ตอนที่ 70 สิทธิ์การใช้งานช่องเก็บของ

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

พอสูเสี่ยนฉู่กลับมาที่โพรงถ้ำ เขาก็เห็นว่าหวังเหลยกำลังสำรวจแผลตัวเองอยู่ จึงหันไปถามเริ่นเสี่ยวซู่ต่อ “ยังมียาเหลืออีกไหม”

มีหวังเหลยเป็นหนูทดลองให้แล้ว สูเสี่ยนฉู่ก็รู้ได้ทันทีว่ายาดำล้ำค่าขนาดไหน ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บในแดนรกร้างละก็ การมียาดำติดตัวไว้ ก็ถือว่าช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตสูงมาก!

“ไม่มีแล้ว” เริ่นเสี่ยวซู่ตอบทันควัน

“ฉันจะจ่ายเงินให้…” สูเสี่ยนฉู่พูด

“จริงๆ แล้วมีเหลืออยู่หน่อยน่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่พูด ถ้าเป็นของอย่างอื่น ให้ตายเขาก็ไม่ยอมแลกเป็นเงินหรอก ในแดนรกร้างแบบนี้จะเอาเงินไปทำอะไร แต่ยาดำไม่อยู่ในกรณีนี้

ทันใดนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็นึกปัญหาอย่างหนึ่งมาได้ “ไม่ใช่ว่านายไม่มีเงินหรอกเหรอ”

สูเสี่ยนฉู่พูด “เจ้าสามคนนั้นที่นายฆ่าไปมีเงินติดตัวกันอยู่ ฉันเลยเอามาหมด”

เริ่นเสี่ยวซู่พลันรู้สึกถึงใจที่ปวดแปล๊บจนหายใจไม่ทั่วท้อง เขาไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! ทำไมถึงไม่ไปค้นศพก่อนวะเนี่ย! ทำผิดแบบโง่ๆ ลงไปได้อย่างไร!

ก็คือสูเสี่ยนฉู่ออกไปค้นตัวศพข้างนอกมาสินะ เจ้านี้นี่รอเก่งฉิบ ตอนฟ้ามืดกลัวอันตราย เลยรอจนรุ่งสางฟ้ามีแสงแล้วถึงค่อยออกไป

เริ่นเสี่ยวซู่กล่าวอย่างรันทดใจ “นั่นไม่ใช่เงินนายสักหน่อย! มันเป็นเงินฉันชัดๆ อย่างน้อยต้องแบ่งฉันครึ่งหนึ่ง!”

สูเสี่ยนฉู่คิด ก่อนจะพูด “อยู่นี่มีเงินไปฉันก็ไม่ได้ใช้ ตราบใดที่นายให้ยาดำฉัน เงินติดตัวที่มีอยู่แปดพันกว่าหยวนตอนนี้ฉันจะให้นายหมดเลย”

เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินว่าสามคนนั้นมีเงินสดพกรวมกันแปดพันกว่าหยวน ใจก็เจ็บจี๊ดหนักกว่าเดิมอีก

เริ่นเสี่ยวซู่กวาดตามองสูเสี่ยนฉู่ *เขาไม่หวังเงินจริงอะ?*จึงควักยาดำที่หลังจากทาให้หวังเหลยแล้วเหลืออยู่ครึ่งขวดออกมาให้สูเสี่ยนฉู่ “เงิน”

“เอาไป” สูเสี่ยนฉู่ควักเงินมาหมดกระเป๋าแล้วยื่นให้เริ่นเสี่ยวซู่ เขาถึงกับล้วงกระเป๋ากางเกงออกมาข้างนอก แสดงให้เห็นจะๆ เลยว่าไม่มีเงินแล้วสักแดง

เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้าอย่างพอใจ ถึงเขาไม่ได้รู้จักสูเสี่ยนฉู่ดีนัก แต่การกระทำของเขาตลอดการเดินทางมานี้ บ่งบอกว่าเขาค่อนข้างเชื่อถือได้เลย

ขณะที่เริ่นเสี่ยวซู่รับเงินมาจากสูเสี่ยนฉู่ เสียงจากพระราชวังก็ดังขึ้น [ตรวจพบว่าร่างต้นมีเงินในครอบครองครบสองหมื่นหยวน การใช้งานช่องเก็บของขั้นพื้นฐานเปิดให้ซื้อได้แล้ว]

ตอนเริ่นเสี่ยวซู่รักษาแผลหวังเหลย ก็ได้เงินจากเขามาหนึ่งพันสองร้อยหยวน จากนั้นเป็นลั่วซินอวี่ให้มาอีกหมื่นเป็นค่าช่วยเหลือ พอได้อีกแปดพันเก้าร้อยหยวนจากสูเสี่ยนฉู่อีก รวมแล้วเริ่นเสี่ยวซู่ก็มีทั้งหมดสองหมื่นกับอีกร้อยหยวนพอดี

เริ่นเสี่ยวซู่ชะงักงันไปยกใหญ่ ก่อนหน้านี้เขากระเหี้ยนกระหือรืออยากปลดล็อกช่องเก็บของของพระราชวังมาก แต่ตัวพระราชวังไม่เคยบอกวิธีได้รับมันเลย

เขาเดาว่าตนเองน่าจะต้องทำภารกิจอะไรบางอย่างให้สำเร็จ หรือไม่ก็ภารกิจรองแบบที่ให้ปลดล็อกอาวุธประมาณนั้น

ไม่คิดเลยว่าต้องเอาเงินตัวเองไปปลดล็อกช่องเก็บของ! เป็นแค่พระราชวังมายา จะเอาเงินไปเพื่อ!

ตั้งแต่เกิดมาเริ่นเสี่ยวซู่ยังไม่เคยได้แตะเงินหลักหมื่นเลย ตอนนี้พอได้เงินเกือบหมื่นจากสูเสี่ยนฉู่มาปุ๊บ ก็ต้องใช้จ่ายออกไปในชั่วพริบตา ราวกับทุกอย่างกลับไปเริ่มต้นใหม่

แต่ไม่จ่ายก็ไม่ได้อีก! การมีช่องเก็บของให้ใช้งานในแดนรกร้างสำคัญขนาดไหนเริ่นเสี่ยวซู่รู้ดี จึงกัดฟันกรอด กล่าวกับพระราชวังในห้วงจิต “ซื้อเลย!”

ทันใดนั้นประตูหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในพระราชวัง มันค่อยๆ แง้มเปิดออก จากนั้นเริ่นเสี่ยวซู่ก็เห็นพื้นที่ขนาดหนึ่งตารางเมตรหลังประตูนั้น

ไอ้พระราชวังลวงโลก! สองหมื่นหยวนได้ที่แค่เนี้ยอะนะ? ก่อนหน้านี้พระราชพูดอะไรนะ…อ๋อใช่ การใช้งานช่องเก็บของขั้นพื้นฐานเปิดให้ซื้อแล้ว

แสดงว่าเขาสามารถซื้อระดังกลาง สูง แล้วก็เพิ่มขั้นไปได้เรื่อยๆ อยู่สินะ หลังจากซื้อไป พื้นที่หลังประตูคงจะเพิ่มขึ้น สุดท้ายก็คงกลายเป็นขนาดบ้านหลังหนึ่ง

แต่กว่าจะไปถึงระดับนั้นได้ เขาต้องทุ่มเงินขนาดไหนกัน เริ่นเสี่ยวซู่ไม่มั่นใจเลยว่าชีวิตนี้จะหาเงินก้อนขนาดนั้นได้หรือเปล่า!

เริ่นเสี่ยวซู่รู้สึกขมขื่นแกมหวานชื่น ว่าตามตรงผลตอบแทนวันนี้ ดีกว่าทุกวันที่ผ่านมารวมกันเสียอีก เขาเดินออกไปหักกิ่งไม้ข้างนอก จากนั้นก็เลาะเปลือกไม้ออก จากนั้นก็นำเนื้อไม้สีขาวข้างในมาแปรงฟัน ถึงหน้าล้างไม่ได้ ฟันต้องแปรงให้สะอาดหมดจด

การจะอาศัยในแดนรกร้างได้อย่างอิสระเสรี จำเป็นต้องมีสุขภาพในช่องปากที่ดีด้วย

เริ่นเสี่ยวซู่พลันเห็นว่าหยางเสียวจิ่นกับสูเสี่ยนฉู่เองก็กำลัง ‘แปรงฟัน’ ด้วยก้านไม้เหมือนกันกับเขา สองคนนี้พอเป็นเรื่องเอาตัวรอดแล้วกระตือรือร้นมาก เริ่นเสี่ยวซู่ทำอะไรก็พร้อมจะเรียนรู้เกือบหมด

เริ่นเสี่ยวซู่คว้าใบไม้กำใหญ่ยัดใส่กระเป๋าไว้ สูเสี่ยนฉู่กับหยางเสียวจิ่นก็ควักไม้ใบกำใหญ่จากต้นไม้แบบเดียวกันกับของเริ่นเสี่ยวซู่ใส่กระเป๋าไม่ต่างกัน

ดั่งคำกล่าวสามคนเดินมา หนึ่งในนั้นย่อมมีอาจารย์เรา[1] พวกสูเสี่ยนฉู่เห็นเริ่นเสี่ยวซู่มีประสบการณ์ในแดนรกร้างมากกว่าตนมาก ความคิดแรกของพวกเขาคือ เรียนรู้จากเริ่นเสี่ยนซู่ให้มาก มีแต่ต้องเรียนรู้จากเขา ถึงจะเอาตัวรอดในแดนรกร้างได้ง่ายขึ้นบ้าง

แต่สูเสี่ยนฉู่ยังมีข้อสงสัยอยู่หน่อย “เอาใบไม้พวกนี้ไปทำไมน่ะ”

เริ่นเสี่ยวซู่หัวเราะฮาฮา ควักใบไม้จากกระเป๋าโยนทิ้งไป “ไม่ได้ทำอะไร แค่อยากเห็นเฉยๆ ว่าพวกนายจะลอกเลียนแบบฉันหรือเปล่า”

สูเสี่ยนฉู่เหม่อมองเริ่นเสี่ยวซูพักใหญ่ด้วยความพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทู่ซี้เก็บใบไม้ในกระเป๋าไม่ยอมโยนทิ้ง ที่เด็ดใบไม้ก็เพราะอยากเด็ด ไม่ใช่เพราะคิดอยากลอกเลียนแบบเริ่นเสี่ยวซู่หรอกโว้ย!

แต่หยางเสียวจิ่นไม่เหมือนเขา เธอทำเหมือนกับว่าแถวนั้นไม่มีใคร คว้าใบไม้อีกกำใหญ่ยัดใส่กระเป๋า

ความแข็งแกร่งด้านจิตใจของสูเสี่ยนฉู่ หยางเสียวจิ่น และเริ่นเสี่ยวซู่สูงกว่าลั่วซินอวี่และคนอื่นๆ มากอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคืนมีคนตายมากมาย พวกเขาสามคนยังทำตัวไม่ยี่หระได้ ราวกับว่ามินำพาอะไร

ลั่วซินอวี่กับคนอื่นๆ ทำไม่ได้ ตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่ หยางเสียวจิ่น และสูเสี่ยนฉู่ออกไปแปรงฟัน พวกเธอไม่กล้าย่างกรายออกไปเพราะกลัวศพทั้งสามร่างข้างนอก

ลั่วซินอวี่ หลิวปู้ และหวังเหลยต้องปลอบใจตัวเองอยู่พักใหญ่กว่าจะกล้าออกมาข้างนอกได้ในที่สุด ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วผู้อื่นยังยิ้มหัวเราะออกมาได้อย่างไร

“เตรียมตัวออกเดินทาง” สูเสี่ยนฉู่ว่า “ไม่รู้ว่าเดี๋ยวพวกเราจะเจออันตรายอะไรหรือเปล่า ต้องออกเดินทางได้แล้ว พวกเราต้องหาที่ก่อนฟ้าจะมืดให้ได้ หวังว่าต่อแต่นี้ไปคงไม่มีใครคิดจะไปไหนมาไหนด้วยตัวเองแล้วนะ ออกไปเองเกิดอะไรขึ้นพวกนายก็เห็นกันเองแล้ว”

ตอนนี้พวกเขาอยู่ชายขอบของเขาจิ้งซานเรียบร้อยแล้ว เริ่นเสี่ยวซู่เห็นควันดำลอยโขมงออกจากปล่องภูเขาไฟ ยิ่งคืบหน้าเข้าไปยิ่งอันตราย

“สรุปบอกหน่อยได้ไหมว่าในเขาจิ้งซานมีอะไรกันแน่” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม

สูเสี่ยนฉู่คิดพักหนึ่ง พลางว่า “อาจจะมีคำตอบว่าทำไมสัตว์ป่าถึงวิวัฒนาการ หรืออาจจะพบต้นตอของสิ่งชีวิตสายพันธุ์ใหม่”

“ตอนนายออกจากป้อมมา พวกเขาบอกว่าข้างในน่าจะมีอะไร” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม

สูเสี่ยนฉู่ไม่ปิดบัง “เมืองลับแล”

……………………

[1] สามคนเดินมา หนึ่งในนั้นย่อมมีอาจารย์เรา (三人行,必有我师) สุภาษิตจีน มาจากประโยคเต็มว่า “สามคนเดินมา หนึ่งในนั้นย่อมมีอาจารย์เรา เลือกปฏิบัติตามสิ่งที่ดีของเขา นำสิ่งไม่ดีของเขามาปรับปรุงแก้ไข (三人行 , 必有我师焉。择其善者而从之 ,

其不善者而改之)