ตอนที่ 59 จดหมายสั่งเสียของมารดา

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

นับตั้งแต่ได้รับข้อความจากแม่นมหยางซึ่งอยู่ข้างกายหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ความกังวลครั้งสุดท้ายของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็หายไป นางสบายอกสบายใจ วันเวลาดูเหมือนจะผ่านไปเร็วขึ้นมาก ในพริบตาเดียวก็มาถึงวันที่ยี่สิบสามเดือนยี่ ห่างจากวันแต่งงานเพียงสามวันเท่านั้น

เมื่อยามราตรีย่างกรายใกล้เข้ามา ในที่สุดเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ทำห่านบินคู่นั้นเสร็จ หวงจิ่วได้ติดต่อช่างฝีมือไว้แล้ว พรุ่งนี้จะประกอบมันเป็นฉากกั้นได้ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับห้องของตนได้

เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่านางจะแยกเรือนอยู่กับซั่งกวนเจวี๋ยหลังแต่งงาน กล่าวกันว่าเรือนตะวันออกของตระกูลซั่งกวนมีขนาดใหญ่โตดังที่ช่าจื่อเคยกล่าวไว้ มีเรือนเก้าหลัง ที่ใหญ่ที่สุดคือเรือนไร้เดี่ยวกับเรือนมีคู่(เยี่ยนมี่เอ๋อร์อดเบ้ปากไม่ได้ ไร้เดี่ยวมีคู่หรือ? ชื่อไม่เห็นดีตรงไหน) ซั่งกวนเจวี๋ยอาศัยอยู่ในเรือนไร้เดี่ยว ส่วนภรรยาเอกของเขาจะอาศัยอยู่ในเรือนมีคู่ นี่เป็นกฎของตระกูลซั่งกวนที่มีมาหลายร้อยปี ทั้งสองเรือนใหญ่ที่สุดในเรือนตะวันออกจะต้องเป็นของลูกชายคนโตของตระกูลซั่งกวนและภรรยาเอกที่แยกกันอยู่โดยไม่มีข้อยกเว้น

เยี่ยนมี่เอ๋อร์เห็นด้วยกับกฎเหล่านี้ เพราะนางไม่รู้ว่าตัวเองจะยอมรับความเจ้าชู้ของซั่งกวนเจวี๋ยได้หรือไม่ และได้เตรียมการเพียงพอแล้ว หากหลังจากสองเดือนนับจากนี้ หากนางยังไม่อาจยอมรับซั่งกวนเจวี๋ยได้ นางจะไม่ห่วงเส้นผม ปลงผมออกบวช หนีไปต่างเมือง ต่อให้จะละเมิดคำสาบานก็ไม่อาจควบคุมนางได้

“คุณหนู นายท่านมาเจ้าค่ะ!” คำพูดของจื่อหลัวทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ประหลาดใจเล็กน้อย ท่านพ่อ? เขามาทำอะไร? ในที่สุดเขาก็เสร็จงานแล้วหรือ?

แม้จะไม่ได้ใส่ใจที่อยู่อาศัยของนายท่านเยี่ยนและคนในครอบครัว แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ยังรู้ว่านายท่านเยี่ยนทำอะไรในช่วงเวลานี้…เมื่อมาถึงลี่โจวในวันที่สอง นายท่านเยี่ยนก็เริ่มไปเยือนตระกูลผู้มีชื่อเสียงในลี่โจว และทุกตระกูลต่างให้เกียรตินายท่านเยี่ยนเป็นพิเศษเพราะคุณหนูห้าจากตระกูลเยี่ยนกำลังจะกลายเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซั่งกวน บางคนถึงกับเริ่มมาเยี่ยมเขาและจัดงานเลี้ยงต้อนรับเมื่อรู้ว่าพวกเขาไปเยี่ยมเยียนทุกที่ ทำให้นายท่านเยี่ยนรู้สึกว่าคุณค่าของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ในขณะเดียวกันก็ยุ่งมาก เขาจะมีเวลามาดูแลนางที่ไม่เคยสนใจมาก่อนได้อย่างไร?

นายท่านเยี่ยนเข้ามา ไม่ได้เห็นมาสองสามวัน ดูเหมือนเขาจะท้วมขึ้น แต่สภาพจิตใจค่อนข้างดี ถึงกับตื่นเต้นเล็กน้อย แต่สิ่งที่ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ประหลาดใจคือเขาถือกล่องเครื่องประดับอยู่ในมือ

“นายท่านเชิญนั่งเจ้าค่ะ!” ท่าทีของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่มีต่อบิดานั้นเหินห่างเหมือนเดิม ต่อให้จะแต่งงานเข้าตระกูลซั่งกวนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เชิญบิดานั่งลงอย่างสุภาพ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่รอให้นายท่านเยี่ยนเอ่ยพูด

“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับคุณหนูตามลำพัง” นายท่านเยี่ยนมองจื่อหลัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่ยากจะเห็น นี่เป็นครั้งแรกที่ช่าจื่อพบกับนายท่านเยี่ยน จื่อหลัวกับลู่หลัวก็ตกใจเบิกตากว้างเช่นกัน

“ไปเถิด” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่าจื่อหลัวกับลู่หลัวจะไม่มีทางจากไปหากตนไม่พยักหน้า

“นี่คือเครื่องประดับที่แม่ของเจ้าทิ้งไว้ให้เจ้า ข้าเคยสัญญากับนางว่าจะมอบมันให้เจ้ายามที่เจ้าออกเรือน” นายท่าน  เยี่ยนมองสาวใช้สองสามคนที่เดินออกไป แล้วยื่นกล่องเครื่องประดับที่ถือไว้ในมือแน่นให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ประหลาดใจมากจริงๆ นางไม่เคยคิดว่ามารดาจะทิ้งของไว้ให้ตนแล้วมอบให้บิดาเก็บรักษาไว้ และยิ่งไม่เคยนึกเลยว่าบิดาจะมอบมันคืนให้อย่างไม่บุบสลาย แทนที่จะฮุบเก็บเป็นของตน

“จริงๆ แล้วในกล่องมีเครื่องประดับเพียงชุดเดียว ข้าเห็นแม่ของเจ้าเคยใส่อยู่ครั้งหนึ่ง งดงามยิ่งนัก!” นายท่านเยี่ยนทำท่าทำทางให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์เปิดกล่อง ในนั้นมีชุดเครื่องประดับหยกมุกสีทับทิม แม้พอจะรู้ได้จากคำพูดของนายท่านเยี่ยน เครื่องประดับชุดนี้อาจจะเก่าแก่โบราณ แต่ความแวววาวดูเหมือนจะใหม่เอี่ยมอ่อง

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่เคยเห็นเครื่องประดับชุดนี้มาก่อน จึงแปลกใจไม่น้อย ดูจากรูปแบบแล้วน่าจะเป็นช่างฝีมือที่มีชื่อเสียง เป็นไปได้ไหมที่มารดาจะนำมาจากเซิ่งจิง? จู่ๆ เยี่ยนมี่เอ๋อร์พลันเกิดความคิดนั้น

“ในนั้นยังมีจดหมายที่แม่เจ้าเขียนเองอีกฉบับหนึ่ง นางบอกว่า ให้ข้ามอบให้เจ้าก่อนแต่งงานสามวัน ให้เจ้าอ่านเพียงแค่คนเดียว” เมื่อเล่าถึงตรงนี้นายท่านเยี่ยนดูเคร่งขรึม สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังแบบที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ยังมีอีกหรือไม่เจ้าคะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ราวกับจะหลุดจากการควบคุมของตน นายท่านเยี่ยนผู้ดูแปลกหน้าในขณะนี้ทำให้นางอยากเข้าใกล้ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตัวสั่นเทา เป็นภาพลวงตาที่น่าพรั่นพรึงเสียเหลือเกิน

“ข้าจะเห็นเจ้าเป็นฝั่งเป็นฝาในอีกสามวัน นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่แม่ของเจ้ามอบให้” นายท่านเยี่ยนกล่าวว่า “ในตอนนั้น ข้าถึงจะได้ทำตามคำขอของแม่เจ้าเรียบร้อย หากในอนาคตได้พบนางในปรโลก จะได้บอกนางอย่างเต็มปากเต็มคำ”

“มีเท่านี้หรือเจ้าคะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์สูญเสียการควบคุมอารมณ์เล็กน้อยอย่างกะทันหันแล้วเอ่ยถามว่า “แม่ให้ท่านดูแลข้าอย่างดีไม่ใช่หรือ?”

“ไม่เลย!” นายท่านเยี่ยนกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “แม่เจ้าเคยบอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า แม้จะเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ไม่อนุญาตให้ข้าแทรกแซง ข้าจึงไม่ได้ละเมิดคำสั่งเสียของนาง”

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตกตะลึง ไม่นึกเลยว่ามารดาจะมีคำฝากฝังเช่นนี้? เป็นไปได้อย่างไร? นั่นคือมารดาที่รักตัวเองและต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ให้นาง

“เจ้าควรอ่านจดหมายนี่เสีย ข้าต้องไปแล้ว” นายท่านเยี่ยนหยัดกายขึ้น ในขณะนั้น เขามองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ด้วยสายตาเมตตาอารีมากกว่าในยามปกติ

“ท่านเคยรักท่านแม่บ้างหรือไม่เจ้าคะ?” เมื่อมองด้านหลังของนายท่านเยี่ยนที่อ้วนท้วม เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดนางถึงถามคำถามที่ไร้สาระเช่นนี้ออกไป

“ถ้าไม่รักละก็ ข้าจะไม่ดูไท่ไท่วางยาพิษเจ้าและไม่แทรกแซงเพราะคำพูดของนาง” นายท่านเยี่ยน หยุดฝีเท้าชั่วครู่ พูดบางอย่างที่ทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ทั้งเศร้าและมีความสุข คล้อยหลังก็จากไปโดยไม่หยุดแล แต่เงาหลังนั้นไฉนจึงดูเสียหน้าเล็กน้อยและหนีเตลิดไป

ถึงนายท่านเยี่ยนจะพูดแบบนั้นออกมาจริงๆ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็มีเสียงหลอนในหูอยู่พักหนึ่ง ‘คาดไม่ถึงว่าแม่จะมอบชุดเครื่องประดับนั้นให้นายท่านเยี่ยนซึ่งเป็นคนโลภเงิน เจ้าชู้และไม่สนใจไยดีเราสองแม่ลูก’ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ค่อนข้างรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้เกินความคาดหมาย ทว่าที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือนายท่านเยี่ยนซึ่งรู้เพียงแค่เรื่องผลกำไรเท่านั้นได้พูดบางคำที่กินใจออกมาได้ ราวกับอัสนีบาตฟาดเปรี้ยงก็ไม่ปาน

เมื่อตั้งสติได้ ก็ไล่บรรดาสาวใช้ที่กลับมาในห้องให้ออกไปอีก เยี่ยนมี่เอ๋อร์หายใจเข้าลึก แล้วเปิดจดหมายของมารดา ถ้ามารดาบอกว่านางไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของนายท่านเยี่ยน เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ไม่แปลกใจ!

สีและน้ำหมึกของกระดาษจดหมายนั้นทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์แน่ใจว่าจดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นเมื่อสามสี่ปีก่อนแน่นอน ความเป็นไปได้ที่นายท่านเยี่ยนจะหาคนเลียนแบบลายมือของมารดาได้คงยากนัก ขณะที่ตัวอักษรอันสละสลวยของมารดาสะท้อนเข้าสู่ม่านตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ นัยน์ตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ปวดบวมอยู่สักพัก แต่นางควบคุมอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว แล้วอ่านต่อไป

คำสั่งเสียจากแม่

มี่เอ๋อร์ เมื่อได้รับจดหมายฉบับนี้เจ้าประหลาดใจหรือไม่? ข้าเองคิดว่าเยี่ยงนั้น! คงไม่มีใครคิดว่าข้าจะให้จดหมายสำคัญเช่นนี้กับพ่อของเจ้า เจ้าเองก็คงคิดไม่ถึง แม่นมฉินคาดไม่ถึง เซียงหลิงนึกไม่ถึง แม้แต่ป้าโม่ก็อาจจะคิดไม่ออก

แต่ในระหว่างที่ข้าจะสิ้นใจ อยากจะฝากสิ่งสำคัญที่สุดไว้ให้เจ้า คนเดียวที่ข้าไว้ใจได้กลับมีแต่พ่อของเจ้า คนสารเลวที่มีกลิ่นทองแดงของผู้มีอันจะกินแพร่กระจายออกมาจากตัว ในดวงตาฉายแววโลภโมโทสัน มักมากจนติดเป็นนิสัย คนรวยที่เกียจคร้าน! คาดไม่ถึงและชวนน่าขันใช่หรือไม่? แต่มี่เอ๋อร์ พ่อเจ้าเป็นพ่อค้าวาณิชที่คิดสะระตะทุกกระเบียดนิ้ว เป็นพ่อค้าที่ทำทุกอย่างเพื่อผลกำไร ในสายตาของพ่อค้า ทุกอย่างวัดได้ด้วยเงินทอง แต่พ่อค้าที่ประสบความสำเร็จ ล้วนมีคุณสมบัติหนึ่งที่หายากนั่นคือความซื่อสัตย์ พ่อเจ้าเองก็เช่นกัน! สิ่งเดียวที่พ่อเจ้าทำให้ข้าชื่นชมได้ก็คือจุดนี้ ดังนั้นตอนที่ข้ามอบสิ่งเหล่านี้และจดหมายฉบับนี้ให้เขา ข้าเชื่อมั่นว่าเขาจะมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับเจ้าเช่นเดิม

มี่เอ๋อร์ แม่ไม่แน่ใจว่าเจ้าจะพอใจกับการแต่งงานที่จัดให้เจ้ายามที่แม่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ แต่เมื่อเจ้าอ่านจดหมายฉบับนี้ เจ้าต้องทำตามที่แม่จัดเตรียมไว้ และโปรดรู้ไว้ว่าแม่ไม่พอใจกับการแต่งงานครั้งนี้ แต่แม่ก็คิดจะไม่ล้มเลิกมัน จึงมอบอำนาจตัดสินใจขั้นสุดท้ายของการแต่งงานครั้งนี้ไว้ในมือของป้าโม่ ข้าบอกนางว่า มี่เอ๋อร์เป็นลูกสาวของเรา ความสุขในอนาคตของนางได้ฝากฝังไว้กับท่านเท่านั้น! ในเวลานั้น นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความขัดแย้งและสับสน…

แม้ข้าจะไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้กับใครหรือแม้กระทั่งช่วยนางปกปิดเรื่องนี้ก็ตาม แต่ชาติกำเนิดของป้าโม่นั้นน่าจะลึกลับมาก ข้าคิดว่านางอาฆาตแค้นกับตระกูลซั่งกวนที่ไม่ธรรมดานั้น

มี่เอ๋อร์แปลกใจหรือไม่? เหตุใดแม่ถึงพูดเช่นนี้? ดูเหมือนจะไม่มีมูลความจริง แต่มี่เอ๋อร์ ตัวป้าโม่มีเรื่องราวที่น่าสงสัยมากเหลือเกิน สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดคือเวลาที่นางปรากฏตัว นางมีความสามารถที่คาดเดาไม่ได้ทว่าชั่วร้าย และตอนที่เจ้ายังเด็กมาก นางก็เริ่มชักจูงเจ้า

ต้นไม้ตายมักเริ่มต้นจากรากเสมอ ความเสื่อมโทรมของตระกูลหนึ่งมักเริ่มต้นจากภายใน ทุกๆ ตระกูลของชนชั้นสูงต่างพยายามป้องกันไม่ให้เกิดสิ่งเหล่านี้อย่างเต็มที่ จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวกับลูกชาย โดยเฉพาะลูกชายคนโตจากภรรยาเอกที่จะสืบทอดกิจการของครอบครัว จึงจำเป็นต้องให้ความรู้อย่างกวดขัน มิฉะนั้นจะได้ลูกชายคนโตที่ไม่มีคุณสมบัติมากพอจะเป็นผู้นำครอบครัวและท้ายที่สุดจะพาไปสู่ความวอดวาย ในทางกลับกัน หากภรรยาเอกของลูกชายคนโตที่ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม ก็จะนำหายนะที่ไม่อาจคาดคิดมาสู่ครอบครัวได้เช่นกัน ป้าโม่เริ่มปลูกฝังสิ่งชั่วร้ายแก่เจ้าตั้งแต่ยังเยาว์วัย ถ้าไม่ใช่เพราะมีความแค้นเคืองกับตระกูลซั่งกวนแล้วจะเป็นอะไรไปได้เล่า? ถ้าเจ้าเติบโตมาตามที่นางอบรมสั่งสอนจริง ได้แต่งเข้าตระกูลซั่งกวนแล้วละก็ เจ้าจะสร้างปัญหาได้ ต่อจะไม่ปล่อยให้ตระกูลซั่งกวนตกต่ำลง ทว่าก็จะถูกตระกูลอื่นเอาเปรียบแทนได้ ป้าโม่นั้นเป็นสตรีที่ปราดเปรื่องไม่น้อย นางมีสติปัญญาไม่ด้อยไปกว่าข้า แต่น่าเสียดาย…ถึงแม้นางมีพลังแข็งแกร่งมากกว่าข้า แต่กลับขาดความรอบคอบและร้ายกาจเยี่ยงข้า

มี่เอ๋อร์ยิ้มออกหรือไม่? ใช่แล้ว แม่ยอมรับว่าเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจจริงๆ แต่ข้าถูกบังคับให้บีบเค้นให้เป็นหน้าเนื้อใจเสือและข้าไม่อาจพูดได้ว่าตัวเองเป็นคนที่อำมหิตที่สุด เพราะมีคนเช่นนี้อีกที่ถ้าเขากล้าบอกว่าตัวเองใจดี นั่นคือไม่มีคนชั่วในใต้หล้า หากเขาเต็มใจยอมรับว่าตัวเองโฉดชั่วทว่าตกเป็นรองผู้อื่น ก็ไม่มีใครกล้าจะเป็นอันดับหนึ่ง

ดังนั้น แม่จึงเฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบๆ มาตลอด ดูเจ้าที่ใบหน้าไร้เดียงสาและอยากรู้อยากเห็นแล้วจึงขอติดตามนางเพื่อเรียนรู้สิ่งแปลกพิสดารเหล่านั้น ข้าไม่ได้ห้าม เพียงแต่ชี้แนะเจ้าอย่างมีสติ ไม่ปล่อยให้เจ้าหลงระเริงไปกับมัน ส่วนเจ้าใช้เสน่ห์ของตนจนป้าโม่เองก็เกิดความรู้สึกบางอย่างโดยไม่รู้ตัว เพราะคนหาใช่ต้นหญ้าตอไม้จะไร้ความปรานี หลังจากผ่านไปหลายปี นับประสาอะไรกับนางที่ยังเป็นคนมีเลือดเนื้อจิตใจอยู่ ต่อให้นางจะเป็นน้ำแข็งพันปีสามารถหลอมละลายลงได้! ข้าคิดว่าป้าโม่ไม่สามารถบอกได้ว่านางห่วงใยเจ้าจากใจจริงหรือแค่หลอกใช้ประโยชน์ ดังนั้นแม่จึงเพิ่มกุญแจลั่นดาลให้นาง ฝากฝังเรื่องใหญ่โตของเจ้าไว้ให้นาง

พ่อเจ้าเคยบอกว่าข้าเป็นนักพนันที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา! ข้ามอบชั่วชีวิตของข้าให้กับพ่อค้าที่อ้วนเป็นตุ่มสามโคก ให้เขามีภรรยาเอก มีลูกกลุ่มหนึ่ง และมีเพียงเงินในสายตาของเขา และข้ายังให้ลูกสาวคนโปรดหรือจะบอกว่ารักดั่งแก้วตาดวงใจไว้กับผู้หญิงที่ดูจะมีแต่ความชิงชังในสายตาคอยดูแล ถึงอย่างนั้นพ่อของเจ้าไม่เคยทำให้ข้าผิดหวังเลย ข้าชนะพนัน และเมื่อเจ้าอ่านจดหมายฉบับนี้อีกครั้ง ข้าอาจจะชนะพนันอีกครา แน่นอนว่าอาจจะพ่ายแพ้ก็เป็นได้ แต่ข้ายังมีอำนาจและโอกาสที่จะอวดเก่งได้ใช่หรือไม่?

มี่เอ๋อร์…หากเจ้าได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าป้าโม่ไม่ได้ทำลายสัญญาการแต่งงานกับตระกูลซั่งกวน แม่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่แม่ไม่ยอมให้เจ้าเป็นดาบคมกริบให้คนอื่นยืมแก้แค้น ฉะนั้นเจ้าต้องกำจัดความเกลียดชังที่ป้าโม่มีต่อตระกูลซั่งกวนออกไป เจ้าเป็นลูกสาวของข้า สืบทอดทุกอย่างจากข้า ทั้งความงาม ความฉลาดและความเมตตาที่ก่อหายนะมาถึงตัวข้า รวมถึงความเสแสร้ง ร้ายกาจ เห็นแก่ตัวและอำมหิตที่ข้าได้เรียนรู้หลังจากดิ้นรนขึ้นจากขอบเหวของการถูกหลอกใช้ และเจ้ายังได้เรียนรู้วิชาจากป้าโม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เพียงพอจะทำให้เจ้ามีที่ยืนในตระกูลใดก็ได้ ส่วนแม่ขาดวรยุทธ์และยังไม่อาจแก้ปัญหาสำคัญด้วยสติปัญญาได้ แต่เจ้าสามารถใช้วรยุทธ์ที่เรียนรู้มามาแก้ไขได้ ดังนั้นตราบใดที่เจ้าละทิ้งความเคียดแค้นของป้าโม่ได้ เจ้าก็จะมีความสุข ส่วนสิ่งที่แม่เสียใจที่สุดคือไม่ได้ทันเห็นเจ้ามีความสุข ดังนั้นเจ้าโปรดมีความสุข…เมื่อเจ้ามีความสุขเท่านั้น แม่ถึงจะนอนตายตาหลับได้

มี่เอ๋อร์ นอกจากเรื่องป้าโม่แล้ว ยังมีบางสิ่งที่แม่อยากให้เจ้าจดจำไว้ขึ้นใจ!

ประการแรก ไม่ต้องเชื่อเซียงหลิง! แปลกใจมากหรือไม่? นางเป็นสาวใช้ประจำตัวแม่ที่สนิทสนมกันเหมือนพี่น้อง นางไม่เคยห่างจากแม่แม้แต่น้อย แต่แม่ไม่อาจเชื่อใจนางได้ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ แม่ต้องเอ่ยถึงอดีตที่เหลือทน แม่เคยเป็นหญิงงามแห่งใต้หล้า และขณะนั้นเป็นคนรักของอ๋องเหยี่ยนซึ่งเป็นน้องชายร่วมสายโลหิตของโอรสสวรรค์ ในปีนั้นเองอ๋องเหยี่ยนต้องการใช้ชาติบ้านเมืองไปหมั้นหมายหญิงสาว มี่เอ๋อร์ เจ้าจงจำไว้อย่างหนึ่ง คนที่ไม่น่าไว้วางใจที่สุดในโลกคือ ‘ขุนนาง’ แม้กระทั่งเหล่าฮ่องเต้และท่านอ๋องล้วนก็เป็นขุนนางเช่นกัน สำหรับพวกเขาแล้วทุกอย่างขายได้ รวมทั้งตัวพวกเขาเองด้วย

เจ้ารู้หรือไม่ว่าสาเหตุที่อ๋องเหยี่ยนก่อกบฏในตอนนั้นก็เพราะข้างดงามเกินไป เวลานั้นนอกจากชาติบ้านเมืองแล้ว ก็ยังไม่มีสิ่งไหนเหมาะสมจะเป็นของขวัญหมั้นหมายแก่ข้า เขาต้องการยึดชาติบ้านเมืองเพื่อให้ข้าได้ครอบครองทั้งหมด อาจจะฟังเหลือเชื่อ…ทว่ามี่เอ๋อร์เจ้ายังจำคำที่ข้าพูดได้หรือไม่ว่า คนที่เต็มไปด้วยข้อบกพร่องจะควบคุมยากที่สุด เพราะเจ้าไม่มีทางรู้เลยว่าหนึ่งในข้อบกพร่องของเขานั้นแย่เพียงใด ในทางตรงกัน คนที่มีข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวนั้นจะควบคุมได้ผลดีที่สุด เพราะมันจะเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ถึงตายได้เช่นกัน ข้าจึงอยากให้เจ้าบ่มเพาะข้อบกพร่องไว้อย่างหนึ่งอยู่เสมอ แล้วเก็บงำซ่อนเร้นมันไว้อย่างดี เพื่อให้คนที่มีหัวใจสามารถค้นพบและเข้าใจได้ ในช่วงวิกฤติมันจะทำให้ศัตรูของเจ้าเข้าใจผิดและทำให้เจ้าได้เปรียบ เจ้าจะเบิกตากว้างในเวลานั้น และพูดด้วยความชื่นชมยินดีว่า ‘ท่านแม่ร้ายกาจจริงๆ!’ แต่เจ้าคงไม่รู้ว่าความร้ายกาจนี้ทำให้แม่รอดตายจากภัยพิบัติมาได้ บางทีอ๋องเหยี่ยนอาจจะชอบข้าแต่ก็เท่านั้นเอง ความหลงใหลได้ปลื้ม คำพูดที่หยิ่งผยองของเขาว่าจะเอาชาติบ้านเมืองมาเป็นของหมั้น เขายอมสาบานทุกอย่างเพื่อข้า แค่แสดงให้ผู้คนเห็นว่าเขารักข้ามากเพียงใดก็เท่านั้นเอง ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไม่มีส่วนใดของอ๋องเหยี่ยนที่ไม่สมบูรณ์ ล้วนสมบูรณ์แบบจนถึงขั้นมิอาจหาสิ่งใดเปรียบได้ เขาไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่น้อย นอกจากความหลงใหลในตัวข้า!

ดังนั้น เมื่อเขารุกต่อไปทีละก้าว ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหรือองค์รัชทายาทในเวลานั้นจึงจับข้าเป็นตัวประกันโดยไม่ต้องคิด เจ้ารู้หรือไม่ว่าอ๋องเหยี่ยนกล่าวว่าอย่างไร? เขาบอกว่าเขารักข้าอย่างสุดซึ้ง เขาจะทิ้งตำแหน่งไว้เป็นที่ระลึกถึงข้าหลังจากขึ้นบัลลังก์ ขอให้ข้าตายด้วยรอยยิ้ม! ในตอนนั้นเองที่ข้าตระหนักได้ว่า อ๋องเหยี่ยนเพียงแค่ผลักดันให้ข้าไปสู่สายตาของทุกคน ใช้ข้ามาปกปิดความทะเยอทะยานและข้อบกพร่องร้ายแรงของเขา และข้าก็เป็นเพียงเหยื่อที่เขาหลอกใช้เท่านั้นเอง

เซียงหลิงเป็นสาวใช้ส่วนตัวของข้า และครั้งหนึ่งเคยเป็นคนที่ข้าไว้ใจมากที่สุด แต่เมื่อข้าออกจากเซิ่งจิง ข้าก็รู้ทันทีว่านางมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับอ๋องเหยี่ยน ดังนั้นข้าจึงไม่เคยไว้ใจนางจริงๆ  ข้ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ในปีนั้นที่อ๋องเหยี่ยนสิ้นพระชนม์ดูจะเป็นข่าวปลอม หลังจากที่ข้าทำข้อตกลงเรื่องการแต่งงานของเจ้ากับซั่งกวนเจวี๋ยผ่านหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ เซียงหลิงก็แสดงความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่ นางเสนอตัวเป็นแม่งาน อยากจะเป็นแม่นมของเจ้า นายท่านจึงออกหน้าปฏิเสธนาง ต่อมาป้าโม่ก็เข้ามา ข้ายอมยกเจ้าให้ป้าโม่ที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า ดีกว่าจะปล่อยให้เซียงหลิงเข้าใกล้เจ้า เพราะคนคนนี้รอบจัดเกินไป ข้าไม่เคยเห็นนางกระทำสิ่งใดอย่างจริงใจเลยสักครั้ง เมื่อนางมีโอกาสเข้าใกล้เจ้า นางจะหลอกใช้เจ้ามากขึ้นเพื่อควบคุมตระกูลซั่งกวน ข้าเคยบอกป้าโม่เรื่องเซียงหลิงแล้วแต่ไม่รู้ว่านางเคยเอ่ยถึงกับเจ้าหรือไม่ เดิมทีแม่อยากกำจัดเภทภัยนี้ออกไป แต่แม่ไม่แน่ใจว่าจะป้องกันการปรากฏตัวของคนที่เกี่ยวข้องได้ดีเพียงใด ดังนั้นจึงเก็บนางไว้

ประการที่สอง มี่เอ๋อร์ อย่าพยายามสร้างความวุ่นวายอะไรในตระกูลซั่งกวน ตระกูลซั่งกวนเป็นตระกูลที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน เบื้องหลังของตระกูลที่ดำรงอยู่ได้เป็นหลายร้อยหรือหลายพันปีล้วนมีอำนาจที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ สิ่งที่ปรากฏในสายตาชาวยุทธภพเป็นเพียงส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็ง หากเจ้าชอบซั่งกวนเจวี๋ย ก็คงใช้ชีวิตร่วมกับเขาอย่างสุขสบายใจ แม้การแต่งงานกับซั่งกวนเจวี๋ยจะทำให้ตระกูลจง อ๋องเหยี่ยนหรือราชวงศ์สนใจเจ้า คิดเข้าหาเจ้าและหลอกใช้เจ้า ต่อให้พวกเขาจะหาเรื่องมาให้เจ้าและคิดจะทำให้เจ้าพะว้าพะวังมากขึ้น ทว่าตระกูลซั่งกวนจะปกป้องเจ้าอย่างเต็มที่ หากเจ้าไม่ชอบซั่งกวนเจวี๋ย มี่เอ๋อร์เจ้าต้องจดจำไว้อย่างหนึ่งว่า เจ้าต้องหาครอบครัวธรรมดาหรือหาลูกหลานของตระกูลขุนนางที่แข็งแกร่งมากพอ มิฉะนั้นชีวิตของเจ้าจะถูกควบคุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม่ขอให้เจ้าเรียนรู้สิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นกับป้าโม่ เพียงเพื่อให้เจ้ามีไพ่ไม้ตายมาป้องกันตัวเอง เซียงหลิงอาจรู้เรื่องนี้ แต่ข้าก็ไม่กระจ่างแจ้งนัก ฉะนั้นเจ้าต้องไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับนางจึงจะดีที่สุด

มี่เอ๋อร์ อย่าลืมกลเม็ดเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นที่แม่สอนเจ้าเด็ดขาด! ความสุขไม่ได้หล่นลงมาจากท้องฟ้า มันต้องมีการจัดการและวิธีการ หากเจ้าอยู่ในตระกูลซั่งกวนก็ต้องผูกสัมพันธ์ซั่งกวนเจวี๋ยไว้ให้แน่น เพื่อให้ทั้งครอบครัวซั่งกวนชอบเจ้า ข้าเชื่อว่าลูกน้อยของข้าจะทำสิ่งนี้ได้อย่างสบายใจ

สุดท้าย มี่เอ๋อร์ หากเจ้าอับจนหนทาง จงอย่าลืม เจ้ายังมีพ่อ!

เจ้ากังขาอยู่หรือไม่ รู้สึกว่าแม่ล้อเล่นหรือไม่? มี่เอ๋อร์ เจ้าอาจไม่เคยรู้จักพ่อของเจ้า ในสายตาของเจ้า แม่แต่งงานกับเขาเพียงเพราะความจนใจ และแม่ดูเหมือนจะไม่รักเขาเลยใช่หรือไม่?

ถ้าเป็นเช่นนั้น มี่เอ๋อร์เจ้าเข้าใจผิดแล้ว…แม่ทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุดคือการแต่งงานกับพ่อของเจ้า เขามีข้อบกพร่องและจุดด้อยทุกรูปแบบ แต่เขาจะไม่เป็นคนที่ทอดทิ้งลูกเมียเพื่อแลกกับผลประโยชน์เด็ดขาด เขาเป็นลูกผู้ชายโดยแท้จริง! เขาเป็นคนโลภ เจ้าชู้ประตูดิน เห็นประโยชน์หลงลืมมโนธรรม และเป็นคนรวยสันหลังยาว…ผู้ชายเกือบทุกคนมีกมลสันดานชั่วช้า เขาเองก็มี แต่เขาก็มีข้อดีของลูกผู้ชายที่ยอดเยี่ยมและน่านับถือที่สุดด้วยเช่นกัน นั่นคือความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบ เขาไม่เคยผิดสัญญากับข้า และเขาจะไม่ทอดทิ้งภรรยากับลูกๆ ไม่ว่าเวลาใดก็ตามโดยเฉพาะในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ดังนั้น มี่เอ๋อร์ หากมีวันหนึ่งเจ้ามาถึงทางตันแล้ว เขาจะใช้ร่างกายอันอัปลักษณ์อ้วนฉุมาปกป้องเจ้าจากลมฝนอย่างแน่นอน

ข้ายังสัญญากับเขาว่าถ้าชาติหน้ามีจริง ข้าจะแต่งงานกับเขาอีก การใช้ชีวิตร่วมกับเขา ไม่มีดอกไม้สว่างนวลใต้แสงจันทร์…เขาบอกว่าดูดอกไม้เป็นเรื่องของผู้หญิง ส่วนเขารู้เพียงว่าผู้ชายที่ทำร้ายดอกไม้นับว่าเลวยิ่งนัก สำหรับดวงจันทร์…หากไม่ใช่เทศกาลไหว้พระจันทร์ จะชมแสงจันทร์ก็นับว่ายากแล้ว ระหว่างข้ากับเขาไม่ใช่สามีภรรยาที่รักใคร่กันราวกับดนตรีสอดประสาน…เขาดีดพิณไม่เป็นก็ช่างเถอะ แต่พอฟังข้าเล่นพิณก็เริ่มหาวนอนและไม่ยอมแสร้งชมแม้แต่น้อย ไม่มีสัญญาว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลาย เขาบอกว่าเขาหาเงินทองเลี้ยงดูครอบครัวได้จะไม่ปล่อยให้ข้าอดอยากหิวโหย แล้วบอกว่าของพวกนั้นไร้ค่าจะเอามาทำอะไรได้? เขารู้แค่ว่าอะไรที่ทำเงินได้ ยุคสมัยเป็นอย่างไร เวลานั้น ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงสีทอง เป็นผู้ที่โลภหลงเงินตราอย่างถึงที่สุดและหยาบกระด้าง ข้าเองก็ไม่เคยคิดฝันว่า ข้าจะมีชีวิตเรียบง่ายเช่นนี้แต่มี่เอ๋อร์แม่กลับมีความสุขยิ่งนัก

แม่สอนพิณ หมากล้อม เขียนพู่กันจีนและการวาดภาพให้เจ้า เพียงเพื่อให้เจ้าได้มีอะไรไว้พูดคุยบ้าง มีพรสวรรค์ติดตัวพอจะคบหากับผู้ที่แสร้งทำดีและผู้ที่ถือว่าตนเป็นสตรีชนชั้นสูง แต่จะไม่ทำให้เจ้าเปลี่ยนเป็นคนที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก หึ! อยากละทางโลกงั้นหรือ? แล้วทำไมไม่ตกตายไปเสียเล่า? สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงของจอมปลอม สิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริงของชีวิตคืองานเย็บปักถักร้อยที่ทิ่มแทงจนมือพรุน เป็นนายหญิงที่จัดการงานบ้านงานครัวและคุมบัญชีที่เปื้อนทองแดง คิดแต่จะหาผลประโยชน์เท่านั้น นั่นคือสิ่งที่จะทำให้เจ้าตั้งหลักได้อย่างมั่นคง ชีวิตไม่ใช่บทกวี สำนวนสละสลวยหรือคำพูดจาที่ไพเราะ แต่เป็นข้าวปลาอาหารในชีวิตประจำวัน หากไม่มีเงินทอง ไม่ได้ดูแลครอบครัว ก็ล้วนว่างเปล่า หลังจากแก่ตัวลงแล้วพรสวรรค์เหล่านั้นจะเป็นภาระ เป็นหลักฐานว่าดำเนินชีวิตไม่ถูกต้อง มีเพียงกิจการของครอบครัวที่อยู่ในมือเท่านั้นที่เป็นของจริง!

ว่ากันว่าซั่งกวนเจวี๋ยเป็นคนดีมาก ป้าโม่ยังบอกอีกว่าจะไปพบเขา ดูว่าเขาคู่ควรกับลูกที่เราทั้งสองได้ทุ่มเทเลี้ยงดูทั้งกายและใจหรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่มี่เอ๋อร์…เมื่อนางพูดคำนี้ ข้ารู้ว่าในขณะนั้น นางได้ไร้ซึ่งความเกลียดชังหรือเคียดแค้นในหัวใจแล้ว หลงเหลือเพียงความรักของมารดาเท่านั้น

มี่เอ๋อร์ แม่จะจากไปแล้ว ไม่อาจอยู่เคียงข้างเจ้าได้อีกต่อไป เจ้าต้องมีชีวิตที่ดี หากชาติหน้ามีจริง เจ้ายังคงเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่สุดของแม่ ทั้งยังมีนายท่านที่มุทะลุดุดันแต่ปกป้องเราจากลมฝนได้ เจ้าจะต้องมีความสุขเป็นแน่!

ถ้าซั่งกวนเจวี๋ยดีพอ จะบอกให้เขารู้ความลับส่วนใหญ่ของเจ้าก็ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แม่นมฉินไม่มีปัญหา แต่นางอายุมากแล้ว เจ้าอย่าให้นางทำงานหนักเกินไป จะต้องให้นางใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขให้ได้

มี่เอ๋อร์ ต้องทำลายจดหมายหลังจากอ่านแล้ว อย่าทิ้งร่องรอยเอาไว้ รักษาตัวด้วย ลูกสาวของข้า!

คำสั่งเสียของแม่

เยี่ยนมี่เอ๋อร์หยิบฝาครอบตะเกียงออก วางกระดาษจดหมายลงบนเปลวเทียน แล้วมองดูมันไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า หัวใจของนางว่างเปล่า นั่งอยู่อย่างนั้นไม่ไหวติง…

———————————-