ตอนที่ 103 วิดีโอคอลกับ “สามี” + ตอนที่ 104 เขาสนใจเธอไม่ใช่นิด ๆ เลยนะ

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 103 วิดีโอคอลกับ “สามี”

ภายในห้องสำนักงานของจิ่งเป่ยเฉินนั้นสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ แสงเหล่านี้ทำให้ภายในห้องของเขานั้นดูสว่างไสวมากขึ้น ตอนนี้เจ้าของห้องกำลังก้มหน้าอ่านเอกสารตรงหน้าอย่างจริงจัง

เสื้อสูทสีดำถูกแขวนไว้ตรงเสา เสื้อเชิ้ตสีขาวตรงกระดุมสีดำที่ตรงปลายแขนเผยนาฬิกาสีเงินที่อยู่ตรงข้อมือข้างซ้าย เผยให้เห็นสีผิวที่ขาวสะอาด ด้วยท่าทีที่ดูจริงจังเช่นนี้ต้องยอมรับเลยว่าเขานั้นดูหล่อเหล่ามากจริง ๆ

“คุณจะตกหลุมรักอีกครั้งหากได้มองผม” เขาพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะพลิกดูข้อมูลตรงหน้าไปมา

“คิดไม่ถึงเลยว่าประธานจิ่งจะมีจิตนาการที่ล้ำเลิศขนาดนี้” เธอเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม นี่ไม่ใช่เวลาทำงาน เธอจึงไม่ได้ใส่รองเท้าส้งสูงมาเหมือนตอนกลางวัน ตอนนี้เธอมาในชุดสบายๆ

จิ่งเป่ยเฉินยังคงจำเหตุการณ์เมื่อเช้าได้ดี ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าหลินจื่อเซี๋ยวปลุกเธอละก็ ป่านนี้เขาคงได้ใกล้ชิดเธอมากกว่านี้แล้ว

“ฉันมาส่งอาหารเย็น เดี๋ยวก็จะไปแล้วนะคะ” เธอวางถุงเก็บความร้อนลงบนโต๊ะทำงานของเขาก่อนจะเตรียมตัวเดินออกไป

“จะรีบไปไหน ไม่รอกลับบ้านพร้อมเลขาหลินล่ะ” จิ่งเป่ยเฉินดันเอกสารตรงหน้าไปด้านข้างและพูดขึ้น “คุณทำอาหารเป็นด้วยเหรอ?”

“ก็ถู ๆ ไถ ๆ”

“ไม่อร่อยงั้นเหรอ?” จิ่งเป่ยเฉินเอื้อมไปหยิบถุงอาหารขึ้นมาดู ถ้าหากต้องดูแลเด็ก ๆ ไม่มีอะไรที่ไม่อร่อยหรอก ไม่งั้นพวกเด็ก ๆ ทั้งสองคนคงไม่กินเข้าไปแน่

“ยากที่คนอื่นจะกิน ไม่รู้ว่าประธานจิ่งจะชอบหรือเปล่า ประธานจิ่งอาจจะไม่ชอบ แต่คนอื่นอาจจะชอบ” เธอยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานเขาด้วยใบหน้าที่สงบนิ่ง

จิ่งเป่ยเฉินเปิดถุงเก็บความร้อนที่ภายในบรรจุอาหารเอาไว้ เพื่อหยิบอาหารออกมา ในนั้นมีไก่ หน่อไม้ แคร์รอต ถั่วงอก และขึ้นฉ่าย

ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นอาหารเบา ๆ สำหรับเด็ก ในฐานะที่เป็นแม่คน นับได้ว่าเธอค่อนข้างมีคุณสมบัติพอสมควร

เขาเหลือบมองเห็นแจ็กเก็ตยีนของเธอ ก่อนจะไล่สายตาไปที่กระโปรงยาวสีขาวที่เธอสวมอยู่ ช่างดูเข้ากับลุกส์สบาย ๆ ของเธอจริง ๆ “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเหรอ?”

“นี่มันเวลาเลิกงานแล้ว” เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“นั่งลงสิ” เขามองไปที่เธอก่อนจะตักอาหารเข้าปาก รสชาติของมันไม่เลวเลยทีเดียว

อันโหรวนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เธอคิดถึงเรื่องไร้สาระอยู่ในหัว แต่เดิมทีเธอคิดจะให้จิ่งเป่ยเฉินได้รับรู้ว่าตัวเธอนั้นมีคนรักอยู่แล้ว หน่วนหน่วนกับหยางหยางเองก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา เขาจะได้ยอมถอยไปสักที

จิ่งเป่ยเฉินมีความสุขอย่างมากกับปฏิกิริยาของเธอ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นแต่อย่างใด

ทันใดนั้นสำนักงานขนาดใหญ่ก็เงียบลงอีกครั้ง ก่อนจะได้ยินเสียงเคี้ยวอาหารเบา ๆ ดังขึ้นทำลายความเงียบที่มี

อันโหรวหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาก่อนจะยิ้มบาง ๆ ให้เขา “ประธานจิ่ง ค่อย ๆ กินนะคะ เดี๋ยวสามีของฉันจะวิดีโอคอลมา”

“อย่างนี้นี่เอง กังวลมากขนาดนั้นเชียว?” จิ่งเป่ยเฉินหมดอารมณ์ที่จะกินอีกต่อไป “ทำไมไม่โทรไปเลยล่ะ แล้วก็บอกว่าคุณทำงานล่วงเวลา”

เขาเองก็อยากเห็นจริง ๆ ว่าสามีของเธอนั้นเป็นใคร!

“แบบนั้นคงไม่ค่อยดีเท่าไร” เธอบอกก่อนกดรับสายที่โทรเข้ามา เธอมองคนในสายอย่างเขินอายและพูดว่า “สามีขา กำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”

“แน่นอนสิว่าต้องคิดถึงคุณ!” สำเนียงภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วดังออกมาจากปลายสาย “คุณไม่ได้อยู่กับลูกที่บ้านเหรอ?”

“จื่อเซี๋ยวกำลังทำงานล่วงเวลา ฉันเลยมาส่งอาหารให้เธอ” เธอเหลือบสายตามองไปยังจิ่งเป่ยเฉินแวบหนึ่ง ก่อนใบหน้าจะยิ้มกรุ่มกริ่มออกมาและพูดว่า “ฉันเองก็คิดถึงคุณนะ!”

“ด้านหลังของคุณ ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” แมนนิ่งมองที่ข้างหลังก่อนจะแกล้งพูดว่า “ภรรยา คุณยุ่งกับผู้ชายคนอื่นไม่ได้นะ ไม่งั้นผมโกรธจริง ๆ ด้วย!”

……………………

ตอนที่ 104 เขาสนใจเธอไม่ใช่นิด ๆ แล้วนะ

“ไม่หรอก ฉันจะไปชอบคนอื่นได้ยังไง มีคุณอยู่ทั้งคน” อันโหรวพูดไปพร้อมกับทำท่า “จุ๊บ ๆ” ใส่เขา “คืนนี้กลับบ้านค่อยคุยกันนะ อยู่ที่นี่ไม่ค่อยสะดวก”

จิ่งเป่ยเฉินมองผู้ชายผมบลอนด์ตาสีฟ้าผ่านทางโทรศัพท์ นั่นคงเป็นสามีของเธอที่เป็นชาวต่างชาติที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมแต่งงานแน่ ๆ

แต่ก่อนที่เขาจะคิดและเปรียบเทียบระหว่างผู้ชายคนนั้นกับอันหน่วน อันโหรวกลับวางสายซะก่อน

“อ้าว ประธานจิ่ง คุณไม่ได้กำลังกินข้าวอยู่เหรอ ทำไมถึงเดินมานี่คะ?” เธอเดินเข้าไปหาเขาสองสามก้าว “หรือว่าประธานจิ่งสนใจสามีฉันยังงั้นเหรอคะ?”

จิ่งเป่ยเฉินมองเธอด้วยใบหน้าที่เย็นชา ดวงตาสีดำสนิทของเขากวาดมองไปทั่วร่างของอันโหรว ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปหยิบเสื้อคลุมที่ราวมาใส่และเดินจากไป

อันโหรวเห็นเขาออกไปแบบนั้นก็รีบเก็บข้าวของบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปหาหลินจื่อเซี๋ยว

หลินจื่อเซี๋ยวที่กำลังรออย่างร้อนรน เมื่อเห็นเธอออกมาอย่างปลอดภัยก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง โดยไม่ได้สังเกตอะไรมาก

“อันโหรว ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เธอมองซ้ายมองขวา มองขึ้นมองลง เมื่อเห็นว่าเพื่อนของตนไม่เป็นอะไรจริง ๆ จึงถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ประธานจิ่งดูเหมือนจะโกรธมากเลย นี่เธอทำอะไรกันแน่” หลินจื่อเซี๋ยวเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

“เดี๋ยวอธิบายทีหลังนะ” อันโหรวไม่คิดจะอยู่ที่นี่นาน เมื่อจิ่งเป่ยเฉินออกไปแล้ว เธอเองก็ควรรีบไปด้วยเหมือนกัน

เมื่อกลับมายังรถ หลินจื่อเซี๋ยวมองไปที่เพื่อนของตนก่อนจะเบ้ปากเบา ๆ “นี่เธอไปหาคนที่จะแต่งงานหลอก ๆ นั่นมาจากที่ไหนกัน?”

“หาตามทางเอา” อันโหรวชำเหลืองสายตามอง ก่อนจะพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี่ฉันมีเพื่อนที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง เลยให้เขาช่วยฉันนิดหน่อย”

“ดูเหมือนว่าประธานจิ่งจะสนใจเธอไม่ใช่นิด ๆ เลยนะ!” หลินจื่อเซี๋ยวเอ่ย เมื่อครู่เธอแอบมองพวกเขาอยู่ที่ประตู

เมื่อเห็นจิ่งเป่ยเฉินเดินออกมาก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก

“หลังจากนี้เขาไม่น่าจะทำอะไรได้แล้วล่ะ ในเมื่อเห็นหลักฐานที่ฉันเตรียมเอาไว้ขนาดนั้นแล้ว อีกอย่างที่ฉันทำก็เพื่อป้องกันแบบมีเหตุผล ถ้าเกิดเขายังดิ้นรนฝืนทำอะไรอีก ก็พิสูจน์ได้เลยว่าเขานั้นเป็นคนที่ไร้ศีลธรรม” อันโหรวเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

สุดสัปดาห์ถัดมา วันนี้เป็นวันหยุด แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมาสองวันแล้ว ทุกอย่างก็ยังคงปกติสุขดีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เพียงชั่วพริบตาวันจันทร์ก็มาถึง อันโหรวต้องส่งเด็ก ๆ ทั้งสองคนไปเรียนที่โรงเรียนอนุบาลสายรุ้ง เมื่อถึงทางเข้าหน้าประตูโรงเรียน อันหน่วนก็ไม่คิดอยากจะแยกกับแม่จ๋าของตนไป

เธอดึงมือทั้งสองข้างของอันโหรวเอาไว้ ก่อนจะกะพริบตาจับจ้องไปที่แม่ของตน “แม่จ๋า เพื่อนเยอะแยะแบบนี้ ถ้าหากพวกเขาไม่ชอบหน่วนหน่วนขึ้นมาจะทำยังไง หน่วนหน่วนกับพวกเขาไม่เหมือนกันด้วย”

“ไม่หรอก พวกเขาต้องชอบหน่วนหน่วนอย่างแน่นอน” เธอยื่นมือไปลูบผมของลูกสาวด้วยท่าทีที่อ่อนโยน “พี่ชายหนูจะดูแลหนูเป็นอย่างดี แม่จ๋าจะมารับพวกหนูอย่างตรงเวลาแน่นอน”

“อือ อือ” อันหน่วนในที่สุดก็เบาใจลงและยอมเดินตามอันหยางไปด้วยท่าทีที่มีความสุข

เนื่องจากวันนี้เป็นวันนัดถ่ายโฆษณา และตอนนี้ยังอยู่ในช่วงบรีฟงาน เธอจึงไม่ได้เข้าไปที่บริษัท แต่ตรงมายังสตูดิโอถ่ายโฆษณาแทน

เมื่อถึงเวลาคนอื่น ๆ ก็กำลังยุ่งอยู่กับการจัดฉาก เธอจึงเดินเข้าไปยังห้องแต่งตัว เพื่อดูช่างแต่งหน้าที่กำลังแต่งหน้าให้กับเหอเฉ่าอยู่

“วันนี้สภาพจิตใจนับว่าไม่เลว ถ่ายโฆษณาต้องออกมาดีแน่ ๆ” เธอพูดขณะเดินไปยังราวเสื้อผ้า มองดูเสื้อผ้าที่ถูกแขวนไว้อย่างพิจารณา

เหอเฉ่าแม้ในใจคิดอยากจะพูด แต่เพราะกำลังแต่งหน้าอยู่จึงไม่อาจพูดได้ เธอแทบจะไม่กล้าขยับเขยื้อนตัวด้วยซ้ำ จึงทำเพียงนั่งเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้นต่อไป

ทางด้านคนของแผนกวางแผนก็ยังไม่มีใครมา เพียงแต่ว่าโฆษณาชุดนี้อันโหรวเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เธอจึงไม่สนใจว่าคนอื่นจะมาหรือไม่