เสนาบดีกู้ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง หม่ากงกง*ก็นำพระราชโองการวางลงบนมือของเขา จากนั้นก็นำตำลึงทองเต็มถุงใบหนึ่งเดินจากไปอย่างเกรียงไกร

เสนาบดีกู้มองพระราชโองการบนมือ และมองไปยังหม่ากงกงที่เดินจากไปอีกครั้ง ด้วยความไม่สบายใจภายใน

ฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยแน่วแน่ว่าจะพระราชทานให้ชูหน่วนอภิเษกสมรสกับหานอ๋อง พวกเขาไม่เห็นด้วยไม่ได้ ดูท่าศึกสงครามระหว่างฮ่องเต้และหานอ๋องก่อนหน้า จะร้ายแรงกว่าที่เขาคาดคิดไว้เสียแล้ว

ในห้องทรงอักษร เสนาบดีกู้อ่านพระราชโองการด้วยท่าทางเหม่อลอย อู่อี๋เหนียงยกซุปเห็ดหูหนูขาวถ้วยหนึ่งเข้ามา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “นายท่าน ยังคิดเรื่องพระราชโองการอีกหรือเจ้าคะ”

“อื้อ” น้อมรับพระราชโองการเป็นการดูหมิ่นเกียรติหานอ๋อง ไม่น้อมรับพระราชโองการก็เป็นการดูหมิ่นเกียรติฮ่องเต้ ไม่ว่าด้านใด เขาก็มิอาจดูหมิ่นได้

อู่อี๋เหนียงกลอกตาไปมา ก่อนกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ “ได้ยินมาว่าหานอ๋องประสบกับการลอบสังหารเมื่อไม่นาน ทำให้พิษเก่ากำเริบ บัดนี้ไม่ว่าจะยังยั้งอย่างไรก็เอาไม่อยู่ เกรงว่าปีนี้คงจะไม่รอดแล้ว ส่วนฮ่องเต้ก็ยังเพลิดเพลินกับช่วงวัยเยาว์ ทั้งยังได้อภิเษกสมรสกับองค์หญิงที่ฮ่องเต้ชูโปรดปรานที่สุดมาเป็นพระชายา อำนาจก็เกื้อหนุน หากต้องดูหมิ่นใครคนหนึ่ง สำหรับหม่อมฉัน มิสู้ดูหมิ่นหานอ๋องเสียยังดีกว่า ถึงอย่างไรต่อให้เขามีอำนาจในใต้หล้าเพียงใด ก็เป็นแค่ผีตายโหงตนหนึ่ง”

“ข้าไม่เคยรู้เรื่องนี้ แต่หานอ๋องควบคุมกำลังทหารใต้หล้า หากเขามีใจคิดสังหารจวนเสนาบดีจริง เกรงว่าจวนเสนาบดีก็คงไม่สามารถต้านทาน…”

“เช่นนั้นนายท่านจะอยู่ข้างเดียวกันหานอ๋องเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?”

เสนาบดีกู้เองก็ไม่อยาก จึงส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่ อารมณ์ของหานอ๋องเอาแน่เอานอนไม่ได้ ครั้นข้าพึ่งพาเขา เขาไม่อาจปกป้องข้าได้ อีกทั้ง…” อีกทั้งเขาก็ไม่มีชีวิตมาปกป้องตนแล้ว

เสนาบดีกู้อยากครองตำแหน่งยาวนาน จึงต้องพึ่งพาจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน

อู่อี๋เหนียงเคียงข้างเสนาบดีกู้มาหลายปี สำหรับความคิดของเสนาบดีกู้นั้นย่อมมองทะลุปรุโปร่ง

นางยิ้มสะดีดสะดิ้ง “ครั้นเป็นเช่นนี้ เหตุใดนายท่านถึงไม่ยืนข้างฮ่องเต้ละเจ้าคะ ฮ่องเต้ในตอนนี้ไม่ใช่ฮ่องเต้เหมือนแต่ก่อนแล้ว ขอเพียงแค่นายท่านยืนหยัดต่อไป ในเวลานี้ฮ่องเต้ทรงต้องการคนด่วน ไม่มีวันปฏิบัติย่างไม่เป็นธรรมกับเราเป็นแน่เจ้าค่ะ”

“เจ้าพูดถูก ในเมื่อจะดูหมิ่นใครคนหนึ่งแล้ว เช่นนั้นก็ต้องยืนอย่างมั่นคงต่อไป”

แม้ว่าทหารในเมืองเยี่ยส่วนใหญ่ล้วนอยู่ใต้อาณัติของหานอ๋องเทพแห่งสงคราม แต่แม่ทัพใหญ่เซี่ยวก็มีกองกำลังทหารนับแสนใต้อาณัติเช่นกัน

ตระกูลเซียวซื่อสัตย์ต่อเชื้อพระวงศ์มาหลายชั่วอายุคน แม้ว่าตอนนี้จะช่วยทั้งสองฝ่ายไม่ได้ แต่หากต้องสู้รบ แม่ทัพใหญ่เซี่ยวน่าจะยืนข้างเดียวกับฮ่องเต้เป็นแน่แท้

“นายท่าน หม่อมฉันคิดว่า นายท่านน่าจะทูลต่อฮ่องเต้โดยตรง ให้คุณหนูสามเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาวังหลวง ไม่นานคุณหนูสามก็จะได้ครองตำแหน่งพระชายาของหานอ๋องแล้ว เรียนรู้มากขึ้นย่อมเป็นประโยชน์ไม่เป็นโทษแก่นาง ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเคารพที่ฮ่องเต้ทรงมีต่อหานอ๋องด้วยเจ้าค่ะ”

เสนาบดีกู้คิดตามคำพูดของอู่อี๋เหนียง และเข้าใจความหมายของนาง

สำนักศึกษาวังหลวงคือสำนักศึกษาที่สูงส่งที่สุดในเมืองเยี่ย มีเพียงลูกหลานเชื้อพระวงศ์รวมทั้งลูกของเสนาบดีที่มีผลงานดีเด่นเท่านั้น คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้

ณ เมืองเยี่ย ทุกคนต่างภูมิใจที่ได้เข้าร่ำเรียนในสำนึกศึกษาวังหลวงทั้งสิ้น

บุตรีคนรองของเขากู้ชูอวิ๋นเพราะเชี่ยวชาญด้านบทกวีนิพนธ์ กู่เจิง หมากรุก วาดภาพทุกประเภท จึงถูกส่งมายังสำนักศึกษาวังหลวง กระทั่งบัดนี้มีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั่วสารทิศล้วนอิจฉาเขา เขาเองก็ภูมิใจอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง

แต่…

บุตรีคนที่สามของเขาเรียนไม่เก่ง ไม่รู้จักตัวอักษรสักตัว เข้าสำนักศึกษาวังหลวง ต้องเผชิญหน้ากับเด็กที่มีพรสวรรค์ จึงเสียหน้าอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีหน้าตาที่น่าเกลียดจนพากันรังเกียจกันถ้วนหน้า

ครั้นน้อมรับพระราชโองการแล้ว นางคือพระชายาหานอ๋อง ฉะนั้น เท่ากับนางทำให้หานอ๋องต้องเสียหน้าด้วย

หากกราบทูลต่อฮ่องเต้ ฮ่องเต้จะต้องพอพระทัย และชื่นชมเขาเป็นแน่

ส่วนเขา เท่ากับว่าเป็นการฉีกหน้าหานอ๋องโดยสมบูรณ์

เสนาบดีกู้ทอดถอนใจอย่างสบายอารมณ์ หวังเพียงว่าการเลือกยืนข้างฮ่องเต้จะถูกต้อง

“หากหลานเอ๋อฉลาดได้ครึ่งหนึ่งของเจ้า ก็ไม่ถึงขนาดสูญเสียงความบริสุทธิ์ไป”

อู่อี๋เหนียงเอียงศีรษะอิงแอบในอ้อมอกของเสนาบดีกู้ และกล่าวเสียงออดอ้อน “ลานเอ๋อยังเด็ก รู้เท่าไม่ถึงการณ์จึงประสบกับการถูกใส่ร้าย โชคดีที่คนที่รู้เรื่องนี้ไม่มากนัก ของเพียงปกปิดไว้อย่างดี เรื่องที่หลานเอ๋อสูญเสียความบริสุทธิ์ไปคงไม่มีคนล่วงรู้อีก ต่อไปหม่อมฉันจะสั่งสอนนางอย่างดี หวังว่านายท่านอย่าได้ท้อแท้ใจต่อนางเลยเจ้าค่ะ”

เสนาบดีกู้โอบกอดอู่อี๋เหนียงแน่นพร้อมคิดเรื่องราวมากมายในใจ

*กงกง แปลว่าขันทีในวังหลวง