดไว้ล่ะ’  

 

 

เหมือนเสียงอันแจ่มชัดของเธอยังคงก้องอยู่ข้างหู 

 

 

มันเป็นคำพูดเมื่อตอนบ่ายที่เพิ่งพูดไปก่อนหน้านี้ได้ไม่นานนัก 

 

 

นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำมันได้เร็วขนาดนี้ 

 

 

และเขายังนึกไม่ถึงอีกว่า ผู้หญิงที่ดูใสซื่อเหมือนน้ำแบบนั้นจู่ๆ จะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ 

 

 

“พานายหญิงขึ้นมาบนรถ” 

 

 

“ครับ!” 

 

 

อวี๋ซงฟังออกว่าคุณผู้ชายพอใจกับเรื่องนี้แค่ไหน ในใจจึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เขาตอบรับอย่างสบายใจแล้วเดินไปยังหญิงชราและแม่บ้านไหลหรง 

 

 

“หืม? ไม่ใช่ว่ายุ่งอยู่หรือไง ทำไมยังมาที่นี่ได้” 

 

 

ได้เห็นหลานตัวเองนั่งอยู่บนรถ นายหญิงป๋อถึงกับเลิกคิ้วถามอย่างเหนือความคาดหมาย 

 

 

“คุณย่า จะเกิดเรื่องขึ้นหลานจะไม่มาได้ยังไง” เสียงของเขาสุขุมและราบเรียบ 

 

 

“เหอะ! ถ้าไม่ใช่เพราะหนูฝานซิงอยู่ด้วย วันนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะได้เห็นหน้าแกไหม!” 

 

 

หญิงชราเค้นหัวเราะเสียงเย็น สายตาเฉียบแหลมแจ่มชัดถึงที่สุด 

 

 

ป๋อจิ่งชวนนิ่งรับโดยปริยาย 

 

 

“คุณย่าไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ” 

 

 

“ไม่มีหรอก แค่ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นกับจะตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อขนาดนั้น! ฝานซิงเอาคืนแทนฉัน ตอนนี้ฉันมีความสุขสุดๆ ไปเลยล่ะ!” 

 

 

คิ้วสง่าของป๋อจิ่งชวนฉาบไปด้วยรอยยิ้ม 

 

 

“คุณย่ามีความสุขก็ดีแล้ว” 

 

 

หญิงชราเบ้ปาก “ฉันไม่ได้มีความสุขเพราะแกย่ะ เอาอะไรมามั่นใจนักหนาได้ฝานซิงมาเป็นภรรยาแล้วงั้นเหรอ” 

 

 

เขาไม่ตอบโต้ สีหน้าปกคลุมไปด้วยเงียบงัน 

 

 

“แกคิดว่าทำตัวจืดๆ ชืดๆ นิ่งๆ ขรึมๆ อยู่อย่างนี้จะจีบหนูฝานซิงติดเมื่อไหรล่ะ…โอ้พระเจ้า…หลานชายฉัน…อีกยาวไกลหนอยาวไกล…” 

 

 

หญิงชราสีหน้าปวดใจ หลานชายสองคนไม่มีใครได้ดั่งใจสักคน 

 

 

คนหนึ่งก็สำมะเลเทเมา ไม่เอาการเอางาน เอาแน่เอานอนไม่ได้! 

 

 

อีกคนก็รู้จักแต่งาน ไร้ชีวิตชีวา นอกจากเรื่องงานแล้วอย่างอื่นก็ไม่ได้เรื่อง อ่อนหัดเรื่องผู้หญิง! 

 

 

หญิงชรารำพึงรำพันอยู่คนเดียวบนรถ 

 

 

อย่างไรก็ตามยังคงได้ยินเสียงรบกวนจากภายนอกที่ดังเข้ามาในห้องโดยสาร 

 

 

อย่างที่เฉินฝานซิงเดาไว้ไม่ผิด จิตใจของป๋อจิ่งชวนนั้นเยือกเย็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร 

 

 

เมื่อพูดถึงโลกภายนอกแล้ว ขอแค่เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเธอ ต่อให้มีใครมีตายตกลงตรงหน้าเขา เขาก็คงไม่เหลียวมองและไม่เป็นเดือดเป็นร้อน 

 

 

ทว่าครั้งนี้ เขากลับได้ยินชื่อๆ หนึ่งที่ทำให้เขาไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ 

 

 

“ฝานซิง! ทำไมเธอถึงได้…” ซูเหิงตื่นตระหนก! 

 

 

ฝานซิง… 

 

 

สีหน้าของป๋อจิ่งชวนค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างน่าเกรงขาม สายตาก็ค่อยๆ ขุ่นมัวลงทีละน้อย 

 

 

“ทำไม อยากช่วยเธอเอาคืนเหรอ งั้นนายก็มาทุบรถฉันด้วยเอาไหมล่ะ” 

 

 

น้ำเสียงเย็นชาเหมือนสายน้ำดังขึ้น สายตาฉาบไปด้วยความเยือกเย็นและโปร่งใส เสนอไอเดียให้กับซูเหิงด้วยความ ‘หวังดี’ 

 

 

ซูเหิงมองเธอราวกับเธอเป็นคนแปลกหน้า! 

 

 

อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่เขากลับรู้สึกเหมือนว่าเขาและเฉินฝานซิงไม่เคยรู้จักกันมาก่อน! 

 

 

หลินเฟยเฟยเหวอไปกับฉากฉากนี้! 

 

 

กว่าเธอจะดึงสติกลับมาได้ก็เกือบครึ่งวันไปแล้ว เธอมองไปยังรถที่ถูกพังจนยับอย่างตื่นตะลึง 

 

 

แค่คิดว่าเมื่อกี้มันยังเป็นอดีตซูเปอร์คาร์เฟอร์รารี่ที่เคยสวยหรู แม้มันจะไม่ใช่ของของ เธอ แต่เธอก็ยังรู้สึกเจ็บจี๊ด! 

 

 

หันไปมองเฉินเชียนโหรวที่เจ็บปวดจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไฟโทสะก็สะกดไว้ไม่อยู่อีกต่อไป 

 

 

“เฉินฝานซิง เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ! คนก็ยังไม่ได้ชนเลยนะ ผมก็ยังไม่ร่วงลงมาสักเส้นด้วยซ้ำ พวกเราก็ยอมชดใช้ให้สองแสนแล้ว เธอยังจะเอาอะไรอีก!” 

 

 

เฉินฝานซิงค่อยๆ เบิกตาขึ้นจ้องมองไปยังหลินเฟยเฟยด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น 

 

 

“ยังไม่เข้าใจ? ฉันก็กำลังเตือนพวกเธออยู่ไง! เงินสองแสนกระจอกๆ ของพวกเธอ ซื้อไม่ได้แม้แต่ผมเส้นเดียวของคุณย่า!” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 68 หักแขนเธอมาให้ฉัน 

 

 

สิ้นประโยคนั้น หญิงชราที่นั่งอยู่บนรถก็ดีใจยกใหญ่! 

 

 

“โอ้โห แม่หนูฝานซิงของย่า สุดยอดจริงๆ เลย! ไหลหรงได้ยินไหม หนูฝานซิงกำลังบอกว่าฉันเป็นสิ่งสำคัญที่ประเมินค่าไม่ได้แหนะ!” 

 

 

“ได้ยินแล้วค่ะ นายหญิง” 

 

 

ไหลหรงยิ้มรับอย่างเอาใจ ในใจพลางคิดไปว่าจิตใจของหญิงชรานั้นเข้มแข็งนัก หากเมื่อกี้รถคันนั้นไม่จอดละก็ พวกเธอสองคนก็คงถึงฆาตไปแล้ว! 

 

 

ขาสองข้างของเธอยังอ่อนยวบอยู่เลย! 

 

 

หลังเฉินฝานซิงพูดกับหลินเฟยเฟยจบ ก็ได้เคลื่อนสายตาไปหยุดที่เฉินเชียนโหรว 

 

 

สายตาเพิ่มความขุ่นแค้นขึ้นทันใด 

 

 

“เฉินเชียนโหรว อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ในฐานะบุคคลสาธารณะ เธอเอาชีวิตคนอื่นมาเล่นสนุกแบบนี้ หากเรื่องมันแดงขึ้นมาเธอคิดว่าสังคมจะให้อภัยเธอ? หรือจะบอกว่ามีหลานอวิ้นคอยถือหาง แล้วเธอจะทำอะไรก็ได้!” 

 

 

น้ำเสียงของเฉินฝานซิงหนักแน่นกว่าทุกครั้ง เฉินเชียนโหรวแข็งทื่อไปทั้งตัว ยกมือขึ้นดึงหมวกบนศีรษะให้ต่ำลงอีกหน่อย 

 

 

ร่างกายก็พลอยสั่นหนักกว่าเก่า 

 

 

เรื่องนี้จะจริงจะเท็จก็ไม่อาจบอกได้ 

 

 

“ไปให้พ้น! ไปให้ห่างจากเรานะ! นังผู้หญิงต่ำช้า!” 

 

 

หลินเฟยเฟยเดือดถึงขีดสุด จู่ๆ เธอก็ยกมือขึ้นผลักเฉินฝานซิง 

 

 

เฉินฝานซิงถอยไปสองก้าวอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนเอวไปชนเข้ากับรถโรลส์-รอยซ์ของซูเหิงคันนั้น 

 

 

ความระบมแล่นเข้ามาจนใบหน้างดงามเรียบเฉยนิ้วหน้าด้วยความเจ็บปวด 

 

 

ดูเหมือนจะยังไม่สาแกใจ หลินเฟยเฟยจึงก้าวเข้าไปผลักเข้าที่ไหล่ของเฉินฝานซิงอีกครั้ง 

 

 

“ถอยไป! แกทำรถพี่ชายฉันสกปรก!” 

 

 

“เฟยเฟย!” 

 

 

ในที่สุดซูเหิงก็ทนดูต่อไปไม่ไหว เอ่ยปากปรามหลินเฟยเฟย 

 

 

เวลานี้ความเลือดเย็นได้ผุดขึ้นในดวงตาอันลึกล้ำของป๋อจิ่งชวน 

 

 

“อวี๋ซง” แม้แต่น้ำเสียงก็แทบจะทำให้อากาศกลายเป็นน้ำแข็ง 

 

 

อวี๋ซงตอบรับอย่างตึงเครียด “ครับ คุณผู้ชาย” 

 

 

“หักแขนผู้หญิงคนนั้นให้ฉัน! แล้วก็…พังรถคันนั้นให้ฉันด้วย!” 

 

 

เฉินฝานซิงไม่ได้มีไว้ให้ใครรังแก 

 

 

ฝานซิงสองคำนี้ พูดออกจากปากคนอื่นก็ฟังดูขัดหูสิ้นดี! 

 

 

“ครับคุณผู้ชาย!” 

 

 

อวี๋ซงรับคำอย่างไร้ข้อแม้ เขาหยัดกายขึ้น ใบหน้าเย็นชาหันมองมาทางนี้ 

 

 

อวี๋ซงเดินไปหยุดตรงหน้าเฉินฝานซิง เอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ 

 

 

“คุณหนูเฉิน ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” 

 

 

เฉินฝานซิงแหงนหน้ามองเขาแล้วค่อยๆ ทรงตัวขึ้น คิ้วสวยผูกเข้าหากันเล็กน้อย 

 

 

“คุณหนูเฉินเชิญไปพักตรงอื่นก่อนเถอะครับ ทางนี้ผมจัดการต่อเอง!” 

 

 

เธอเม้มปาก พยักหน้าเบาๆ 

 

 

เธอไม่รู้ว่าป๋อจิ่งชวนพูดอะไรกับเขา คิดแต่เพียงว่าพวกเขาไม่ควรไม่แยแสต่อนายหญิงสกุลป๋อที่เกือบเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ 

 

 

เห็นว่าเฉินฝานซิงได้เดินจากไปอย่างเงียบๆ เหลือไว้แค่เพียงอวี๋ซง ซูเหิงจึงได้รวบเฉินเชียนโหรวเข้ามาในอ้อมกอดด้วยสัญชาตญาณ 

 

 

อวี๋ซงเค้นหัวเราะในใจ เคลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่หลินเฟยเฟยที่อยู่อีกด้าน 

 

 

นัยน์ตาของเธอวูบไหว มองเขาด้วยสีหน้าหวาดระแวง จับซูเหิงที่อยู่ข้างๆ เอาไว้ ทำเป็นใจดีสู้เสือยกมือชี้หน้าอวี๋ซง น้ำเสียงแหลมสูงด้วยความตื่นกลัว! 

 

 

“แกจะทำอะไร ฉันเตือนไว้ก่อนนะ ถ้าแก…อ๊ายยย” 

 

 

หลินเฟยเฟยไม่ทันได้พูดจบ หญิงสาวก็ได้ระเบิดเสียงกรีดร้องอันแสบแก้วหูออกมาท่ามกลางฝูงชน 

 

 

เฉินฝานซิงชะงักเท้าลงหันแล้วมามอง ภาพที่เห็นคืออวี๋ซงที่กำลังหักไหล่ของหลินเฟยเฟยด้วยมือข้างเดียว ในขณะที่หลินเฟยเฟยกำลังโอดครวญเสียงแหลมอยู่นั้น เสียง กร๊อบแกร๊บ ดังขึ้นเบาๆ แม้จะไม่ได้ดังมากแต่กลับแว่วเข้าโสตประสาทของทุกคนได้อย่างชัดเจน